โบท็อกซ์ Allergan ราคา ดียังไง เหมาะกับฉีดบริเวณไหน 2025

โบท็อกซ์ Allergan คือหนึ่งในโบทูลินัมท็อกซินที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก โดยเฉพาะในวงการแพทย์ความงาม ด้วยคุณสมบัติที่แม่นยำ กระจายตัวต่ำ และอยู่ได้นาน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย หรือแก้ปัญหากล้ามเนื้อใบหน้าอย่างปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ

บทความชุดนี้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Allergan Botox ทั้งในด้านโครงสร้าง ราคา การใช้งานจริง ไปจนถึงข้อควรระวัง พร้อมคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด

สารบัญ hide

โบท็อกซ์ Allergan คืออะไร?

โบท็อกซ์ Allergan คือชื่อทางการค้าของสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum Toxin A) ชนิด Onabotulinumtoxin A ที่ผลิตโดยบริษัท AbbVie จากประเทศสหรัฐอเมริกา เดิมชื่อบริษัท Allergan ก่อนควบรวมกิจการ โบท็อกซ์ชนิดนี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกาให้ใช้ในทางการแพทย์และความงามมานานกว่า 30 ปี

สารออกฤทธิ์ใน Allergan Botox จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อชั่วคราว จึงนิยมนำมาใช้เพื่อลดริ้วรอย ลดขนาดกล้ามเนื้อ และปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ทั้งนี้แพทย์จะประเมินความเหมาะสมและตำแหน่งในการฉีดตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

แตกต่างจากโบท็อกซ์ทั่วไปอย่างไร

สิ่งที่ทำให้โบท็อกซ์ Allergan โดดเด่นกว่ายี่ห้อทั่วไป คือโครงสร้างโมเลกุลที่มีความเสถียรและบริสุทธิ์สูง มี Complexing Protein ที่ช่วยควบคุมการกระจายตัวยา ทำให้ผลลัพธ์แม่นยำ อยู่ได้นาน และมีโอกาสดื้อยาน้อยกว่าเมื่อใช้ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ Allergan ยังผ่านการศึกษาวิจัยทางคลินิกจำนวนมากและใช้ในวงการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทำให้เป็นยี่ห้อที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามอย่างแพร่หลาย

Allergan ผลิตที่ไหน? มาตรฐานจากอเมริกาแท้หรือไม่

โบท็อกซ์ Allergan ผลิตโดยบริษัท AbbVie Inc. ซึ่งมีฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมืองเวสต์พอร์ต รัฐไอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา (California & Texas) โดยเป็นโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก U.S. FDA และ European Medicines Agency (EMA) สำหรับการผลิตเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ต้องการความแม่นยำและความปลอดภัยสูง

แม้บริษัทจะมีโรงงานหลายแห่งทั่วโลก แต่โบท็อกซ์ Allergan ที่ใช้ในตลาดความงามส่วนใหญ่จะผลิตและส่งออกจากโรงงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่รู้จักด้านมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตยาสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

มาตรฐานจากอเมริกาแท้หรือไม่

โบท็อกซ์ Allergan ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยผู้นำเข้าถูกกฎหมาย จะมีเอกสารกำกับยาภาษาไทย พร้อมระบุแหล่งผลิตชัดเจน และต้องมีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยอย่างถูกต้อง

ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลบนกล่อง เช่น หมายเลขล็อต, วันที่ผลิต, และ QR Code ที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ได้ เพื่อป้องกันการใช้ของปลอม หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

โบท็อกซ์ Allergan ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร

โบท็อกซ์ Allergan เป็นชื่อทางการค้าของสาร OnabotulinumtoxinA ที่มีขนาดโมเลกุล 900 kDa ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลัก (150 kDa neurotoxin) ร่วมกับ Complexing Proteins ซึ่งช่วยพยุงโมเลกุลให้คงตัว ลดการสลายตัวก่อนถึงกล้ามเนื้อเป้าหมาย และช่วยควบคุมการกระจายตัวยาให้อยู่ในขอบเขตที่แพทย์ต้องการ

คุณสมบัตินี้ทำให้ Allergan เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฉีดในบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น หน้าผาก ตีนกา หรือร่องลึกระหว่างคิ้ว โดยลดความเสี่ยงที่ยาจะกระจายไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียง

เปรียบเทียบโบท็อกซ์ Allergen กับยี่ห้ออื่น

ยี่ห้อ สารออกฤทธิ์ มี Complexing Protein การกระจายตัวของยา ความคงตัวของโมเลกุล จุดเด่น
Allergan OnabotulinumtoxinA ✔ มี ต่ำ (ควบคุมง่าย) สูง แม่นยำ เหมาะกับจุดละเอียด
Dysport AbobotulinumtoxinA ✔ มี สูง (กระจายกว้าง) ปานกลาง เหมาะกับจุดกว้าง เช่น กล้ามกราม
Xeomin IncobotulinumtoxinA ✘ ไม่มี ต่ำ สูง โมเลกุลบริสุทธิ์ ไม่ก่อดื้อยา
Botulax / Nabota Clostridium derivative ✔ มี ไม่แน่นอน ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ราคาย่อมเยา ใช้แพร่หลายในเอเชีย
Neuronox Botulinum toxin type A ✔ มี ปานกลาง ปานกลาง ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น

แม้ทุกยี่ห้อจะมีสารออกฤทธิ์เป็น Botulinum toxin type A เหมือนกัน แต่โครงสร้างโมเลกุลและการควบคุมการกระจายตัวยาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ของการฉีด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะกับจุดและเป้าหมายการรักษาของแต่ละบุคคล

โบท็อกซ์ Allergan ผ่านการรับรองอะไรบ้าง?

โบท็อกซ์ Allergan (OnabotulinumtoxinA) เป็นหนึ่งในโบทูลินัมท็อกซินชนิดเอที่ได้รับการรับรองมากที่สุดในโลก โดยผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยและเวชภัณฑ์ที่สำคัญดังนี้:

  • U.S. FDA (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) รับรองให้ใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 1989 และใช้ด้านความงามตั้งแต่ปี 2002 สำหรับการรักษาริ้วรอยระดับปานกลางถึงลึกบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และตีนกา
  • European Medicines Agency (EMA) ผ่านการรับรองให้ใช้ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) ในหลายข้อบ่งชี้ทั้งทางการแพทย์และความงาม
  • อย. ประเทศไทย (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) Allergan Botox ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยต้องผ่านการขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้อง โดยมีเลขทะเบียนยาบนกล่อง และเอกสารกำกับยาแสดงแหล่งผลิตชัดเจน

ข้อสังเกตในการตรวจสอบของแท้

  • ตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้าและเลขทะเบียน อย. ไทย
  • กล่องต้องมีภาษาไทยระบุว่า “โบทูลินัมท็อกซิน เอ” พร้อมข้อมูลผู้ผลิตและผู้นำเข้า
  • มี QR Code หรือแถบตรวจสอบความถูกต้อง

ฉีดโบ Allergan จุดไหนได้ผลดีที่สุด

บริเวณที่เหมาะสำหรับการฉีด Allergan Botox

โบท็อกซ์ Allergan เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง เนื่องจากโมเลกุลมีความเสถียร กระจายตัวต่ำ และควบคุมได้ดีโดยแพทย์ ผลลัพธ์จึงดูเป็นธรรมชาติและเฉพาะจุด

ตำแหน่งที่นิยมฉีดมีดังนี้:

บริเวณบนใบหน้า วัตถุประสงค์
หน้าผาก ลดริ้วรอยแนวนอน
ระหว่างคิ้ว (ขมวดคิ้ว) ลดรอยขมวดคิ้ว/หน้าดุ
หางตา (ตีนกา) ลดรอยย่นเวลายิ้ม
กราม (กล้ามเนื้อ masseter) ลดขนาดกล้ามกราม, หน้าเรียว
คาง ปรับลักษณะคางส้ม
เหนียง ลดความตึงของกล้ามเนื้อ platysma

เลือกจุดฉีดอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

การเลือกจุดฉีดขึ้นอยู่กับลักษณะใบหน้าและปัญหาเฉพาะบุคคล เช่น คนที่มีรอยขมวดคิ้วชัดจะเหมาะกับการฉีดกล้ามเนื้อ corrugator ในขณะที่คนไข้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อจะเหมาะกับการฉีดโบกรามเพื่อให้ใบหน้าเรียวลงอย่างเห็นได้ชัด

ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจโครงสร้างกล้ามเนื้อบนใบหน้า เพื่อวางแผนตำแหน่งและปริมาณหน่วยยา (unit) อย่างเหมาะสม

ตารางเปรียบเทียบ Botox Allergan กับแบรนด์อื่น

การเลือกโบท็อกซ์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งคุณสมบัติทางโมเลกุล ระยะเวลาออกฤทธิ์ การกระจายตัว และความแม่นยำในการฉีด โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่ายี่ห้อใดเหมาะสมกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด

ตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้ สรุปคุณสมบัติสำคัญของโบท็อกซ์แต่ละแบรนด์ที่ใช้ในคลินิกความงาม:

แบรนด์ สัญชาติ ออกฤทธิ์ (Onset) ระยะเวลาออกฤทธิ์ (Duration) การกระจายตัวของยา ความเสถียรโมเลกุล จุดเด่น
Allergan สหรัฐฯ 3–5 วัน 4–6 เดือน ต่ำ (ควบคุมได้ดี) สูง แม่นยำ อยู่ได้นาน
Dysport อังกฤษ 2–3 วัน 3–4 เดือน สูง (กระจายกว้าง) ปานกลาง เหมาะกับจุดใหญ่ เช่น กราม
Xeomin เยอรมนี 3–4 วัน 3–4 เดือน ต่ำ สูง โมเลกุลบริสุทธิ์ ลดดื้อยา
Neuronox เกาหลีใต้ 3–5 วัน 3–4 เดือน ปานกลาง ปานกลาง ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะกับมือใหม่
Botulax / Nabota เกาหลีใต้ 3–5 วัน 3–4 เดือน ไม่แน่นอน ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ใช้แพร่หลาย ราคาย่อมเยา

หมายเหตุ: ระยะเวลาที่ระบุอ้างอิงจากข้อมูลทั่วไปโดยเฉลี่ย อาจแตกต่างไปตามปริมาณที่ฉีด ตำแหน่ง และร่างกายของแต่ละบุคคล

โบท็อกซ์ Allergan เห็นผลในกี่วัน อยู่ได้นานแค่ไหน?

ระยะเวลาเห็นผลหลังฉีด

โดยทั่วไป โบท็อกซ์ Allergan จะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 3–5 วัน หลังฉีด โดยคนไข้บางรายอาจเริ่มรู้สึกว่าริ้วรอยลดลงหรือกล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวเร็วขึ้น ส่วนผลลัพธ์ชัดเจนมักจะเห็นได้ภายใน 7–14 วัน หลังทำ

โบท็อกซ์ Allergan อยู่ได้นานแค่ไหน

ผลของการฉีด Allergan โดยเฉลี่ยจะอยู่ได้นานประมาณ 4–6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น:

  • ปริมาณที่ฉีด (หน่วย/Unit)
  • บริเวณที่ฉีด (จุดที่มีการใช้งานกล้ามเนื้อมาก เช่น หน้าผาก อาจอยู่สั้นกว่ากราม)
  • การดูแลหลังทำ (เช่น หลีกเลี่ยงการนวด/ซาวน่า)
  • สภาพร่างกายและการตอบสนองของแต่ละคน

หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่สม่ำเสมอ แนะนำให้กลับมาประเมินและฉีดซ้ำทุก 4–6 เดือนตามคำแนะนำของแพทย์

ช่วงเวลา สิ่งที่สังเกตได้
1–3 วันแรก กล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวเล็กน้อย
4–7 วัน ริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด
14 วัน เห็นผลเต็มที่
3–4 เดือน ผลเริ่มลดลงในบางจุด
5–6 เดือน ควรประเมินเพื่อฉีดซ้ำ

ใครบ้างที่เหมาะกับ Allergan Botox?

โบท็อกซ์ Allergan เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ ดูเป็นธรรมชาติ และคงอยู่ได้นาน โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว หรือรอบดวงตา

กลุ่มผู้ที่เหมาะกับการฉีด Allergan Botox ได้แก่:

  • ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา
  • ผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ (Masseter Hypertrophy) ต้องการหน้าเรียว
  • ผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อทั่วไปแล้วดื้อยา ต้องการเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ที่มีความเสถียรสูง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แม่นยำในจุดเล็กๆ เช่น รอยย่นที่จมูก มุมปาก
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อยู่ได้นาน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย
  • ผู้ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้โบท็อกซ์ชนิดใดเหมาะสม ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อออกแบบการรักษาให้ตรงกับโครงสร้างใบหน้าและเป้าหมายของแต่ละบุคคล

โบท็อกซ์ Allergan ราคาเท่าไหร่? แพงกว่าแต่คุ้มกว่าไหม

โบท็อกซ์ Allergan เป็นแบรนด์พรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา ราคาจะสูงกว่ายี่ห้อทั่วไป แต่มีความแม่นยำและอยู่ได้นานกว่า โดยทั่วไปในคลินิกความงามไทย ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ

  • 50 Units ราคา 13,500 บาท (ราคาโปรโมชัน ที่ smooth clinic)
  • 100 Units ราคา 19,500 บาท (ราคาโปรโมชัน smooth clinic)
บริเวณฉีด ปริมาณโดยประมาณ
ริ้วรอย (หน้าผาก/ตีนกา) 20–40 Units
โบกราม (หน้าเรียว) 40–60 Units
เหนียง/ลิฟต์หน้า 20–40 Units

ราคาจะแตกต่างกันตามปริมาณที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และโปรโมชันของแต่ละคลินิก โดยควรเลือกคลินิกที่แสดงราคาชัดเจน และมีเลข อย. พร้อมระบุปริมาณหน่วย (unit) ที่ใช้จริง

แพงกว่าแต่คุ้มค่าหรือไม่

แม้ราคา Allergan จะสูงกว่ายี่ห้ออื่น แต่ถือว่าคุ้มค่ากับคุณสมบัติดังนี้:

  • ผลลัพธ์แม่นยำ กระจายตัวยาน้อย
  • อยู่ได้นานกว่าโดยเฉลี่ย (4–6 เดือน)
  • ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA
  • ความเสี่ยงดื้อยาน้อยเมื่อใช้ระยะยาว
  • เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ทั้งนี้ควรพิจารณาความคุ้มค่าร่วมกับความปลอดภัย และเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีด

โบท็อกซ์ Allergan แท้ vs ปลอม ดูยังไง?

เนื่องจากโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ใช้สารออกฤทธิ์ระดับชีวโมเลกุล การใช้ของปลอมอาจเกิดอันตรายต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้ การตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกซ์ Allergan แท้จึงเป็นเรื่องสำคัญ

จุดสังเกตโบท็อกซ์ Allergan ของแท้

  • กล่องเป็นสีขาว-ม่วง มีฉลากภาษาไทย ระบุ “โบทูลินัมท็อกซิน เอ” และชื่อผู้นำเข้าถูกต้องตาม อย.
  • มีเลขทะเบียน อย. ไทย ตรงกับข้อมูลในระบบ อย.
  • มี QR Code หรือ Serial Number สำหรับตรวจสอบกับคลินิกหรือเว็บไซต์บริษัทนำเข้า
  • ระบุแหล่งผลิตชัดเจน เช่น “Manufactured in Ireland / USA by AbbVie”

สิ่งที่ควรระวัง

  • กล่องไม่มีฉลากไทย หรือระบุข้อมูลไม่ครบ
  • ราคา “ต่ำผิดปกติ” โดยไม่ระบุจำนวนหน่วย (Unit)
  • ฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือไม่สามารถแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ได้

ควรฉีดในคลินิกที่มีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล และสามารถออกใบรับรองผลิตภัณฑ์ให้ตรวจสอบย้อนกลับได้

ผลข้างเคียงโบท็อกซ์ Allergan มีอะไรบ้าง?

แม้โบท็อกซ์ Allergan จะผ่านการรับรองจาก FDA และใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ความงาม แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะหากฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้

  • บวม แดง หรือช้ำ บริเวณที่ฉีด (พบบ่อยแต่หายได้เองใน 1–3 วัน)
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว เช่น เปลือกตาตกหรือยิ้มไม่สุด หากฉีดผิดตำแหน่ง
  • ปวดศีรษะ หรือรู้สึกตึง ในบางราย
  • อาการแพ้ (น้อยมาก) เช่น คัน ผื่น หรือบวมผิดปกติ

ข้อควรระวัง:

  • ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า ซาวน่า หรือออกกำลังกายหนักใน 24 ชม. หลังฉีด
  • ควรแจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบประสาท หรือกำลังตั้งครรภ์

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในไม่กี่วัน หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและใช้ยาแท้ตามมาตรฐาน

ฉีดโบท็อกซ์ Allergan เจ็บไหม? มีระยะพักฟื้นไหม?

โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกซ์ Allergan จะรู้สึกเพียงเล็กน้อย คล้าย “มดกัด” หรือ “เข็มจิ้มเบาๆ” เท่านั้น แพทย์มักใช้เข็มขนาดเล็กมาก และบางคลินิกอาจแปะยาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีด เพื่อลดความรู้สึกขณะทำหัตถการ

จากประสบการณ์ของคนไข้ส่วนใหญ่: “รู้สึกจี๊ดๆ เบาๆ ไม่ถึงกับเจ็บ ใช้เวลาฉีดเร็วมาก”

ต้องพักฟื้นหรือไม่

โบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีระยะพักฟื้น คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังฉีด โดยอาจมีอาการบวมหรือจุดแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปใน 1–2 ชั่วโมง

ดูแลตัวเองหลังฉีด Allergan อย่างไรให้ผลอยู่ทนนาน

การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างถูกต้องมีผลต่อประสิทธิภาพและระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่ โดยเฉพาะกับโบท็อกซ์ Allergan ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลที่แม่นยำและอยู่ได้นาน หากดูแลอย่างเหมาะสม อาจช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 เดือน

ภายใน 24 ชม. แรก สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
✔ ไม่จับหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด ❌ นวดหน้า ซาวน่า โยคะร้อน ออกกำลังกายหนัก
✔ นั่งหรือยืนตรง 4 ชม. หลังฉีด ❌ นอนราบทันทีหลังฉีด
✔ ดื่มน้ำมากๆ ❌ ดื่มแอลกอฮอล์หรือกินวิตามิน E, Fish Oil (งด 1-2 วัน)
✔ สังเกตอาการผิดปกติ ❌ ฉีดซ้ำโดยไม่ปรึกษาแพทย์

ดูแลระยะยาวเพื่อยืดอายุผลลัพธ์

  • หลีกเลี่ยงการแสดงสีหน้าเกร็งในช่วง 1–3 วันแรก
  • ปรึกษาแพทย์หากต้องการฉีดหัตถการอื่นร่วม เช่น HIFU, เลเซอร์
  • กลับมาตรวจติดตามผลตามนัด เพื่อประเมินผลการรักษา

ทำไมคลินิกชั้นนำถึงเลือกใช้ Allergan?

โบท็อกซ์ Allergan ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และคลินิกชั้นนำทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านความแม่นยำ ความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน เหมาะกับหัตถการที่ต้องการความละเอียดและความมั่นใจสูง

เหตุผลที่คลินิกความงามชั้นนำเลือกใช้ Allergan:

  • ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA และ อย. ไทย มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย
  • โมเลกุลเสถียร กระจายตัวยาน้อย แพทย์ควบคุมตำแหน่งการออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ
  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานกว่ายี่ห้อทั่วไป เฉลี่ย 4–6 เดือน ช่วยลดความถี่ในการฉีดซ้ำ
  • แบรนด์ระดับโลก มีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก ใช้ในโรงพยาบาลและคลินิกในหลายประเทศ
  • สร้างความมั่นใจให้คนไข้ ลูกค้าสามารถตรวจสอบแหล่งผลิตและข้อมูลยาได้

หลายคลินิกจึงเลือกใช้ Allergan เป็นโบท็อกซ์ตัวหลักในหัตถการ เพราะให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและสามารถอธิบายได้ทางการแพทย์

โบท็อกซ์ Allergan ฉีดร่วมกับ HIFU / เลเซอร์ ได้ไหม?

โบท็อกซ์ Allergan สามารถทำร่วมกับหัตถการเพื่อยกกระชับผิว เช่น HIFU หรือเลเซอร์ ได้ โดยไม่รบกวนประสิทธิภาพของกันและกัน หากวางแผนอย่างเหมาะสมภายใต้การดูแลของแพทย์

ข้อควรรู้เมื่อวางแผนทำหัตถการร่วม:

  • สามารถฉีด Allergan ก่อน หรือหลังทำ HIFU/เลเซอร์ได้ โดยทั่วไปนิยมฉีดโบท็อกซ์ก่อน แล้วเว้นอย่างน้อย 7–10 วันก่อนทำ HIFU หรือเลเซอร์
  • ต้องหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือใช้ความร้อนหลังฉีดโบท็อกซ์ทันที เพราะอาจทำให้ตัวยากระจายไปผิดตำแหน่ง
  • ควรเว้นระยะหัตถการแต่ละชนิดอย่างเหมาะสม แพทย์จะเป็นผู้จัดแผนการรักษาร่วมให้เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าและปัญหาเฉพาะบุคคล

คำถามที่พบบ่อย Botox Allergan

Q: Allergan ต่างจากโบท็อกซ์ทั่วไปยังไง?
A: Allergan เป็นแบรนด์พรีเมียมที่มีความเสถียรสูง ควบคุมการกระจายตัวยาได้แม่นยำ อยู่ได้นาน และมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก

Q: ต้องใช้กี่ Unit ถึงจะเห็นผล?
A: ปริมาณขึ้นกับบริเวณที่ฉีด เช่น หน้าผาก 10–20 Units, ตีนกา 8–16 Units, กราม 40–60 Units โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน

Q: ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: โดยเฉลี่ย 4–6 เดือน ขึ้นกับพฤติกรรม การดูแล และการตอบสนองของแต่ละบุคคล

Q: หลังฉีดต้องพักฟื้นไหม?
A: ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า/ซาวน่า 24 ชม.

Q: คนเคยฉีดยี่ห้ออื่นมาแล้วดื้อยา Allergan ยังใช้ได้ไหม?
A: ได้ เพราะ Allergan มีโครงสร้างโมเลกุลที่แตกต่าง และมักใช้ได้ผลในผู้ที่เริ่มมีภาวะดื้อยาจากยี่ห้ออื่น

บทสรุป

การเลือกใช้โบท็อกซ์ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่คือความเข้าใจในคุณภาพ ความเหมาะสม และความปลอดภัยที่ควรได้รับ โดยเฉพาะกับโบท็อกซ์ Allergan ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผ่านการรับรองระดับสากล และได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก

หวังว่าในบทความนี้ จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น และสามารถเลือกใช้โบท็อกซ์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะกับปัญหาของตนเอง ภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่น่าเชื่อถือ

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา