การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มใบหน้า แก้ไขรูปทรง หรือปรับสมดุลของผิว แต่ในบางกรณี ฟิลเลอร์ที่เคยฉีดไว้กลับสร้างปัญหา เช่น เป็นก้อน หน้าบวมผิดรูป หรือไม่เข้ากับโครงหน้าปัจจุบัน จนต้องการ “ฉีดสลาย” เพื่อกลับสู่สภาพเดิม หรือเตรียมพร้อมสำหรับการแก้ไขใหม่อย่างเหมาะสม
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่ออธิบายทุกแง่มุมของการ ฉีดสลายฟิลเลอร์ ทั้งในด้านวิธีการ ข้อควรรู้ ความปลอดภัย ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ไปจนถึงแนวทางเลือกคลินิกอย่างมีสติ เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์และต้องการ “รีเซ็ตใบหน้า” อย่างปลอดภัย รวมถึงผู้ที่กำลังหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
ฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์คืออะไร และทำไมถึงต้องสลาย?
ฟิลเลอร์ (Filler) ที่นิยมใช้ในวงการความงามส่วนใหญ่คือสารประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า หรือฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติภายในระยะเวลา 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ พื้นที่ที่ฉีด และการดูแลหลังทำ
แม้ฟิลเลอร์จะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูง แต่ในบางกรณี อาจเกิดปัญหาหลังฉีด เช่น ฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง เป็นก้อน ดูไม่สมส่วน หรือฉีดซ้ำโดยไม่มีการประเมิน ส่งผลให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจนไม่เป็นธรรมชาติ ในกรณีเช่นนี้ การ “ฉีดสลายฟิลเลอร์” คือทางเลือกที่แพทย์ใช้เพื่อแก้ไขหรือรีเซ็ตผลลัพธ์ให้กลับมาใกล้เคียงใบหน้าก่อนฉีด
การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร?
การฉีดสลายฟิลเลอร์ คือกระบวนการที่แพทย์ใช้สารเอนไซม์ชื่อ Hyaluronidase เพื่อย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท HA ที่เคยฉีดเข้าไปในผิวหนัง โดยเอนไซม์นี้จะเข้าไปทำลายโครงสร้างของกรดไฮยาลูโรนิค ทำให้ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนหรืออยู่ผิดตำแหน่งค่อย ๆ สลายและถูกดูดซึมออกจากร่างกาย
Hyaluronidase เป็นเอนไซม์ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ในหลายประเทศ รวมถึงองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย โดยมีการนำมาใช้ในวงการความงามมายาวนาน ทั้งในกรณีฉีดแก้ไขรูปหน้า หรือฉีดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะอุดตันของหลอดเลือดจากฟิลเลอร์
ข้อควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการฉีดสลาย
- ใช้ได้เฉพาะกับฟิลเลอร์ประเภท HA เท่านั้น (ไม่สามารถสลายฟิลเลอร์ชนิดซิลิโคนหรือพอลิเมอร์ถาวรได้)
- ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีด
- ปริมาณและความแรงของ Hyaluronidase จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และปัญหาที่พบ
- หลังฉีดอาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกแสบได้ในบางจุด แต่เป็นอาการชั่วคราว
- เห็นผลการสลายเริ่มต้นในช่วง 24–72 ชั่วโมงแรก
Hyaluronidase คืออะไร? ใช้สลายฟิลเลอร์ยังไง?
Hyaluronidase คืออะไร?
Hyaluronidase คือเอนไซม์ทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลายสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ที่ใช้ในคลินิกความงาม เมื่อฉีด Hyaluronidase เข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์ HA สะสมอยู่ เอนไซม์จะเข้าไปทำลายพันธะของ HA ให้แตกตัวและสลายออกจากผิวได้เร็วขึ้น
Hyaluronidase ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ตั้งแต่ก่อนมีการนำฟิลเลอร์มาใช้ในด้านความงาม โดยเริ่มจากการใช้ช่วยให้ยาหรือสารบางชนิดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ปัจจุบันเอนไซม์นี้ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในด้านความงามทั้งเพื่อแก้ไขรูปหน้าที่ผิดรูปจากฟิลเลอร์ และในกรณีฉุกเฉิน เช่น ภาวะฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือด
การใช้ Hyaluronidase ในการสลายฟิลเลอร์
- ใช้เฉพาะกับฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบเป็น HA เท่านั้น
- แพทย์จะประเมินก่อนว่าฟิลเลอร์ที่เคยฉีดเป็นชนิดไหน ปริมาณเท่าใด และอยู่ลึกแค่ไหน
- ปริมาณของ Hyaluronidase ที่ใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี
- โดยทั่วไปจะเห็นผลเริ่มต้นภายใน 24–72 ชั่วโมงหลังฉีด
ฟิลเลอร์แบบไหนที่สามารถสลายได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้
ฟิลเลอร์ที่สามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบหลักคือ ไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เท่านั้น ซึ่งถือเป็นฟิลเลอร์กลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวงการความงาม เนื่องจากสามารถปรับแต่งรูปหน้าได้หลากหลาย ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถสลายหรือแก้ไขได้เมื่อเกิดปัญหา
ยี่ห้อฟิลเลอร์ HA ที่สามารถสลายได้ เช่น
- Juvederm®
- Restylane®
- Belotero®
- Neuramis®
- Revanesse® ฯลฯ
ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ด้วย Hyaluronidase
- ฟิลเลอร์ชนิดถาวร เช่น ซิลิโลนเหลว, พอลิเมอร์ PMMA หรือสารเติมเต็มที่ไม่ได้ระบุชัดเจน
- ฟิลเลอร์ที่ “ไม่ใช่ HA” หรือมีการปลอมปนสารอื่น ซึ่งอาจพบได้ในฟิลเลอร์เถื่อนหรือไม่ได้รับ อย.
ฟิลเลอร์กลุ่มนี้ ไม่สามารถสลายได้ด้วยวิธีปกติ และอาจต้องผ่าตัดนำออก หรือรักษาแบบเฉพาะทางเท่านั้น
วิธีตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นฟิลเลอร์ชนิดไหน
- มีข้อมูลยี่ห้อที่แพทย์ใช้ ระบุว่าเป็น HA filler
- มีเอกสารหรือกล่องผลิตภัณฑ์กำกับชัดเจน
- หากไม่มั่นใจ แพทย์อาจต้องใช้การประเมินทางคลินิกหรือเครื่องมือวิเคราะห์
ทำไมต้องฉีดสลายฟิลเลอร์?
เหตุผลหลักที่คนไข้ตัดสินใจสลายฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ แม้จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดปัญหาหรือผลลัพธ์ไม่ตรงตามความคาดหวัง ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจ “ฉีดสลาย” เพื่อแก้ไข ดังนี้
- ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือจับแล้วไม่เรียบเนียน
- ฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง เช่น ไหลลงใต้ตา ขมับ หรือปาก
- รูปหน้าเปลี่ยนไป ดูไม่ธรรมชาติ หรือรู้สึก “หน้าแปลก”
- ฉีดฟิลเลอร์ซ้ำหลายครั้งจนปริมาณสะสมมากเกินไป
- รู้สึกไม่มั่นใจ ต้องการรีเซ็ตหน้ากลับไปใกล้เคียงเดิม
กรณีฉุกเฉินที่ควรฉีดสลายทันที
- ภาวะอุดตันของหลอดเลือด (Vascular Occlusion) ซึ่งเป็นกรณีเร่งด่วน เพราะอาจทำให้เกิดเนื้อตายหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา
- อาการแพ้รุนแรงจาก HA ฟิลเลอร์ แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อบ่งชี้ในการใช้ Hyaluronidase
จุดประสงค์ของการฉีดสลาย: แก้ไข ไม่ใช่ทำให้หน้าแย่ลง
แพทย์จะพิจารณาใช้ Hyaluronidase ในปริมาณและเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อสลายเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาเท่านั้น ไม่ได้สลายฟิลเลอร์ทั้งหมดเสมอไป การสลายอย่างมีแผน ช่วยให้โครงหน้ากลับมาใกล้เคียงธรรมชาติ และสามารถวางแผนฉีดใหม่ได้ในอนาคตหากต้องการ
คำเตือน: ห้ามฉีดสลายในกรณีใดบ้าง?
กรณีที่ไม่ควรฉีดสลายฟิลเลอร์
แม้การฉีด Hyaluronidase จะถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่ “ไม่ควร” หรือ “ห้าม” ทำการฉีดสลาย ดังนี้
- ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นฟิลเลอร์ประเภท HA หรือไม่ หากไม่แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดไปเป็นชนิดไหน การฉีด Hyaluronidase อาจไม่ได้ผล และเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง
- กรณีแพ้เอนไซม์ Hyaluronidase ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้เอนไซม์กลุ่มนี้ หรือมีอาการแพ้ยาหลายชนิด ควรหลีกเลี่ยงหรือทำ Skin Test ก่อนเสมอ
- อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้ยังไม่มีข้อห้ามแบบเด็ดขาดในเชิงวิทยาศาสตร์ แต่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้เลี่ยงหัตถการที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้
- ฉีดโดยผู้ไม่มีใบประกอบวิชาชีพหรือไม่ใช่แพทย์ การฉีดสลายต้องทำโดยแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคและเทคนิคการใช้ยาอย่างถูกต้องเท่านั้น
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณไม่แน่ใจว่าเคยฉีดฟิลเลอร์ชนิดไหน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจประเมินอย่างละเอียดก่อนเสมอ การวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ฉีดสลายฟิลเลอร์เจ็บไหม? ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
ความรู้สึกขณะฉีด
ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่มักรู้สึกว่า การฉีดสลายฟิลเลอร์ไม่เจ็บมากนัก โดยแพทย์มักใช้ยาชาเฉพาะที่ (Topical Anesthetic) หรือฉีดยาชาก่อนเพื่อให้รู้สึกสบายระหว่างทำ
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจรู้สึกแสบหรือระคายขณะฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติของเอนไซม์ Hyaluronidase และมักหายได้ภายในไม่กี่นาทีหลังฉีดเสร็จ
ใช้เวลานานแค่ไหน?
- ขั้นตอนการฉีดใช้เวลาประมาณ 10–20 นาที ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของบริเวณที่ต้องการสลาย
- หลังฉีดสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
- อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือรอยแดงในบางจุด ซึ่งมักหายภายใน 1–3 วัน
- ผลการสลายจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ 24–72 ชั่วโมง และจะค่อย ๆ เข้าที่ภายใน 1 สัปดาห์
ขั้นตอนการฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นยังไง?
การเตรียมตัวก่อนทำ
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหา และยืนยันว่าฟิลเลอร์ที่เคยฉีดเป็นชนิด HA ที่สามารถสลายได้
- หากไม่แน่ใจประเภทฟิลเลอร์ แพทย์อาจขอประวัติหรือใช้เครื่องมือตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติม
- อาจมีการทดสอบการแพ้เอนไซม์ Hyaluronidase ในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยา
ขั้นตอนระหว่างทำ
- ทำความสะอาดใบหน้า และทายาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาความรู้สึก
- แพทย์ฉีด Hyaluronidase ในตำแหน่งที่ต้องการสลาย โดยใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อให้สลายเฉพาะจุด
- นวดเบา ๆ เพื่อกระจายเอนไซม์ และให้เกิดการละลายอย่างสม่ำเสมอ
หลังทำเสร็จ
- ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับบ้านได้ทันที
- แพทย์อาจแนะนำให้งดแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมง
- ไม่ควรสัมผัสหรือกดนวดแรงบริเวณที่ฉีด
- อาจกลับมาติดตามผลหลัง 1 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังฉีดสลาย (Do’s & Don’ts)
คำแนะนำที่ควรทำ (Do’s)
- ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดภายใน 24 ชั่วโมงแรก ช่วยลดบวมและรอยแดง
- ทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูแรง
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและฟื้นฟูผิว
- ติดตามผลกับแพทย์ตามนัด โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการฉีดใหม่ภายหลัง
สิ่งที่ไม่ควรทำ (Don’ts)
- อย่านวดหรือกดแรงบริเวณที่ฉีด ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การซาวน่า แช่น้ำอุ่นจัด หรืออบไอน้ำใน 3 วันแรก
- งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมากในช่วง 1–2 วัน
- อย่าแต่งหน้า/ทาครีมแรง ๆ บริเวณที่เพิ่งฉีดภายใน 24 ชั่วโมงแรก
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ปวดรุนแรง หรือมีผื่นแดงลุกลาม ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที อย่ารอให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
ฉีดสลายแล้ว หน้าจะกลับมาเหมือนเดิมไหม?
ผลลัพธ์หลังฉีดสลาย
หลายคนที่ตัดสินใจฉีดสลายฟิลเลอร์มักกังวลว่า “หน้าจะกลับมาเหมือนก่อนฉีดไหม?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่:
- ปริมาณฟิลเลอร์เดิมที่เคยฉีด: หากฉีดสะสมไว้มาก การสลายอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงชัด
- ตำแหน่งที่ฉีด: บางจุดเช่น ใต้ตา หรือคาง อาจทำให้หน้าดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเมื่อฟิลเลอร์หาย
- ระยะเวลาที่เคยฉีดฟิลเลอร์: หากฉีดมานานแล้ว เนื้อเยื่อบางส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลง
หลังสลายแล้ว หน้าเปลี่ยนไหม?
- ส่วนใหญ่ ใบหน้าจะกลับมาใกล้เคียงกับสภาพก่อนฉีด โดยเฉพาะหากเป็นฟิลเลอร์ HA ที่ยังไม่จับตัวแน่น
- บางเคสอาจต้องรอให้ผิวและเนื้อเยื่อปรับตัว 1–2 สัปดาห์
- หากมีฟิลเลอร์บางส่วนค้างอยู่ แพทย์อาจพิจารณาสลายเพิ่มเติม
ปรึกษาแพทย์เพื่อความมั่นใจ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินว่าควรสลายทั้งหมดหรือเฉพาะจุด และให้คำแนะนำว่าผลลัพธ์จะใกล้เคียงกับใบหน้าก่อนฉีดแค่ไหน เพื่อไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
ฉีดสลายฟิลเลอร์แล้ว ฉีดใหม่ได้เมื่อไหร่?
ระยะเวลาที่ควรรอก่อนฉีดใหม่
หลังจากฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วย Hyaluronidase แพทย์จะแนะนำให้ รอระยะเวลาอย่างน้อย 7–14 วัน ก่อนพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ใหม่ ทั้งนี้เพื่อ:
- ให้เอนไซม์ Hyaluronidase ทำงานเต็มที่
- ให้เนื้อเยื่อผิวบริเวณนั้นฟื้นตัวและเข้าที่
- ลดความเสี่ยงของการ “สลายซ้ำ” หากฉีดเร็วเกินไป
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อระยะเวลาการรอ
- ปริมาณฟิลเลอร์เดิมที่ฉีด: ถ้ามีการสลายหลายจุดหรือจำนวนมาก อาจต้องรอนานกว่า 2 สัปดาห์
- อาการบวม/การอักเสบหลังฉีดสลาย: หากผิวยังบวมแดง แพทย์จะยังไม่แนะนำให้ฉีดใหม่ทันที
- ผลลัพธ์ที่ต้องการในครั้งต่อไป: แพทย์อาจวางแผนการเติมใหม่ให้เหมาะสมกับรูปหน้าปัจจุบัน
แนะนำให้ประเมินกับแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ก่อนฉีดใหม่ แพทย์จะประเมินรูปหน้าใหม่อีกครั้ง พร้อมแนะนำปริมาณและตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ซ้ำรอยเดิม
ฉีดสลายฟิลเลอร์มีผลข้างเคียงไหม?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดสลาย
แม้ว่าการฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วย Hyaluronidase จะถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้บางประการ ซึ่งมักเป็นอาการชั่วคราว เช่น:
- บวม แดง หรือแสบเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด
- รอยช้ำหรือเขียวคล้ำเล็กน้อย ซึ่งมักหายได้ใน 3–7 วัน
- ผิวดูยุบหรือไม่เท่ากันชั่วคราว โดยเฉพาะหากเคยฉีดฟิลเลอร์ไว้จำนวนมาก
- ผิวแห้งตึงหรือมีความไวต่อสัมผัส ในบางราย
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย
- อาการแพ้ Hyaluronidase: แม้พบได้น้อยมาก แต่ควรทำการทดสอบการแพ้ก่อนในผู้ที่มีประวัติแพ้ยา
- การสลายเนื้อเยื่อโดยไม่ตั้งใจ: หากฉีดในตำแหน่งที่ไม่แม่นยำ อาจกระทบต่อ HA ธรรมชาติในผิว
วิธีลดความเสี่ยง
- เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์
- หลีกเลี่ยงการฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีแพทย์ดูแล
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและสุขภาพโดยละเอียดก่อนทำหัตถการ
กรณีที่ควรรีบฉีดสลายด่วน (เช่น อุดตัน บวม ก้อนแข็ง)
ภาวะฉุกเฉินที่ต้องสลายฟิลเลอร์ทันที
การฉีดฟิลเลอร์อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันที่ต้องรีบสลายทันที เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายร้ายแรง เช่น:
- ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด (Vascular Occlusion) อาการ เช่น ปวดรุนแรงทันทีหลังฉีด ผิวซีดลงหรือคล้ำคล้ายม่วง และมีอาการชา หากไม่รีบสลาย อาจนำไปสู่ เนื้อตาย หรือการสูญเสียการมองเห็นในบางกรณี
- ฟิลเลอร์กดทับเส้นประสาท ทำให้รู้สึกชาหรือเจ็บจี๊ดต่อเนื่อง ต้องรีบตรวจประเมิน
- ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนแข็ง หรือดูผิดปกติในเวลาอันสั้น
อาการเตือนที่ควรพบแพทย์ทันที
- ปวดแสบแบบเฉียบพลันหลังฉีด
- ผิวมีสีเปลี่ยนจากแดง → ม่วง → เทา
- บวมมากผิดปกติหรือบวมกระจาย
- การมองเห็นพร่าหรือจุดดำในสายตา
ทำไมต้องสลายให้เร็ว?
เวลาคือสิ่งสำคัญในกรณีฉุกเฉิน หากแพทย์สามารถฉีด Hyaluronidase ได้ทันภายใน ไม่เกิน 4–6 ชั่วโมง หลังเริ่มมีอาการ อาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนถาวรได้ทันที
ผลลัพธ์หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ เห็นผลในกี่วัน?
