โบท็อกซ์รัดแกนจมูก สวยคมชัด ไม่ต้องผ่าตัด! 2025

ปัญหาสันจมูกดูแบนหรือกว้างเมื่อแสดงสีหน้า เป็นเรื่องที่หลายคนสังเกตเห็นเวลายิ้มหรือถ่ายรูป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการให้รูปจมูกดูเรียวคมเป็นธรรมชาติ โบท็อกซ์รัดแกนจมูกจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยเทคนิคการฉีดที่เน้นปรับการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณสันจมูก ช่วยให้รูปทรงจมูกดูสมส่วนยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจโบท็อกซ์รัดแกนจมูกในทุกแง่มุม ตั้งแต่กลไกการทำงาน เทคนิคที่ใช้ ความเหมาะสม ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ตลอดจนข้อควรระวังต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากที่สุด

สารบัญ hide

โบท็อกซ์รัดแกนจมูกคืออะไร และทำงานอย่างไร?

โบท็อกซ์รัดแกนจมูก (Nose Slimming Botox) เป็นเทคนิคการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อบางมัดที่พาดอยู่บริเวณสันจมูก ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อรูปร่างของสันจมูกในขณะเคลื่อนไหวใบหน้า

โดยปกติ เมื่อแสดงสีหน้า เช่น การยิ้มหรือหัวเราะ กล้ามเนื้อบริเวณนี้จะดึงสันจมูกออกด้านข้าง ส่งผลให้สันจมูกดูแบนและกว้างขึ้น เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยคลายการทำงานของกล้ามเนื้อดังกล่าว ทำให้สันจมูกดูแคบและคมชัดขึ้นขณะเคลื่อนไหว รวมถึงช่วยลดรอยย่นเล็กๆ ที่มักเกิดขึ้นบริเวณสันจมูก (ที่เรียกว่า Bunny Lines) ได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจะค่อยๆ ปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด โดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนของจมูกแต่อย่างใด

จุดฉีดต้องวิเคราะห์จากกล้ามเนื้อใดบ้าง?

การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างของกล้ามเนื้อบริเวณจมูก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

กล้ามเนื้อเป้าหมายหลักที่แพทย์จะทำการวิเคราะห์ก่อนฉีด ได้แก่ กล้ามเนื้อ Nasalis (ส่วน transverse) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อแผ่กว้างอยู่บริเวณสันจมูก มีหน้าที่ช่วยหดรัดสันจมูกและขยายปีกจมูกขณะออกแรง เช่น เวลายิ้ม หรือแสดงสีหน้า

นอกจากนี้ อาจพิจารณากล้ามเนื้ออื่นที่มีบทบาทร่วมในการดึงหรือเปลี่ยนแปลงรูปร่างของจมูก เช่น กล้ามเนื้อ Procerus และ Depressor Septi Nasi ในกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่ากล้ามเนื้อเหล่านี้มีส่วนทำให้สันจมูกดูแบนหรือกว้างเมื่อแสดงสีหน้า

การประเมินโครงสร้างกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยแพทย์จะต้องอาศัยการคลำและการสังเกตการเคลื่อนไหวของจมูกในหลายท่าทาง เพื่อกำหนดจุดฉีดและปริมาณโบท็อกซ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละราย

เหมาะกับใครบ้าง?

โบท็อกซ์รัดแกนจมูกเป็นเทคนิคที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของสันจมูกเมื่อแสดงสีหน้า หรือมีความต้องการปรับลุคของจมูกให้ดูเรียวคมขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยกลุ่มที่เหมาะสม ได้แก่

  • ผู้ที่ยิ้มแล้วสันจมูกดูแบนหรือกว้าง เมื่อยิ้มหรือหัวเราะ กล้ามเนื้อบางมัดจะดึงสันจมูกออกด้านข้าง ทำให้รูปทรงจมูกดูแบน ไม่สมส่วนกับใบหน้า
  • ผู้ที่มีรอยย่นบริเวณสันจมูก (Bunny Lines) รอยย่นเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณสันจมูกเวลาขยับใบหน้า สามารถลดลงได้จากการฉีดโบท็อกซ์
  • ผู้ที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมจมูก เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากปรับรูปจมูกให้ดูเรียวขึ้นแบบชั่วคราว โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการเสริมลุคของจมูกให้คมชัดเวลาถ่ายรูปหรือออกงาน ในบางกรณีผู้ที่มีจมูกสวยอยู่แล้ว แต่อยากให้สันจมูกคมขึ้นเมื่ออยู่หน้ากล้อง ก็สามารถเลือกทำได้เช่นกัน
  • ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สามารถทำได้ทุกเพศ โดยแพทย์จะประเมินลักษณะกล้ามเนื้อและความต้องการเฉพาะบุคคลเป็นสำคัญ

ก่อนฉีดต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?

แม้การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจะเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อนและใช้เวลาไม่นาน แต่การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้

  1. แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ แจ้งประวัติการใช้ยา โรคประจำตัว ภาวะเลือดออกง่าย หรือการแพ้ยาต่างๆ ให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน
  2. งดรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรงดยาแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามินอี, น้ำมันปลา และสมุนไพรบางชนิด (เช่น โสม ใบแปะก๊วย) อย่างน้อย 3-5 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงต่อรอยช้ำ
  3. งดดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อป้องกันการขยายตัวของเส้นเลือด ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำหลังทำ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เพียงพอในคืนก่อนวันฉีด ช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมต่อกระบวนการฟื้นฟู
  5. ไม่ควรแต่งหน้าหรือทาครีมบริเวณจมูกในวันที่ฉีด เพื่อให้บริเวณที่จะฉีดสะอาดและปลอดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในบริเวณดังกล่าวในวันนัด

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฉีดโบท็อกซ์เป็นไปอย่างปลอดภัย และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็น

เจ็บไหม ใช้ยูนิตเท่าไหร่?

ความรู้สึกขณะฉีด: การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกโดยทั่วไปจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับระดับความไวของผิวแต่ละบุคคล เนื่องจากบริเวณจมูกมีเส้นประสาทค่อนข้างมาก แพทย์มักใช้วิธีประคบเย็น หรือทายาชาก่อนฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บและทำให้ขั้นตอนเป็นไปอย่างสบายที่สุด

โดยมากผู้รับบริการมักอธิบายว่ารู้สึก “จี๊ดๆ” หรือ “ตึงเบาๆ” ขณะเข็มสัมผัสผิว ซึ่งเป็นอาการปกติ และอาการเหล่านี้จะหายไปทันทีหลังฉีดเสร็จ

จำนวนยูนิตที่ใช้: จำนวนยูนิตของโบท็อกซ์ที่ใช้ในการรัดแกนจมูกจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างกล้ามเนื้อและการประเมินของแพทย์เป็นหลัก โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง ประมาณ 4–25 ยูนิต

  • ในเคสที่มีการดึงของกล้ามเนื้อไม่มาก อาจใช้เพียง 4–10 ยูนิต
  • ในเคสที่ต้องการผลชัดเจนขึ้น หรือมีการทำงานของกล้ามเนื้อค่อนข้างแข็งแรง อาจใช้ 15–25 ยูนิต

แพทย์จะเป็นผู้กำหนดปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด

เห็นผลเร็วแค่ไหน และอยู่ได้นานเท่าไหร่?

หลังจากฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูก ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงทันทีในวันแรก เนื่องจากต้องใช้เวลาให้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อเป้าหมาย

ระยะเวลาเริ่มเห็นผล

  • โดยทั่วไปจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน ประมาณ 5–7 วันแรก
  • ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ หลังฉีด ซึ่งเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวอย่างเต็มที่

ระยะเวลาคงผลลัพธ์

  • ผลของโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจะอยู่ได้นานประมาณ 3–5 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น
    • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณจมูก
    • การตอบสนองต่อโบท็อกซ์ของแต่ละคน
    • พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อในชีวิตประจำวัน

หลังจากระยะเวลาดังกล่าว กล้ามเนื้อจะเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ ซึ่งหากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ต่อเนื่อง สามารถเข้ารับการฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อดี–ข้อเสีย (Pros & Cons)

การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคของจมูกแบบไม่ผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกทำหัตถการนี้ ควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อจำกัดอย่างรอบด้าน

ข้อดี

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ สันจมูกเรียวขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างกระดูก
  • ช่วยลดรอยย่นบริเวณสันจมูก หรือที่เรียกว่า Bunny Lines ได้ในคราวเดียวกัน
  • ทำซ้ำได้ง่าย สามารถปรับแต่งหรือเติมผลลัพธ์เพิ่มเติมได้ตามความต้องการ
  • ระยะเวลาทำหัตถการสั้น ใช้เวลาฉีดเพียงไม่กี่นาที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุกประมาณ 3–5 เดือน หากต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง
  • ไม่เปลี่ยนโครงสร้างจมูก สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างจมูกอย่างถาวร เช่น แก้ทรง ปรับโครงสร้างกระดูก อาจไม่ตอบโจทย์
  • ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับโครงสร้างกล้ามเนื้อแต่ละคน บางกรณีอาจเห็นผลชัดเจนน้อยลง หากกล้ามเนื้อมีการตอบสนองต่อโบท็อกซ์ไม่มาก
  • ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

เปรียบเทียบ: รัดแกน vs ปีก vs ฟิลเลอร์จมูก

สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของจมูกโดยไม่ผ่าตัด มีหลายเทคนิคให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ตารางด้านล่างนี้ช่วยเปรียบเทียบ โบท็อกซ์รัดแกนจมูก, โบท็อกซ์ลดปีกจมูก, และ ฟิลเลอร์จมูก เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ประเด็นเปรียบเทียบ โบท็อกซ์รัดแกนจมูก โบท็อกซ์ลดปีกจมูก ฟิลเลอร์จมูก
จุดประสงค์หลัก ปรับสันจมูกให้คมชัดเมื่อแสดงสีหน้า ลดความกว้างของปีกจมูก เติมความสูง ปรับทรงจมูก
บริเวณที่ฉีด กล้ามเนื้อสันจมูก (Nasalis) กล้ามเนื้อด้านข้างปีกจมูก (Alar Nasalis) ใต้ชั้นผิวถึงชั้นกระดูก
ผลลัพธ์ สันจมูกเรียวขึ้นเวลายิ้ม ลด Bunny Lines ปีกจมูกดูแคบลงเวลาพูดหรือยิ้ม โครงสร้างจมูกดูโด่งขึ้นได้ทันที
ความคงทนของผล 3–5 เดือน 3–5 เดือน 6–12 เดือน (ขึ้นกับชนิดฟิลเลอร์)
เปลี่ยนโครงสร้างจมูกถาวรหรือไม่ ไม่ ไม่ ไม่ถาวร แต่เปลี่ยนโครงสร้างชั่วคราวได้
ความเหมาะสม ผู้ที่ยิ้มแล้วสันจมูกแบน หรือมี Bunny Lines ผู้ที่ปีกจมูกกว้างเวลายิ้ม ผู้ที่ต้องการปรับความสูงและรูปทรงจมูกแบบชัดเจน

ฉีดพร้อมปีกจมูกได้ไหม อย่างไร?

โบท็อกซ์รัดแกนจมูกสามารถฉีดร่วมกับ โบท็อกซ์ลดปีกจมูก ได้ในครั้งเดียว โดยเป็นเทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายในคลินิกความงาม เพราะช่วยปรับรูปจมูกให้ดูสมส่วนและกลมกลืนยิ่งขึ้น ทั้งบริเวณสันและปีกจมูก

หลักการทำงานร่วมกัน

  • โบท็อกซ์รัดแกนจมูก จะเน้นคลายกล้ามเนื้อที่พาดบริเวณสันจมูก ทำให้สันจมูกคมชัดขึ้น
  • โบท็อกซ์ลดปีกจมูก จะคลายกล้ามเนื้อด้านข้างปีกจมูก เพื่อลดการบานออกของปีกจมูกเวลาพูดหรือยิ้ม

แนวทางการฉีด

  • โดยทั่วไปแพทย์จะเริ่มจากประเมินรูปหน้าขณะเคลื่อนไหวและขณะอยู่เฉยๆ เพื่อวางแผนตำแหน่งและปริมาณยูนิตที่เหมาะสมในแต่ละจุด
  • สามารถฉีดทั้ง รัดแกน + ลดปีก ในคราวเดียวกันได้ ไม่ต้องแยกวันนัด
  • แพทย์จะเลือกจุดฉีดและกระจายปริมาณโบท็อกซ์ให้เหมาะสม เพื่อให้จมูกดูสมดุลและไม่แข็งตึงเกินไป

หมายเหตุ

  • การฉีดร่วมกันต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนการทำงานของกล้ามเนื้ออื่นๆ บริเวณจมูก
  • ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดว่าควรทำร่วมกันหรือทำแยกตามความเหมาะสมของรูปหน้าแต่ละบุคคล

ดูแลหลังฉีดยังไงให้ผลอยู่ได้นาน?

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ และคงอยู่ได้ยาวนานขึ้น การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ

คำแนะนำหลังฉีด

  • งดการนวดหรือกดจมูก หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสแรงๆ บริเวณจมูกในช่วง 4–6 ชั่วโมงแรก หลังฉีด เพื่อป้องกันการกระจายของโบท็อกซ์ไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียง
  • หลีกเลี่ยงการก้มศีรษะต่ำ หลีกเลี่ยงการก้มศีรษะลงต่ำหรือการนอนราบในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เพื่อให้โบท็อกซ์เซ็ตตัวได้ดี
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ควรงดการออกกำลังกายหนัก, ซาวน่า, อบไอน้ำ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หลังฉีด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำ
  • งดการแต่งหน้า/ทาครีมบริเวณจมูกทันทีหลังฉีด ควรรอประมาณ 24 ชั่วโมง ก่อนเริ่มแต่งหน้าหรือใช้สกินแคร์ในบริเวณจมูก

การติดตามผล: ควรเข้าพบแพทย์เพื่อติดตามผลลัพธ์ตามนัด และหากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที

การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้เต็มที่และคงผลลัพธ์ได้นานยิ่งขึ้น

มียี่ห้อโบท็อกซ์ไหนแนะนำบ้าง?

ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อของโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ที่นิยมนำมาใช้สำหรับการฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูก โดยแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อยในด้านระยะเวลาออกฤทธิ์และการกระจายตัวของยา

ตัวอย่างยี่ห้อที่คลินิกความงามนิยมใช้และผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้แก่

ยี่ห้อ ประเทศผู้ผลิต คุณสมบัติโดยทั่วไป
Botox® (Allergan) สหรัฐอเมริกา ออกฤทธิ์ค่อนข้างแม่นยำ กระจายตัวน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลที่คุมทิศทางได้ดี
Xeomin® (Merz) เยอรมนี โมเลกุลบริสุทธิ์ ไม่มีโปรตีนประกอบ ลดโอกาสดื้อยา เหมาะกับผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์มาก่อนหลายครั้ง
Nabota® (Daewoong) เกาหลีใต้ ออกฤทธิ์รวดเร็ว ราคาย่อมเยา เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้เริ่มต้นฉีดโบท็อกซ์
Aestox® (Huons) เกาหลีใต้ ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างเสถียร กระจายตัวกำลังดี เหมาะกับการปรับรูปทรงบริเวณเล็กๆ เช่น สันจมูก
Neuronox® (Medytox) เกาหลีใต้ อีกหนึ่งตัวเลือกที่ใช้อย่างแพร่หลายในคลินิก เนื่องจากมีความคงตัวดี และคุ้มค่าในแง่ราคา

หมายเหตุ

  • การเลือกใช้ยี่ห้อใดขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ ร่วมกับงบประมาณและความต้องการของผู้รับบริการ
  • ควรเลือกใช้โบท็อกซ์ที่มี อย. รับรองอย่างถูกต้อง และฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ผลข้างเคียงหรืออันตรายมีอะไรบ้าง?

แม้การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจะเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่เช่นเดียวกับหัตถการทางความงามอื่นๆ ก็ยังอาจมีผลข้างเคียงที่พบได้บ้างในบางราย

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (ชั่วคราว)

  • รอยแดง หรือบวมเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด มักหายไปภายใน 1–3 วัน
  • รอยช้ำ อาจเกิดได้จากการถูกเส้นเลือดขนาดเล็กขณะฉีด โดยจะค่อยๆ จางลงภายใน 1–2 สัปดาห์
  • ความรู้สึกตึง หรือแปลกๆ ที่จมูก ในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อกำลังปรับตัว

ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย

  • ความไม่สมดุลของการเคลื่อนไหวของจมูก เช่น การยิ้มที่ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากฉีดโบท็อกซ์กระจายไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียง
  • ตาแห้ง น้ำตาไหล หรือรู้สึกตึงบริเวณรอบดวงตา ในกรณีที่มีการกระจายของโบท็อกซ์ไปยังกล้ามเนื้ออื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • อาการคล้ายหวัด หรือปวดศีรษะเล็กน้อย ในบางราย อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหลังฉีด

หมายเหตุ

  • ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะเป็นเพียงชั่วคราวและสามารถหายได้เอง
  • การเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และใช้โบท็อกซ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. จะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้อย่างมาก
  • หากมีอาการผิดปกติรุนแรง หรือไม่หายภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

เทคนิคโบท็อกซ์รัดแกนแบบไหนที่ไม่ควรทำ?

แม้การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในคลินิกความงาม แต่ก็มีบางเทคนิคหรือแนวทางการฉีดที่ไม่ควรนำมาใช้ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นธรรมชาติ

  1. ฉีดในปริมาณสูงเกินไป: การใช้โบท็อกซ์ในปริมาณมากเกินความจำเป็น อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณจมูกหยุดทำงานมากเกินไป ส่งผลให้การแสดงสีหน้าโดยรวมดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ หรือเกิดอาการตึงผิดปกติบริเวณจมูก
  2. ฉีดจุดที่ไม่เหมาะสมหรือฉีดกระจายเกินไป: การฉีดโบท็อกซ์ที่กระจายตัวออกไปนอกกล้ามเนื้อเป้าหมาย เช่น ไปยังกล้ามเนื้อ Procerus หรือ Depressor Septi Nasi โดยไม่ได้มีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการเคลื่อนไหวของจมูก หรือทำให้รอยย่นอื่นๆ ดูเด่นชัดขึ้นแทน
  3. ฉีดโดยไม่ประเมินการเคลื่อนไหวของจมูกก่อน: จมูกแต่ละคนมีลักษณะการเคลื่อนไหวและการทำงานของกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน การฉีดโดยไม่ผ่านการประเมินอย่างละเอียดก่อน อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่สมดุล หรือไม่ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ
  4. ฉีดโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เฉพาะทาง: การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในโครงสร้างกล้ามเนื้อและการวิเคราะห์ใบหน้า หากฉีดโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง และผลลัพธ์อาจไม่ออกมาอย่างที่ตั้งใจ

หมายเหตุ: เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีความรู้ความชำนาญในเทคนิคนี้ และปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด

อายุเท่าไหร่ถึงเหมาะฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูก?

การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกไม่ได้มีเกณฑ์อายุที่ตายตัวว่าต้องเริ่มเมื่อใด เนื่องจากความเหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างใบหน้า การทำงานของกล้ามเนื้อจมูก และความต้องการส่วนบุคคลเป็นหลัก มากกว่าปัจจัยเรื่องอายุเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปกลุ่มอายุที่นิยมเข้ารับบริการ ได้แก่

  • ช่วงอายุ 20–30 ปี ในช่วงวัยนี้ หลายคนเริ่มสังเกตเห็นปัญหารูปจมูกเวลายิ้มหรือถ่ายรูป เช่น สันจมูกดูแบนเมื่อแสดงสีหน้า หรือมี Bunny Lines ปรากฏ
    มักเป็นกลุ่มที่ต้องการปรับลุคให้จมูกดูคมชัดขึ้นแบบไม่ถาวร
  • ช่วงอายุ 30–40 ปี เป็นช่วงที่ริ้วรอยเริ่มเด่นชัดขึ้น รวมถึง Bunny Lines ที่อาจลึกกว่าในวัยหนุ่มสาว การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจึงช่วยลดรอยย่นบริเวณจมูก และปรับให้โครงหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • มากกว่า 40 ปี สามารถฉีดได้เช่นกันในกรณีที่โครงสร้างจมูกและผิวหนังยังเหมาะสม แพทย์จะประเมินเป็นรายบุคคลว่ากล้ามเนื้อยังตอบสนองต่อโบท็อกซ์ได้ดีหรือไม่ และพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมหรือไม่

หมายเหตุ

  • อายุไม่ใช่ข้อจำกัดหลักในการฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูก
  • สิ่งสำคัญคือการประเมินโดยแพทย์ว่ากล้ามเนื้อและโครงสร้างผิวเหมาะสมกับเทคนิคนี้หรือไม่ และการคาดหวังผลลัพธ์ของแต่ละบุคคลสอดคล้องกับสิ่งที่เทคนิคนี้สามารถทำได้

โบท็อกซ์รัดแกนจมูกทำกี่ครั้งถึงเห็นผลถาวร?

โดยธรรมชาติแล้ว โบท็อกซ์รัดแกนจมูกเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์แบบชั่วคราว เนื่องจากโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆ สลายออก และกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามปกติ

ความถี่ในการฉีด

  • โดยทั่วไป ผู้ที่ต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง มักเข้ารับการฉีดซ้ำทุก 3–5 เดือน
  • ในบางรายที่กล้ามเนื้อตอบสนองดี หรือมีการฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดอาจอ่อนแรงลงเล็กน้อยในระยะยาว ทำให้ระยะเวลาของผลลัพธ์ยืดออกได้บ้าง

เรื่องของ “ผลถาวร”

  • โบท็อกซ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกล้ามเนื้อหรือจมูกได้อย่างถาวร
  • อย่างไรก็ตาม หากมีการฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นลดลงไปในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ความถี่ในการฉีดซ้ำสามารถลดลงได้ในอนาคต
  • ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยรายบุคคล เช่น โครงสร้างกล้ามเนื้อ, พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อ และการตอบสนองต่อโบท็อกซ์ของแต่ละคน

หมายเหตุ

  • การฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ หากต้องการคงผลลัพธ์ในระยะยาว
  • ควรปรึกษาแพทย์เป็นระยะ เพื่อวางแผนการฉีดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล

สรุป

โบท็อกซ์รัดแกนจมูกเป็นเทคนิคที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับรูปทรงจมูกและใบหน้าโดยรวมได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคจมูกแบบไม่ถาวร และไม่ต้องการพักฟื้นจากการผ่าตัด

แม้เป็นหัตถการที่ทำได้ง่ายและปลอดภัยเมื่ออยู่ในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้รับบริการควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เข้าใจข้อจำกัดของผลลัพธ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งก่อนและหลังฉีดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา