หลุมสิวเกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไรบ้าง ?
ปัญหาสุดกลุ้มใจของคนเป็นสิว ที่นอกจากจะทิ้งรอยดำรอยแดงแล้ว ยังมีหลุมสิวอีกด้วย หลุมสิวเป็นปัญหาที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน เป็นรอยบุ๋มขรุขระ ซึ่งปัญหาหลุมสิวนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่เคยมีสิวรุนแรง แล้วได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง หรือมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดเป็นหลุมสิวขึ้นได้ ในบทความนี้หมอจะมาแนะนำให้รู้จักเกี่ยวกับหลุมสิว เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับหลุมสิวมากขึ้นและสามารถดูแลรักษาปัญหาหลุมสิวนี้ได้อย่างถูกวิธี เพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
หลุมสิว (Atrophic Scars) คือรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหายแล้ว มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลึกตื้น บนบริเวณตำแหน่งที่เคยเกิดสิวมาก่อน โดยใต้ชั้นผิวจะมีเป็นพังผืดที่คอยดึงยึดผิวหนังให้ยุบลงไป ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน สม่ำเสมอ ดูขรุขระ
หลุมสิวเกิดได้จากกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังที่ไม่สมบูรณ์หลังจากเกิดสิวอักเสบหรือสิวอุดตัน ซึ่งอาจเกิดจากคอลลาเจนใต้ชั้นผิวไม่เพียงพอ เพราะเมื่อเกิดการอักเสบจะมีการทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณนั้น แล้วผิวหนังไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่เคยเกิดสิวอักเสบได้อย่างถูกต้อง จึงทำให้เกิดเป็นแผลเป็นหรือหลุมสิวขึ้นมา
นอกจากนี้การรักษาสิวที่ผิดวิธีก็มีส่วนทำให้เกิดหลุมสิวได้ เช่น การกดหรือบีบสิวอย่างรุนแรง, การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างไม่ระวัง, และการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ไม่เหมาะสม มีส่วนผสมของสารเคมีมากเกินไป ซึ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว และสามารถทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้มากขึ้น
หลุมสิวจะมีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะความรุนแรงของหลุมสิว และระดับความง่ายในการรักษา ซึ่งได้แก่
– หลุมสิวแบบจิก (Icepick Scar)
มีลักษณะเป็นหลุมลึกที่มีความลึกมากกว่าหลุมสิวชนิดอื่นๆ แต่มีขนาดเล็กและแคบ ขนาดความกว้างไม่ถึง 2 มิลลิเมตร ก้นของหลุมสิวจะคล้ายกับกรวย มีลักษณะเหมือนกับรูขุมขนลึก หลุมสิวแบบจิกเป็นหลุมสิวที่มีความรุนแรงมากที่สุดในหลุมสิวทั้งหมด อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษาและอาจจะต้องใช้วิธีรักษาที่หลากหลาย
โดยหลุมสิวประเภทนี้เกิดจากสิวอักเสบที่เกิดขึ้นในผิวหนังชั้นลึกลงไปถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อของผิวหนังชั้นลึกและต่อมรูขุมขน
– หลุมสิวแบบกล่อง (Box Scar)
มีลักษณะคล้ายกับรอยแผลเป็นจากโรคอีสุกอีใส จะเป็นบ่อกว้างๆ โดยจะมีความกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ก้นหลุมกับปากหลุมจะมีความกว้างพอๆกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน จะมีขอบหลุมสิวที่ชัด สามารถเห็นขอบได้ชัดเจน หลุมสิวประเภทนี้จะมีความรุนแรงระดับปานกลาง สามารถรักษาหายได้ง่ายกว่าหลุมสิวแบบจิก
โดยหลุมสิวแบบกล่องนี้เกิดจากการอักเสบของผิวหนังชั้นลึกที่เกิดจากสิวอักเสบหรืออีสุกอีใสที่เป็นในระดับปานกลางหรือรุนแรง การกดหรือบีบสิวอย่างรุนแรง
– หลุมสิวแบบคลื่น (Rolling Scar)
เป็นหลุมสิวแบบตื้นๆ มีลักษณะเหมือนแอ่งกระทะที่เว้าลงไปไม่ลึกมาก ไม่มีขอบชัดเจน มีความกว้างประมาณ 4-5 มิลลิเมตร หลุมสิวประเภทนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บริเวณรอบๆแก้ม เป็นหลุมสิวที่สามารถรักษาหายได้ง่ายที่สุด
โดยหลุมสิวแบบคลื่นนี้เกิดจากการแกะหรือบีบสิวทำให้สิวมีความอักเสบมากขึ้นกว่าเดิม และเกิดเป็นแผลเป็นได้
การรักษาหลุมสิวสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
– การรักษาหลุมสิวด้วยการใช้ยา จะเป็นการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าในกลุ่มที่มีสารเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยวิธีนี้สามารถใช้รักษาปัญหาสิวและหลุมสิวตื้นๆให้ดีขึ้นได้
– การเลาะพังผืดหรือSubcision เป็นการใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง และใช้เทคนิคทางการแพทย์ในการเลาะพังผืดที่ยึดติดกับเยื่อหุ้มผิวหนังทั่วบริเวณที่เป็นหลุมสิวออก เพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและเกิดกระบวนการซ่อมแซมผิวตามบริเวณที่ทำ สามารถใช้รักษาหลุมสิวแบบกล่อง (Box Scar) และหลุมสิวแบบคลื่น (Rolling Scar)ได้ โดยอาจจะต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
– รักษาหลุมสิวด้วยการใช้ Fractional laser เป็นวิธีรักษาปัญหาหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพ โดยเลเซอร์จะส่งพลังงานเข้าไปยังบริเวณที่เป็นหลุมสิวได้ในระดับลึก ช่วยในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและปรับสภาพผิวให้ผิวแข็งแรง ลดความลึกของหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น โดยที่ Smooth Clinic จะมีการใช้เป็นเครื่อง Picolo laser และเครื่อง SylfirmX ซึ่งทั้งสองเครื่องจะมีการใช้นวัตกรรมในการรักษาหลุมสิวที่ต่างกันไป โดยสามารถใช้ในการรักษาหลุมสิวร่วมกันทั้งสองวิธีได้ทั้งนี้
– การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มหลุมสิว เป็นวิธีที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ซึ่งจะเป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิก แอซิด(Hyaluronic Acid) เข้าไปเติมเต็มบริเวณที่มีหลุมสิว ให้หลุมสิวดูเต็มขึ้น ให้ผิวหน้าเรียบเนียน ดูชุ่มชื้นและอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น
– การรักษาหลุมสิวด้วย Collagen Biostimulator เป็นการรักษารูปแบบใหม่ล่าสุดที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน โดยเป็นการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว อาทิเช่น สารกลุ่ม PLLA (Poly L Lactic Acid) หรือ PDLLA (Poly D Lactic Acid) ซึ่งสารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้เซลล์ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ช่วยให้บริเวณที่มีหลุมสิวดูตื้นขึ้น รวมทั้งผิวหน้ามีความยืดหยุ่น และดูกระชับผิวขึ้น สามารถทำร่วมกับการตัดพังผืด (Subcision) และการใช้เลเซอร์ได้
เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดอาจจะต้องเลือกใช้วิธีการรักษาหลุมสิวตามข้างต้นร่วมกันหลายวิธี(Combination therapy) ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับสภาพผิวและระดับปัญหาหลุมสิวของแต่ละบุคคลตามการประเมินของแพทย์
ปัญหาหลุมสิวเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบหรืออุดตัน โดยสามารถรักษาให้หายด้วยหลายวิธีด้วยกัน แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษา ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของหลุมสิว ตามประเภทและลักษณะของหลุมสิวแต่ละชนิด ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาหลุมสิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับคนไข้แต่ละท่านมากที่สุด