ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดีจากภายใน โดยไม่ต้องพึ่งการแต่งหน้าหนัก ๆ การฉีด Skin Booster อาจเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุดในยุคนี้ ปี 2025 นี้ มีหลายแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะ 3 ตัวท็อปอย่าง Belotero Revive, Skinvive และ Flore Aqua-s ที่หลายคนกำลังลังเลว่าจะเลือกตัวไหนดี เพราะแต่ละแบรนด์ต่างก็เคลมว่า “ฉ่ำจริง ใสจริง เห็นผลไว” แต่ในความเป็นจริงแล้ว…พวกเขาต่างกันอย่างไร? ตัวไหนเหมาะกับผิวของคุณมากที่สุด?
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกมิติของทั้ง 3 แบรนด์ — ตั้งแต่จุดเด่น เหมาะกับผิวแบบไหน วิธีการฉีด ไปจนถึงผลลัพธ์ ความคงทน และราคาที่ควรรู้ — เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ว่าจะเลือกตัวไหนให้ “ผิวสวยแบบไม่ต้องเสี่ยง” ในงบที่คุ้มค่าที่สุด
Belotero Revive, Skinvive, Flore Aqua-s คืออะไร?
Belotero Revive, Skinvive และ Flore Aqua-s คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skin Booster ที่ออกแบบมาเพื่อเติมน้ำให้ผิว ฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายใน โดยไม่เน้นการเพิ่มวอลุ่มหรือปรับรูปหน้าแบบฟิลเลอร์ทั่วไป
- Belotero Revive: สัญชาติเยอรมัน เน้นเติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยผสมทั้ง hayarulonic acid และ glycerol ให้ผิวดูฉ่ำน้ำสูงสุด
- Skinvive: พัฒนาโดย Allergan (USA) จุดเด่นคือโมเลกุลของ hyarulonic acid ที่อยู่ได้ยาวนานและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวรวมถึงช่วยลดความมันของใบหน้า
- Flore Aqua-s: แบรนด์เกาหลี เน้นความบางเบา ฉ่ำวาว ลุคผิวโกลว์แบบธรรมชาติ
จุดเด่นของแต่ละแบรนด์คืออะไร?
Belotero Revive
- ให้ความฉ่ำวาวแบบธรรมชาติ ผิวดูอิ่มน้ำแต่ไม่บวม
- ซึมไว กระจายตัวดี ฉีดบริเวณผิวที่บางมากๆได้
- เหมาะกับผู้ที่ผิวบาง หรือไม่ชอบความรู้สึกหนักหน้า
Skinvive
- ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่นและลดความมัน
- ผลลัพธ์คงทนยาวนาน เหมาะกับคนที่ไม่อยากเติมบ่อย
- ผสมยาชาช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีด
Flore Aqua-s
- โดดเด่นเรื่องลุคผิวใสฉ่ำแบบสาวเกาหลี (dewy look)
- เหมาะสำหรับมือใหม่ ผิวบอบบาง ไม่ระคายเคืองง่าย
สรุปจุดเด่น: Flore Aqua-s เด่นเรื่องผิวใสวาว, Skinvive อยู่ได้นาน ลดความมัน, Belotero ฉ่ำไว ฉีดในคนผิวบางๆได้
แต่ละแบรนด์เหมาะกับใครมากที่สุด?
Belotero Revive
- ผิวขาดน้ำ ผิวบาง ผิวแห้งมาก
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว เห็นผลใน 7 วันแรก
- ไม่ต้องการพักฟื้นหลังฉีด
Skinvive
- ผิวเริ่มมีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ผิวมัน
- คนที่กลัวเจ็บ
- ไม่ต้องการเติมบ่อย ผลอยู่ได้นานหลายเดือน
Flore Aqua-s
- ผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ไม่เคยฉีด Skin Booster มาก่อน
- ต้องการลุคผิวฉ่ำใสแบบธรรมชาติ
เคล็ดลับ: หากไม่แน่ใจ แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่คลินิกก่อนตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์
เปรียบเทียบ Skin Booster ทั้ง 3 ตัวต่างกันยังไง?
| หัวข้อ |
Belotero Revive |
Skinvive |
Flore Aqua-s |
| จุดเด่น |
ฉ่ำไว ไม่บวม ผิวเบาสบาย |
อยู่ได้นาน ลดความมัน เจ็บน้อย |
โกลว์ทันที เหมาะมือใหม่ |
| เทคโนโลยี |
CPM กระจายตัวดี ฉีดตื้น ไม่เป็นก้อน |
Vycross ผสาน HA โมเลกุลเล็ก-ใหญ่ ฟื้นฟูลึก อยู่ได้นาน |
Soft Hydration Mesh เจลเบา นุ่มนวล เหมาะกับการฉีดทั่วใบหน้า |
| ระยะเห็นผล |
7-10 วัน |
7-21 วัน |
7-21 วัน |
| คงทนผลลัพธ์ |
6 เดือน |
6–9 เดือน |
4-5 เดือน |
| เจ็บ/พักฟื้น |
เป็นตุ่มเล็กๆ 1-2 วัน |
เป็นตุ่มเล็กๆ 1-2 วัน เจ็บน้อยที่สุด |
เป็นตุ่มเล็กๆ 1-2 วัน |
| เก็บน้ำและกระตุ้นคอลลาเจน |
เพิ่มความชุ่มชื้นเฉียบพลัน |
เพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจนเล็กน้อย |
เติมน้ำบางเบา ให้ผิวใส |
เปรียบเทียบความฉ่ำวาวและความชุ่มชื้นหลังฉีด
- Belotero: ผิวฟูฉ่ำวาวสุดจากทั้ง HA และ glycerol
- Skinvive: ผิวแน่นสุขภาพดี ไม่ฉ่ำเวอร์ ลดมัน
- Flore: ผิวชุ่มชื้นขึ้น
ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบรนด์
Belotero Revive
- ข้อดี
- เห็นผลเร็วมาก ผิวฉ่ำแบบมีออร่าภายในไม่กี่วัน
- ไม่บวมหลังฉีด ตุ่มยุบเร็ว
- เนื้อเจลบางเบา เหมาะกับการฉีดตื้นทั่วหน้า แม้ในบริเวณที่ผิวบาง
- ข้อเสีย
- ผลลัพธ์อยู่ไม่ค่อยทนนาน ต้องเติมทุก 6 เดือน
- สำหรับคนที่ผิวมันมากๆอาจจะไม่เหมาะ
Skinvive
- ข้อดี
- ผิวแน่นจริง ดูสุขภาพดีจากโครงสร้างชั้นลึก
- ผลลัพธ์ทนนานที่สุดในกลุ่มนี้ บางคนอยู่ได้นานถึง 9 เดือน
- ช่วยลดความมัน
- เจ็บน้อยที่สุดในกลุ่มเนื่องจากตัวยาผสมยาชา
- ข้อเสีย
- อาจบวมเล็กน้อยหลังฉีด โดยเฉพาะในบางเทคนิค
- ต้องอาศัยแพทย์มีประสบการณ์ เพราะหากฉีดตื้นเกินไปอาจเป็นก้อนได้
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น
Flore Aqua-s
- ข้อดี
- ราคาเข้าถึงง่ายที่สุด
- โมเลกุลบางเบา ฉีดง่าย
- เหมาะกับผู้ที่ผิวบอบบาง หรือฉีดครั้งแรก
- ข้อเสีย
- ผลลัพธ์สั้นที่สุด ต้องเติมบ่อยเพื่อให้ผิวดูฉ่ำต่อเนื่อง
- บางเคสอาจไม่เห็นความต่างชัดเจน ถ้าผิวไม่แห้งหรือไม่โทรมมาก่อน
Skin Booster ตัวไหนเหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน?
- ผิวแห้ง หมองคล้ำ → Belotero
- ผิวบาง แพ้ง่าย → Belotero
- ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง → Skinvive
- เตรียมผิวก่อนออกงาน → ได้ทุกตัว
- ต้องการฟื้นฟูระยะยาว → Skinvive
การฉีด Skin Booster แตกต่างกันไหม?
จำนวนจุด & เทคนิคที่ใช้
- Belotero Revive: ฉีดตื้นทั่วหน้า 30–50 จุด แบบ microdroplet
- Skinvive: ฉีดลึกเฉพาะจุด เช่น แก้ม กรอบหน้า 15–30 จุด
- Flore Aqua-s: ฉีดถี่ทั่วหน้า เจลเบา ใช้ร่วมกับเข็มนาโน/เครื่องผลัก
ความถี่ในการฉีด
- Belotero Revive: ทุก 6 เดือน หรือคอร์ส 3 ครั้ง ห่างกัน 2–4 สัปดาห์ในเคสที่ผิวแห้งมากๆ
- Skinvive: ปีละ 1–2 ครั้ง อยู่ได้นาน 6–9 เดือน
- Flore Aqua-s: ควรเติมทุก 6–8 สัปดาห์ หากอยากฉ่ำต่อเนื่อง
เคล็ดลับ: เลือกเทคนิคที่เหมาะกับผิว เช่น ผิวบาง → เข็มสั้น ผิวมัน → เข็มลึก
ราคาโดยประมาณของแต่ละแบรนด์
| แบรนด์ |
ราคาต่อ 1 CC (โดยเฉลี่ย) |
คำแนะนำ |
| Belotero Revive |
9,999–13,000 บาท |
2 CC/ครั้ง |
| Skinvive |
12,500–15,000 บาท |
2 CC/ครั้ง |
| Flore Aqua-s |
4,990–9,900 บาท |
2 CC/ครั้ง |
ราคาขึ้นอยู่กับประสบการณ์แพทย์ เทคนิค และโปรโมชั่นคลินิก สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิก
เลือกอย่างไรให้คุ้มและตรงจุด?
- ดูจากเป้าหมายผลลัพธ์ที่ต้องการ
- ฟื้นฟูผิวลึก ไม่เติมบ่อย ลดผิวมัน → Skinvive
- เติมน้ำแบบฉ่ำสุด ผิวใสดูสุขภาพดี → Belotero
- ผิวโกลว์ทันใจ ในงบประหยัด → Flore
- พิจารณาเรื่องงบประมาณ
- Skinvive = จ่ายครั้งเดียวแต่คงทนนาน
- Belotero/Flore Aqua-s = ราคายืดหยุ่น เติมบ่อยแต่ฉ่ำต่อเนื่อง
สรุป
การเลือก Skin Booster ที่เหมาะสมในปี 2025 ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ชื่อแบรนด์หรือราคา แต่ต้องพิจารณาจาก “ความต้องการเฉพาะของผิว” และ “ผลลัพธ์ที่คุณอยากได้” รวมถึงงบประมาณ— ทั้งนี้ คำแนะนำจากแพทย์จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการและดีที่สุด