ยาชา มีกี่แบบ? ต่างกันยังไง คลินิกใช้แบบไหน

หลายคนที่กำลังคิดจะทำหัตถการความงาม เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ มักมีคำถามแรกในใจว่า “เจ็บไหม?” ยาชาคือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บ ทำให้การทำหัตถการเป็นเรื่องที่สบายขึ้นและมั่นใจได้มากกว่า บทความนี้จะพาไปรู้จักยาชาแบบต่าง ๆ ความแตกต่าง วิธีการเลือกใช้ ไปจนถึงข้อควรรู้ที่ควรถามแพทย์ก่อนทำ

สารบัญ hide

ยาชาคืออะไร? ทำไมต้องใช้ในหัตถการความงาม

ยาชาคือยาที่ใช้เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่ทำหัตถการ โดยออกฤทธิ์เฉพาะที่ ไม่ได้ทำให้ผู้รับบริการหมดสติ การใช้ยาชาในคลินิกความงามมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายใจขึ้น ลดความกังวล และทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น

ในทางการแพทย์ ยาชามีหลายชนิดและหลายวิธีการใช้ แต่สำหรับหัตถการด้านความงาม มักเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับผิวหนังและความต้องการของแต่ละหัตถการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี พร้อมกับลดความเจ็บปวดให้น้อยที่สุด

ยาชามีกี่แบบ? แยกประเภทตามวิธีออกฤทธิ์

ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามสามารถแบ่งออกได้ตามวิธีการออกฤทธิ์หลัก ๆ ดังนี้

1. ยาชาแบบทา (Topical Anesthetic)

เป็นยาที่อยู่ในรูปครีมหรือเจล ทาบนผิวเพื่อให้ซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ใช้สำหรับหัตถการที่ไม่ลึกมาก เช่น เลเซอร์ผิวหนัง การฉีดเมโส หรือการทำทรีตเมนต์ที่ผิวชั้นตื้น

2. ยาชาแบบฉีด (Injectable Anesthetic)

แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดในบริเวณที่จะทำหัตถการ ช่วยให้บริเวณนั้นชาได้รวดเร็วและลึกกว่าแบบทา มักใช้กับหัตถการที่มีการฉีดสารเติมเต็ม ฟิลเลอร์ หรือหัตถการที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น

3. ยาชาเฉพาะที่ครอบคลุมพื้นที่กว้าง

เป็นการฉีดหรือบล็อกเส้นประสาทเพื่อให้บริเวณที่กว้างขึ้นไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนใหญ่ใช้ในหัตถการผ่าตัดเล็กมากกว่าการทำทรีตเมนต์เสริมความงามทั่วไป

ยาชาแบบทา VS ยาชาแบบฉีด ต่างกันยังไง

ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามมีทั้งแบบทาและแบบฉีด ซึ่งมีจุดเด่นและการใช้งานต่างกัน

ยาชาแบบทา

  • ใช้ง่าย แค่ทาบริเวณผิว
  • ต้องรอเวลาประมาณ 20–40 นาทีจึงออกฤทธิ์
  • เหมาะกับหัตถการที่ไม่ลึก เช่น เลเซอร์ผิว หรือเมโส
  • ลดความเจ็บได้ระดับเบาถึงปานกลาง

ยาชาแบบฉีด

  • แพทย์ฉีดตรงจุดที่ต้องทำหัตถการ
  • ออกฤทธิ์เร็วและลึกกว่าแบบทา
  • เหมาะกับหัตถการที่มีการฉีด เช่น ฟิลเลอร์ หรือหัตถการที่เจ็บชัดเจน
  • ต้องทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

แต่ละแบบเหมาะกับหัตถการอะไรบ้าง

การเลือกใช้ยาชาในคลินิกความงามขึ้นอยู่กับลักษณะของหัตถการและระดับความเจ็บที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ยาชาแบบทา

  • เลเซอร์ผิวหนัง เช่น เลเซอร์หน้าใส, เลเซอร์กำจัดขน
  • เมโสแฟต / เมโสหน้าใส เนื่องจากเป็นการฉีดตื้น
  • ทรีตเมนต์ผิวชั้นตื้น เช่น การผลักวิตามินเข้าสู่ผิว

ยาชาแบบฉีด

  • ฟิลเลอร์ เนื่องจากต้องฉีดลึกและอาจเจ็บมาก
  • หัตถการร้อยไหม ที่ต้องใช้เข็มสอดเข้าไปใต้ผิว
  • หัตถการที่ใช้เข็มหรือเครื่องมือในชั้นผิวลึก

การเลือกใช้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ โดยจะพิจารณาความเหมาะสมของคนไข้แต่ละรายควบคู่กันไป

ทำไมบางคลินิกทายาชาแป๊บเดียว บางที่ต้องรอนาน

ระยะเวลาที่ต้องรอหลังทายาชาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ได้เหมือนกันทุกคลินิก

1. ชนิดของยาชา

ยาชาแต่ละสูตรมีความเข้มข้นและส่วนผสมไม่เหมือนกัน บางชนิดออกฤทธิ์เร็วภายใน 15–20 นาที แต่บางชนิดต้องรอนานกว่า 30 นาที

2. ประเภทของหัตถการ

หัตถการที่ทำตื้น เช่น เลเซอร์หน้าใส อาจไม่ต้องรอนาน ขณะที่หัตถการที่ใช้เข็มลึก เช่น ฟิลเลอร์ อาจต้องทายาชาให้นานขึ้นเพื่อให้ชาเพียงพอ

3. เทคนิคของคลินิก

บางคลินิกมีเครื่องมือช่วยให้ยาชาซึมเร็วขึ้น เช่น เครื่องผลักยา หรือการใช้พลาสติกแรปปิดหลังทา จึงทำให้รอเวลาสั้นลง

ใครบ้างที่ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยาชา

แม้ว่ายาชาที่ใช้ในคลินิกความงามจะมีความปลอดภัยสูง แต่มีบางกลุ่มที่ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ

1. ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา

เช่น ผู้ที่เคยแพ้ยาที่มีส่วนผสมของ lidocaine หรือยากลุ่มเดียวกัน

2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว

เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง โรคตับ หรือโรคไต เพราะการกำจัดยาชาอาจทำงานไม่สมบูรณ์

3. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

แม้บางชนิดจะถือว่าปลอดภัย แต่แพทย์จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป

4. ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด

เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาที่ส่งผลต่อระบบประสาท

ยาชาอันตรายไหม? มีผลข้างเคียงหรือไม่

โดยทั่วไป ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามมีความปลอดภัยสูง หากใช้ในปริมาณและวิธีที่ถูกต้องภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงได้ในบางกรณี

ผลข้างเคียงที่อาจพบ

  • รู้สึกชา บวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ทายาหรือฉีดยา
  • รู้สึกแสบหรือคันที่ผิวหนังชั่วคราว
  • อาการเวียนศีรษะหรือคลื่นไส้ (พบไม่บ่อย)

อาการแพ้ยาชา (พบได้น้อยมาก)

  • ผื่นลมพิษ คันทั่วตัว
  • หายใจลำบาก ใจสั่น

หากมีอาการผิดปกติหลังได้รับยาชา ควรรีบแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม

ยาชาคลินิกใช้ของอะไร? ต้องมี อย. ไหม

ยาชาที่ใช้ในคลินิกความงามต้องเป็นยาที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย เพื่อรับรองความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต

ลักษณะยาชาที่ใช้ในคลินิก

  • มักเป็นยาชาในกลุ่ม lidocaine หรือยาที่มีฤทธิ์ใกล้เคียง
  • มีทั้งรูปแบบครีมทาและยาฉีด ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ
  • ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

ทำไมต้องมี อย.

  • ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย
  • ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือของปลอมที่อาจเป็นอันตราย

ดังนั้น เมื่อเข้ารับบริการในคลินิกความงาม ควรถามแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ว่าผลิตภัณฑ์ยาชาที่ใช้มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องหรือไม่

การใช้ยาชาเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้หัตถการความงามทำได้อย่างราบรื่น แพทย์แนะนำแนวทางง่าย ๆ ที่ควรปฏิบัติทั้งก่อนและหลังการใช้ยาชา ดังนี้

ก่อนทำหัตถการ

  • แจ้งแพทย์หากเคยมีประวัติแพ้ยา หรือกำลังใช้ยาประจำ
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำ เพื่อป้องกันอาการช้ำหรือบวม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความกังวลและความเครียด

หลังทำหัตถการ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูบริเวณที่ได้รับยาชาจนกว่าความรู้สึกจะกลับมา
  • หากมีอาการบวมแดงเล็กน้อย สามารถประคบเย็นได้
  • รีบแจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นลมพิษหรือหายใจติดขัด

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเรื่องยาชา

ยาชาออกฤทธิ์นานกี่นาที?

โดยทั่วไป ยาชาแบบทาจะออกฤทธิ์ประมาณ 30–60 นาที ขณะที่ยาชาแบบฉีดอาจอยู่ได้ 1–2 ชั่วโมง ขึ้นกับชนิดยาและปริมาณที่ใช้

ยาชาแบบทาเจ็บไหม?

การทายาชาไม่ทำให้เจ็บ อาจรู้สึกเย็นหรือยิบ ๆ เล็กน้อยบนผิวเท่านั้น

ใช้ยาชาเองที่บ้านได้หรือไม่?

ไม่แนะนำให้ใช้เองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจเกิดการใช้ผิดปริมาณหรือแพ้ยาได้

ทายาชาก่อนเลเซอร์ต้องกี่นาที?

ส่วนใหญ่ต้องทาล่วงหน้า 20–30 นาที แต่ขึ้นอยู่กับสูตรยาชาและวิธีการดูแลของแต่ละคลินิก

บทสรุป

ยาชาเป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ แต่สำคัญมากในการทำหัตถการความงาม เพราะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการเจ็บน้อยลงและรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ที่ Smooth Clinic อโศก เราให้ความสำคัญกับการเลือกยาชาที่ได้มาตรฐาน อย. พร้อมดูแลทุกขั้นตอนโดยแพทย์ เพื่อให้การรักษาปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

หากคุณกำลังสนใจทำหัตถการและอยากปรึกษาเรื่องการใช้ยาชา สามารถติดต่อทีมแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลได้โดยตรง

อ้างอิง

  1. American Society of Regional Anesthesia and Pain Medicine (ASRA) – Local Anesthetics Overview
  2. U.S. Food & Drug Administration (FDA) – Lidocaine topical use and safety
  3. DermNet NZ – Topical anaesthetics
  4. Journal of Dermatologic Surgery (2022) – Use of local anesthetics in cosmetic dermatology
smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา