โบท็อกซ์ปีกจมูก เจ็บไหม? ใช้กี่ยูนิต? รวมข้อมูลครบในบทความเดียว!

โบท็อกซ์ปีกจมูก เป็นอีกหนึ่งหัตถการเล็ก ๆ ที่ช่วยปรับรูปจมูกให้ดูเรียวขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ปีกจมูกแผ่กว้างเวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้มหรือหัวเราะ ด้วยเทคนิคการฉีดที่แม่นยำโดยแพทย์เฉพาะทาง สามารถลดแรงดึงของกล้ามเนื้อที่ทำให้ปีกจมูกบาน ทำให้ภาพรวมใบหน้าดูละมุนและสมส่วนขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกแง่มุมของโบท็อกซ์ปีกจมูก ตั้งแต่ตำแหน่งการฉีด จำนวนยูนิต ยี่ห้อที่ใช้ วิธีดูแลตัวเอง ไปจนถึงคำถามที่หลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณวางแผนได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกขั้นตอน

สารบัญ hide

โบท็อกซ์ปีกจมูกคืออะไร?

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก (Nasal Alar Botox) คือเทคนิคที่แพทย์ใช้สาร Botulinum Toxin ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อบางมัดรอบปีกจมูก เช่น Dilator Naris และ Alar Nasalis เพื่อช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวลง จะส่งผลให้ปีกจมูกไม่แผ่กว้างเวลายิ้มหรือพูด ทำให้รูปจมูกดูเรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

การทำงานของโบท็อกซ์ที่จมูกแตกต่างจากการฉีดเพื่อริ้วรอยทั่วไป เนื่องจากเป้าหมายอยู่ที่การลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเฉพาะจุด ไม่ได้เน้นการเติมเต็มหรือยกกระชับ แต่ใช้เพื่อ “คลายแรง” ที่ทำให้ปีกจมูกแผ่ขยาย

แพทย์จะเลือกตำแหน่งฉีดอย่างแม่นยำ เพื่อไม่ให้กระทบกล้ามเนื้อใกล้เคียง เช่น Levator Labii Superioris ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิ้มและการยกริมฝีปาก เพื่อคงความเป็นธรรมชาติของการแสดงสีหน้า

เทคนิคนี้มักใช้ร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกหรือจุดอื่น ๆ บริเวณใบหน้า เพื่อเสริมความสมดุลของรูปทรงจมูกในภาพรวม โดยเฉพาะในเคสที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือยังไม่พร้อมทำศัลยกรรมจมูก

โบท็อกซ์ปีกจมูกอยู่ตรงไหนของใบหน้า? ทำไมถึงฉีดแล้วปีกยุบ?

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดปีกจมูกนั้นเน้นกล้ามเนื้อเฉพาะจุดที่มีบทบาทในการขยายรูจมูก โดยเฉพาะสองมัดหลัก ได้แก่

1. Dilator Naris Muscle

กล้ามเนื้อมัดนี้อยู่ด้านข้างของจมูก มีหน้าที่หลักในการเปิดรูจมูกเวลาเราหายใจแรง หัวเราะ หรือยิ้ม หากกล้ามเนื้อมัดนี้ทำงานมากเกินไป จะทำให้ปีกจมูกดูบานออกเมื่อแสดงสีหน้า

2. Alar Nasalis Muscle

กล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณฐานปีกจมูก ช่วยเสริมแรงในการดึงรูจมูกให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะเวลาพูดหรือหัวเราะ

แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งที่พิจารณาแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของปีกจมูกโดยตรง โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้สารแพร่กระจายไปโดนกล้ามเนื้อใกล้เคียงที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันอาการยิ้มเบี้ยวหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติของใบหน้า

การที่ปีกจมูกดูยุบลงภายหลังการฉีด ไม่ได้เกิดจากการลดเนื้อ หรือทำให้รูจมูกเล็กลงถาวร แต่เกิดจากการ ควบคุมแรงดึงของกล้ามเนื้อบางมัด ให้เคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลให้ใบหน้าดูสมส่วนขึ้นเวลายิ้ม

โบท็อกซ์ปีกจมูกเจ็บไหม?

คำถามยอดฮิตสำหรับคนที่ไม่เคยฉีดมาก่อนคือ “เจ็บไหม?” การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกนั้นโดยทั่วไป ไม่เจ็บมาก เพราะใช้เข็มเล็กและฉีดในปริมาณน้อยมาก โดยใช้เทคนิคเฉพาะเจาะจงลงเฉพาะกล้ามเนื้อที่ต้องการเท่านั้น

เตรียมก่อนฉีดเพื่อลดความเจ็บ

  • แพทย์มักใช้การประคบเย็นหรือทายาชาก่อนฉีด
  • ในบางคลินิกมีการใช้เข็มพิเศษหรือเทคนิคเข็มเดียว เพื่อให้รู้สึกเจ็บน้อยลง

ความรู้สึกระหว่างฉีด

  • จะรู้สึกเพียงจิ้มนิดเดียวบริเวณข้างจมูก ไม่เจ็บลึกหรือจี๊ดเหมือนฉีดบางจุด เช่น กรามหรือหน้าผาก
  • ระยะเวลาฉีดต่อจุดใช้เวลาไม่เกิน 1–2 วินาที

หลังฉีด

  • อาจรู้สึกตึงเล็กน้อยบริเวณจุดฉีดในวันแรก
  • รอยช้ำหรือบวมมักไม่เกิด หรือเกิดน้อยมาก หากใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่เหมาะสม

ระดับความรู้สึกเจ็บขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นหัตถการที่คนไข้ส่วนใหญ่รับได้ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที

ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกกี่ยูนิตถึงจะเห็นผล?

จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูก พฤติกรรมการเคลื่อนไหวใบหน้า และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ประมาณ:

ปริมาณโบท็อกซ์โดยเฉลี่ย

  • 10–20 ยูนิตต่อข้าง (รวม 20–40 ยูนิต) สำหรับทั้งสองข้าง
  • อาจน้อยกว่านี้ถ้ากล้ามเนื้อไม่แข็งแรง หรือไม่ต้องการผลที่ชัดเจนเกินไป

ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณยูนิต

  • โครงสร้างใบหน้า: คนที่ปีกจมูกแผ่เมื่อยิ้มแรง อาจใช้ยูนิตมากกว่าปกติ
  • ยี่ห้อโบท็อกซ์: เช่น Nabota, Dysport หรือ Botox Allergan จะมีความแรงต่างกัน จึงมีการแปลงหน่วยที่ไม่เท่ากัน
  • การฉีดร่วมกับจุดอื่น: หากฉีดรัดแกนจมูกร่วมด้วย อาจลดจำนวนยูนิตในแต่ละจุดลง เพื่อไม่ให้ใบหน้าดูตึงหรือแข็ง

ควรให้แพทย์ประเมินก่อนเสมอ เพราะการใช้โบท็อกซ์มากไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยช้ำหรือกล้ามเนื้อข้างเคียงอ่อนแรงโดยไม่จำเป็น

ใช้โบท็อกซ์ยี่ห้ออะไรได้บ้าง? ต่างกันยังไง?

โบท็อกซ์ที่ใช้ฉีดบริเวณปีกจมูกจะต้องเป็นโบท็อกซ์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. (ประเทศไทย) หรือ FDA (ต่างประเทศ) และต้องใช้ในปริมาณที่แม่นยำตามคำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความละเอียดอ่อนต่อการแสดงสีหน้า

ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นิยมใช้

ยี่ห้อ จุดเด่น ระยะเริ่มเห็นผล อยู่ได้นาน ความนิยมในไทย
Allergan (USA) กระจายตัวแม่นยำ 3–5 วัน 4–6 เดือน สูงมาก
Dysport (UK) กระจายตัวกว้างกว่า 2–4 วัน 3–4 เดือน สูง
Nabota (Korea) เห็นผลไว ราคาย่อมเยา 3–5 วัน 3–5 เดือน สูง
Xeomin (Germany) บริสุทธิ์สูง ไม่มีโปรตีนผสม 4–7 วัน 4–6 เดือน ปานกลาง

เลือกยี่ห้อไหนดี?

ขึ้นอยู่กับ:

  • โครงสร้างจมูกและลักษณะกล้ามเนื้อ
  • งบประมาณ และความต้องการผลลัพธ์ชัดเจนเร็วหรือค่อยเป็นค่อยไป
  • ความไวต่อสารโปรตีน (บางคนอาจดื้อโบท็อกซ์ถ้าเคยฉีดบ่อย)

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมกับเคสของคุณโดยเฉพาะ

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกให้ผลลัพธ์แบบชั่วคราว โดยกล้ามเนื้อที่ถูกคลายตัวจะเริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติหลังระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งระยะเวลานั้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของโบท็อกซ์ ปริมาณที่ใช้ และพฤติกรรมของแต่ละคน

ระยะเวลาโดยเฉลี่ย

  • เห็นผลในช่วง 3–7 วันแรก
  • ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 3–6 เดือน
  • เมื่อหมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อจะค่อย ๆ กลับมาทำงานตามเดิม ไม่มีผลสะสมถาวร

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา

  • ยี่ห้อโบท็อกซ์: เช่น Allergan มักอยู่ได้นานกว่า Dysport หรือ Nabota
  • กิจกรรมกล้ามเนื้อ: คนที่แสดงสีหน้าบ่อย เช่น ยิ้มกว้าง พูดมาก อาจทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • การฉีดซ้ำ: หากเว้นระยะห่างเหมาะสม การฉีดซ้ำจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและคงที่มากขึ้น

ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แพทย์จะแนะนำระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฉีดซ้ำในแต่ละเคส

ปีกจมูกจะเล็กลงแค่ไหน? เห็นผลชัดไหม?

โบท็อกซ์ปีกจมูกช่วยลดขนาดปีกจมูกได้ในลักษณะ “เมื่อมีการเคลื่อนไหว” เช่น ตอนยิ้มหรือพูด ผลลัพธ์ที่ได้คือปีกจมูก ดูไม่แผ่กว้าง ขณะออกแรงแสดงสีหน้า ซึ่งแตกต่างจากการศัลยกรรมที่ปรับโครงสร้างถาวร

ลักษณะผลลัพธ์ที่เห็นได้

  • ปีกจมูก “ดูแคบลง” เวลายิ้มหรือหัวเราะ
  • มุมจมูกและรูปจมูกโดยรวมดูเรียวและได้สัดส่วนมากขึ้น
  • ใบหน้าดูไม่แข็ง ยังคงแสดงอารมณ์ได้ปกติ หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ

ระดับการเปลี่ยนแปลง

  • โดยเฉลี่ย ปีกจมูกจะหดลงประมาณ 1–3 มม. ขณะยิ้ม
  • ยิ่งกล้ามเนื้อบริเวณนี้แข็งแรงก่อนฉีด ผลลัพธ์ที่เห็นจะชัดเจนขึ้น
  • ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างของจมูกขณะไม่แสดงสีหน้า

ผลลัพธ์จะชัดแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความแรงของกล้ามเนื้อเดิม และเทคนิคการฉีดของแพทย์

ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเหมาะกับใคร?

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปจมูกให้ดูเรียวขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะในกรณีที่ปีกจมูกแผ่ขยายเฉพาะเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า

ลักษณะคนไข้ที่เหมาะสม

  • มีปีกจมูกกว้างขณะยิ้มหรือพูด แต่รูปจมูกตอนปกติยังคงสมดุล
  • ไม่พร้อมทำศัลยกรรมจมูก หรือยังไม่ต้องการปรับโครงสร้างถาวร
  • ต้องการผลลัพธ์ชั่วคราว สามารถปรับเปลี่ยนหรือหยุดได้ภายหลัง
  • ต้องการใบหน้าที่ดูละมุนขึ้นขณะยิ้ม เพื่อให้ภาพรวมดูสมส่วน

ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปีกจมูกกว้างจากกระดูกหรือเนื้อเยื่อ ไม่ใช่กล้ามเนื้อ
  • ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปทรงจมูกขณะนิ่งแบบชัดเจน
  • ผู้ที่แพ้สาร Botulinum toxin หรือมีภาวะเกี่ยวกับระบบประสาท

การประเมินโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อดูว่ากล้ามเนื้อที่ควบคุมปีกจมูกแข็งแรงพอจะตอบสนองต่อโบท็อกซ์หรือไม่

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเป็นยังไง?

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกใช้เวลาไม่นาน และหากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนดังนี้:

1. ประเมินรูปหน้าและกล้ามเนื้อปีกจมูก

แพทย์จะให้คนไข้ยิ้ม/พูดเพื่อดูการเคลื่อนไหวของปีกจมูก ว่ามีกล้ามเนื้อส่วนใดทำงานมาก และควรฉีดตรงจุดใดบ้าง

2. วางแผนตำแหน่งและปริมาณ

จำนวนยูนิตที่ใช้และตำแหน่งการฉีดจะแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นกับกล้ามเนื้อและโครงสร้างจมูก

3. ทายาชาหรือประคบเย็น

เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่เคยฉีดมาก่อน

4. ฉีดโบท็อกซ์

แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ Dilator Naris หรือ Alar Nasalis ด้วยเทคนิคที่แม่นยำ ใช้เวลาเพียง 5–10 นาที

5. ตรวจเช็คหลังฉีด

แนะนำวิธีดูแลหลังทำ และนัดหมายติดตามผล (ถ้าจำเป็น)

ต้องดูแลหลังฉีดยังไง? อะไรที่ควรเลี่ยง?

หลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก แม้จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็มีข้อควรปฏิบัติบางประการที่ช่วยให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด

  • ควรนั่งหรือลุกตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาไหลไปยังตำแหน่งอื่น
  • ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที แต่ควรหลีกเลี่ยงการกด/นวด บริเวณจมูก
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและพักผ่อนให้พอเหมาะ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงใน 24–48 ชั่วโมงแรก

  • หลีกเลี่ยง ความร้อนจัด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก
  • ไม่ควรนอนราบในทันที หรือก้มหน้าติดต่อกันนาน
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแรง ๆ หรือใช้สกินแคร์ที่มีฤทธิ์ระคายเคืองบริเวณใกล้จมูก

การดูแลอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์อยู่ได้นานขึ้น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

ข้อควรระวัง / ผลข้างเคียงที่ควรรู้

แม้โบท็อกซ์ปีกจมูกจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนบางประการได้ โดยเฉพาะหากใช้ปริมาณไม่เหมาะสม หรือฉีดผิดตำแหน่ง

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้

  • รอยช้ำ หรือ บวมเล็กน้อย บริเวณจุดฉีด พบได้บ้าง แต่จะหายได้เองภายใน 3–7 วัน
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงเกินไป เช่น ยิ้มแล้วมุมปากตก หรือรู้สึกว่ารูปจมูกผิดปกติ
  • ไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์น้อยกว่าที่คาด อาจเกิดจากกล้ามเนื้อไม่ตอบสนอง หรือใช้ยูนิตน้อยเกินไป

ภาวะที่ควรรีบพบแพทย์

  • บวมแดงร้อนผิดปกติ หรือมีอาการปวดมาก
  • รู้สึกยิ้มผิดรูป ควบคุมกล้ามเนื้อรอบปากไม่ได้
  • มีอาการแพ้ เช่น ผื่น คัน ลมพิษ

หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ หรือใช้สารไม่ได้มาตรฐาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้ จึงควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และใช้โบท็อกซ์แท้เท่านั้น

ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกซ้ำได้บ่อยแค่ไหน? ถ้าฉีดบ่อยจะเป็นอะไรไหม?

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกสามารถทำซ้ำได้เรื่อย ๆ หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยมีการเว้นระยะอย่างเหมาะสม เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักและลดความเสี่ยงของการดื้อโบท็อกซ์

ควรเว้นระยะเท่าไหร่ระหว่างการฉีด?

  • โดยทั่วไปแนะนำให้เว้นระยะ 3–6 เดือน ต่อครั้ง
  • หากฉีดถี่เกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงถาวร หรือโบท็อกซ์ออกฤทธิ์สั้นลง

ดื้อโบท็อกซ์คืออะไร?

  • เป็นภาวะที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อตัว Botulinum toxin ทำให้การฉีดครั้งถัดไปไม่เห็นผล
  • มักเกิดจากการฉีดบ่อยเกินไป หรือใช้ยูนิตสูงโดยไม่จำเป็น

แนวทางป้องกัน

  • เลือกใช้ยี่ห้อที่มีความบริสุทธิ์สูง เช่น Xeomin (ไม่มีโปรตีนประกอบ)
  • เว้นช่วงตามคำแนะนำแพทย์ และไม่ฉีดซ้ำโดยไม่จำเป็น

การฉีดซ้ำเป็นเรื่องปกติในแผนการรักษา แต่ต้องอยู่ภายใต้การวางแผนที่ดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและต่อเนื่อง

ราคาประมาณเท่าไหร่?

ราคาของการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อที่ใช้ จำนวนยูนิต และคลินิกที่ให้บริการ โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงราคาที่จับต้องได้ โดยไม่ต้องใช้ยูนิตมากเหมือนบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า

ราคาโดยประมาณ (ต่อครั้ง) (ไม่ใช่ราคาที่คลินิก)

ยี่ห้อโบท็อกซ์ ปริมาณยูนิต ราคาประมาณ
Nabota (Korea) 20–30 ยูนิต 3,500–6,000 บาท
Dysport (UK) 20–40 ยูนิต 5,000–9,000 บาท
Allergan (USA) 15–25 ยูนิต 7,500–12,000 บาท
Xeomin (Germany) 15–20 ยูนิต 6,000–10,000 บาท
Neuronox (Korea) 20–30 ยูนิต 3,000–5,500 บาท
Aestox (Korea) 20–30 ยูนิต 3,000–5,500 บาท

ราคาขึ้นอยู่กับ

  • ยี่ห้อและประเทศต้นทาง: โบท็อกซ์นำเข้ามีราคาสูงกว่าของเกาหลีหรือยุโรปตะวันออก
  • โปรโมชั่นของคลินิก: หลายแห่งมีแพ็คเกจหรือราคาเฉพาะจุด
  • ประสบการณ์ของแพทย์และเทคนิคการฉีด

แนะนำให้สอบถามราคาพร้อม “จำนวนยูนิตที่ได้” และตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกซ์แท้มี อย. ก่อนตัดสินใจ

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกซ์ปีกจมูก

เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและตอบข้อสงสัยที่หลายคนถามบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ด้านล่างคือคำถามพร้อมคำตอบสั้นกระชับ:

Q: โบท็อกซ์ปีกจมูกเจ็บไหม?

A: รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยคล้ายจิ้มเบา ๆ บริเวณข้างจมูก และมักทายาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีด

Q: ฉีดกี่ยูนิตถึงเห็นผล?

A: โดยทั่วไปใช้ 10–20 ยูนิตต่อข้าง หรือ 20–40 ยูนิตรวมสองข้าง ขึ้นกับกล้ามเนื้อและยี่ห้อ

Q: โบท็อกซ์จมูกอยู่ได้นานแค่ไหน?

A: ประมาณ 3–6 เดือน แล้วแต่แบรนด์และพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อ

Q: ปีกจมูกจะหุบลงตลอดไหม?

A: ไม่ถาวร หากหยุดฉีด กล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามเดิม

Q: ต้องฉีดซ้ำตลอดไหม?

A: ขึ้นอยู่กับความต้องการ หากต้องการรักษารูปจมูกที่ดูเรียวขณะยิ้ม ควรฉีดซ้ำทุก 4–6 เดือน

บทสรุป

โบท็อกซ์ปีกจมูกเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปจมูกให้เรียวลงแบบไม่ถาวร เหมาะกับผู้ที่ปีกจมูกบานเฉพาะเวลายิ้มหรือพูด และยังไม่พร้อมทำศัลยกรรม โดยหากฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่โป๊ะ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกซ์แท้ มีแพทย์ประเมินอย่างละเอียดก่อนฉีด ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจในระยะยาว

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา