
หลายคนที่กำลังคิดจะทำหัตถการความงาม เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ มักมีคำถามแรกในใจว่า “เจ็บไหม?” ยาชาคือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บ ทำให้การทำหัตถการเป็นเรื่องที่สบายขึ้นและมั่นใจได้มากกว่า บทความนี้จะพาไปรู้จักยาชาแบบต่าง ๆ ความแตกต่าง วิธีการเลือกใช้ ไปจนถึงข้อควรรู้ที่ควรถามแพทย์ก่อนทำ
ยาชาคือยาที่ใช้เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่ทำหัตถการ โดยออกฤทธิ์เฉพาะที่ ไม่ได้ทำให้ผู้รับบริการหมดสติ การใช้ยาชาในคลินิกความงามมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายใจขึ้น ลดความกังวล และทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
ในทางการแพทย์ ยาชามีหลายชนิดและหลายวิธีการใช้ แต่สำหรับหัตถการด้านความงาม มักเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับผิวหนังและความต้องการของแต่ละหัตถการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี พร้อมกับลดความเจ็บปวดให้น้อยที่สุด
ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามสามารถแบ่งออกได้ตามวิธีการออกฤทธิ์หลัก ๆ ดังนี้
เป็นยาที่อยู่ในรูปครีมหรือเจล ทาบนผิวเพื่อให้ซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ใช้สำหรับหัตถการที่ไม่ลึกมาก เช่น เลเซอร์ผิวหนัง การฉีดเมโส หรือการทำทรีตเมนต์ที่ผิวชั้นตื้น
แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดในบริเวณที่จะทำหัตถการ ช่วยให้บริเวณนั้นชาได้รวดเร็วและลึกกว่าแบบทา มักใช้กับหัตถการที่มีการฉีดสารเติมเต็ม ฟิลเลอร์ หรือหัตถการที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น
เป็นการฉีดหรือบล็อกเส้นประสาทเพื่อให้บริเวณที่กว้างขึ้นไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนใหญ่ใช้ในหัตถการผ่าตัดเล็กมากกว่าการทำทรีตเมนต์เสริมความงามทั่วไป
ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามมีทั้งแบบทาและแบบฉีด ซึ่งมีจุดเด่นและการใช้งานต่างกัน
การเลือกใช้ยาชาในคลินิกความงามขึ้นอยู่กับลักษณะของหัตถการและระดับความเจ็บที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
การเลือกใช้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ โดยจะพิจารณาความเหมาะสมของคนไข้แต่ละรายควบคู่กันไป
ระยะเวลาที่ต้องรอหลังทายาชาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ได้เหมือนกันทุกคลินิก
ยาชาแต่ละสูตรมีความเข้มข้นและส่วนผสมไม่เหมือนกัน บางชนิดออกฤทธิ์เร็วภายใน 15–20 นาที แต่บางชนิดต้องรอนานกว่า 30 นาที
หัตถการที่ทำตื้น เช่น เลเซอร์หน้าใส อาจไม่ต้องรอนาน ขณะที่หัตถการที่ใช้เข็มลึก เช่น ฟิลเลอร์ อาจต้องทายาชาให้นานขึ้นเพื่อให้ชาเพียงพอ
บางคลินิกมีเครื่องมือช่วยให้ยาชาซึมเร็วขึ้น เช่น เครื่องผลักยา หรือการใช้พลาสติกแรปปิดหลังทา จึงทำให้รอเวลาสั้นลง
แม้ว่ายาชาที่ใช้ในคลินิกความงามจะมีความปลอดภัยสูง แต่มีบางกลุ่มที่ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ
เช่น ผู้ที่เคยแพ้ยาที่มีส่วนผสมของ lidocaine หรือยากลุ่มเดียวกัน
เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง โรคตับ หรือโรคไต เพราะการกำจัดยาชาอาจทำงานไม่สมบูรณ์
แม้บางชนิดจะถือว่าปลอดภัย แต่แพทย์จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาที่ส่งผลต่อระบบประสาท
โดยทั่วไป ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามมีความปลอดภัยสูง หากใช้ในปริมาณและวิธีที่ถูกต้องภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงได้ในบางกรณี
หากมีอาการผิดปกติหลังได้รับยาชา ควรรีบแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม
ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามต้องเป็นยาที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย เพื่อรับรองความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต
ดังนั้น เมื่อเข้ารับบริการในคลินิกความงาม ควรถามแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ว่าผลิตภัณฑ์ยาชาที่ใช้มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องหรือไม่
การใช้ยาชาเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้หัตถการความงามทำได้อย่างราบรื่น แพทย์แนะนำแนวทางง่าย ๆ ที่ควรปฏิบัติทั้งก่อนและหลังการใช้ยาชา ดังนี้
โดยทั่วไป ยาชาแบบทาจะออกฤทธิ์ประมาณ 30–60 นาที ขณะที่ยาชาแบบฉีดอาจอยู่ได้ 1–2 ชั่วโมง ขึ้นกับชนิดยาและปริมาณที่ใช้
การทายาชาไม่ทำให้เจ็บ อาจรู้สึกเย็นหรือยิบ ๆ เล็กน้อยบนผิวเท่านั้น
ไม่แนะนำให้ใช้เองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจเกิดการใช้ผิดปริมาณหรือแพ้ยาได้
ส่วนใหญ่ต้องทาล่วงหน้า 20–30 นาที แต่ขึ้นอยู่กับสูตรยาชาและวิธีการดูแลของแต่ละคลินิก
ยาชาเป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ แต่สำคัญมากในการทำหัตถการความงาม เพราะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการเจ็บน้อยลงและรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ที่ Smooth Clinic อโศก เราให้ความสำคัญกับการเลือกยาชาที่ได้มาตรฐาน อย. พร้อมดูแลทุกขั้นตอนโดยแพทย์ เพื่อให้การรักษาปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
หากคุณกำลังสนใจทำหัตถการและอยากปรึกษาเรื่องการใช้ยาชา สามารถติดต่อทีมแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลได้โดยตรง