ระยะเวลาที่เห็นผล
หลังจากฉีด Hyaluronidase เข้าไปเพื่อสลายฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา:
- 24–72 ชั่วโมงแรก: ฟิลเลอร์จะเริ่มยุบลงอย่างชัดเจน
- ภายใน 7 วัน: ผลลัพธ์จะเริ่มคงที่ และเนื้อเยื่อผิวจะเริ่มปรับตัว
- บางรายอาจต้องรอ 10–14 วัน เพื่อให้ผิวเข้าที่สมบูรณ์
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเห็นผล
- ปริมาณและชนิดของฟิลเลอร์ที่เคยฉีด
- ความลึกและตำแหน่งของฟิลเลอร์
- ปฏิกิริยาของร่างกายต่อเอนไซม์
- เทคนิคการฉีดของแพทย์
ถ้าฟิลเลอร์ยังไม่สลายหมด?
บางกรณี โดยเฉพาะถ้าฉีดฟิลเลอร์ไว้มากหรือเป็นบริเวณลึก แพทย์อาจนัดมาฉีดซ้ำหลังจาก 1–2 สัปดาห์ เพื่อสลายส่วนที่ยังเหลือให้หมด
ฉีดสลายฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่? มีปัจจัยอะไรบ้าง?
ราคาโดยประมาณในประเทศไทย (อัปเดต 2025) ไม่ใช่ราคาที่คลินิก
- เริ่มต้นที่ 3,000 – 6,000 บาท ต่อจุด หรือ
- คิดตามยูนิตของ Hyaluronidase (เช่น 1 Vial ต่อ 1 จุด)
ราคานี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความยากของเคส ปริมาณฟิลเลอร์เดิม และตำแหน่งที่ต้องการสลาย
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา
- บริเวณที่ฉีด: จุดที่ละเอียดอ่อน เช่น ใต้ตา มักใช้เทคนิคพิเศษและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- ปริมาณเอนไซม์ที่ใช้: หากต้องสลายฟิลเลอร์ปริมาณมาก อาจต้องใช้หลาย Vial
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านมักมีค่าบริการสูงกว่า
- มีค่าตรวจวิเคราะห์ก่อนฉีดหรือไม่: เช่น Ultrasound เพื่อประเมินฟิลเลอร์
ข้อแนะนำ
อย่าตัดสินใจจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน แพทย์มีใบอนุญาต และสามารถตรวจสอบยาที่ใช้ได้ชัดเจน
วิธีเลือกคลินิกฉีดสลายให้ปลอดภัย
เช็ก 5 ข้อ ก่อนตัดสินใจฉีดสลาย
- มีแพทย์จริง และมีใบประกอบวิชาชีพถูกต้อง
- ควรสามารถตรวจสอบชื่อ–นามสกุลแพทย์ได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา
- คลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีเลขใบอนุญาตแสดงไว้ชัดเจนในสถานประกอบการ
- ใช้ยา Hyaluronidase ที่ผ่าน อย. ไทยเท่านั้น
- เช่น Hyalase® หรือ Liporase® ที่มีบรรจุภัณฑ์ครบถ้วน
- สามารถอธิบายกระบวนการสลายได้อย่างชัดเจน
- ทั้งปริมาณยา, ตำแหน่งที่ฉีด และผลลัพธ์โดยประมาณ
- มีบริการติดตามผลหลังทำ
- เช่น นัดประเมินผล 7 วัน และช่องทางติดต่อหากเกิดอาการผิดปกติ
สังเกตคำโฆษณาอันตราย
หลีกเลี่ยงคลินิกที่ใช้คำโฆษณาเกินจริง เช่น “เห็นผลทันที 100%” หรือ “ฉีดครั้งเดียวจบทุกปัญหา” เพราะอาจชี้ถึงการไม่เข้าใจกลไกของยาอย่างแท้จริง
Q&A คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดสลาย
Q: ฟิลเลอร์แบบไหน “สลายไม่ได้” บ้าง?
A: ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายด้วย Hyaluronidase ได้แก่ฟิลเลอร์ชนิดถาวร เช่น ซิลิโคนเหลว, PMMA, หรือสารเติมเต็มที่ไม่ใช่ไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA)
Q: ต้องทำ Skin Test ทุกครั้งก่อนฉีด Hyaluronidase ไหม?
A: ไม่จำเป็นในทุกคน แต่ “แนะนำให้ทำ” ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยา แพ้เอนไซม์ หรือไม่เคยฉีด Hyaluronidase มาก่อน
Q: ฉีด Hyaluronidase แล้วจะไปสลาย HA ธรรมชาติของเราไหม?
A: มีโอกาสเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด แต่ร่างกายสามารถสร้าง HA ธรรมชาติขึ้นใหม่ได้ภายในไม่กี่วัน
Q: ถ้าฉีดสลายแล้ว ฟิลเลอร์จะกลับมาติดใหม่ไหม?
A: ไม่ ฟิลเลอร์ที่ถูกสลายจะไม่กลับมาติดอีก ยกเว้นฉีดใหม่
Q: ฉีดแล้วหน้าจะหย่อนหรือโทรมลงไหม?
A: หากฉีดสลายในปริมาณพอเหมาะ และเนื้อเยื่อไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก ใบหน้าจะกลับมาใกล้เคียงสภาพก่อนฉีด โดยไม่โทรมลง
เปรียบเทียบ “ฉีดสลาย” กับ “ผ่าตัดเอาออก” ต่างกันยังไง?
| หัวข้อเปรียบเทียบ |
ฉีดสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) |
ผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก |
| เหมาะกับฟิลเลอร์ชนิดไหน |
ฟิลเลอร์กลุ่ม HA |
ฟิลเลอร์ถาวร หรือกรณีผิดรูปมาก |
| ความเสี่ยง |
ต่ำ ถ้าทำโดยแพทย์ |
สูงกว่า เพราะเป็นหัตถการผ่าตัด |
| การพักฟื้น |
แทบไม่ต้องพักฟื้น |
ต้องพักฟื้น 5–14 วัน ตามบริเวณที่ผ่า |
| ความแม่นยำ |
สลายเป็นบริเวณ อาจไม่จุดตรง 100% |
กำจัดออกได้ชัดเจนมากกว่า |
| ค่าใช้จ่าย |
เริ่มต้นหลักพัน |
หลักหมื่น–หลักแสน ขึ้นกับความยาก |
| การใช้ในภาวะฉุกเฉิน |
เหมาะสำหรับแก้ไขเร่งด่วน |
ไม่เหมาะกับภาวะที่ต้องการการช่วยเหลือเร็ว |
ข้อสรุป
- ถ้าเป็น ฟิลเลอร์ชนิด HA และต้องการแก้ไขเร่งด่วน → การฉีดสลายคือทางเลือกที่ปลอดภัยและรวดเร็ว
- หากเป็น ฟิลเลอร์ชนิดถาวร หรือผิดรูปถาวร → อาจต้องใช้การผ่าตัดร่วม
สรุป: ฉีดสลายฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร ต้องรู้อะไรก่อนทำ?
เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่รู้สึกว่า รูปหน้าเปลี่ยนไป ไม่เป็นธรรมชาติ
- มีอาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ เช่น เป็นก้อน บวม แข็ง หรือไหลผิดตำแหน่ง
- ต้องการ ล้างหน้ารีเซ็ต ก่อนวางแผนฉีดใหม่อย่างเหมาะสม
- เกิด ภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉิน เช่น เส้นเลือดอุดตัน
- ไม่แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดมานั้นปลอดภัยหรือผ่าน อย. หรือไม่
ควรรู้อะไรก่อนทำ?
- ไม่ใช่ฟิลเลอร์ทุกชนิดที่สามารถสลายได้ (ต้องเป็น HA เท่านั้น)
- ต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น และควรใช้ยาที่ผ่าน อย.
- อาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้งในบางเคส
- หลังสลาย ควรรออย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนวางแผนฉีดใหม่
ทางเลือกที่ควรปรึกษาแพทย์
การฉีดสลายไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่ต้องมีการวางแผนและประเมินรูปหน้าโดยรวมอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด