HIFU เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยโดยไม่ต้องศัลยกรรม ในบทความนี้หมอมีข้อมูลมาแนะนำ ว่า Hifu เหมาะกับใคร ดีอย่างไร อยู่ได้นานไหม? ปลอดภัยไหม? ราคาเท่าไหร่? และได้ผลจริงหรือไม่?และทำไมได้รับความนิยมจากดาราหลาย ๆ คน คำตอบอยู่ที่นี่!
HIFU คืออะไร?
HIFU (ไฮฟู) ย่อมาจาก High-Intensity Focused Ultrasound คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูงส่งพลังงานไปยังชั้นผิวหนังลึก ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่ต้องผ่าตัด
หลักการทำงานของ HIFU
HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงที่ถูกโฟกัสอย่างแม่นยำไปยังชั้นผิวหนังลึกโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน พลังงานจากคลื่นอัลตราซาวด์จะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 60-70°C ทำให้เกิดผลลัพธ์ 2 ประการหลัก คือ
- การหดตัวของคอลลาเจน (Collagen Contraction): คลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพหดตัว ส่งผลให้ผิวตึงขึ้นทันทีหลังทำ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis): เมื่อร่างกายรับรู้ถึงความร้อนจาก HIFU จะเกิดการซ่อมแซมเซลล์ผิวโดยการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
ข้อดีของ HIFU
- ไม่ต้องผ่าตัด – ไม่มีแผล ไม่มีรอยช้ำ
- ไม่ต้องพักฟื้น – สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ
- เห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ – ผิวจะกระชับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- เหมาะกับทุกสภาพผิว – ไม่มีผลกระทบต่อเม็ดสีผิว จึงเหมาะกับทุกโทนสีผิว
ข้อจำกัด
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน (หรือ 12-18 เดือนในบางรุ่น)
- ไม่เทียบเท่าการศัลยกรรมดึงหน้า: สำหรับกรณีผิวหย่อนคล้อยขั้นรุนแรง
- ต้องทำซ้ำ: เพื่อรักษาผลลัพธ์และตอบโจทย์ตามอายุและสภาพผิว
HIFU มีกี่ประเภท? ต่างกันอย่างไร?
ปัจจุบัน HIFU มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
HIFU ทั่วไป
- คุณสมบัติ
- ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงในการยกกระชับผิว
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้าและลำคอ
- ให้ผลลัพธ์ในระยะปานกลาง (ประมาณ 6-12 เดือน)
- ราคาประหยัดกว่ารุ่นใหม่ๆ
- ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพอาจไม่สูงเท่าเครื่อง HIFU รุ่นใหม่
- อาจต้องทำซ้ำบ่อยขึ้นเพื่อคงผลลัพธ์
Ultraformer III (HIFU รุ่นใหม่ที่นิยมมากที่สุด)
- คุณสมบัติ
- ใช้เทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound
- สามารถส่งพลังงานได้หลายระดับความลึก (1.5, 3.0, 4.5 มม.)
- เจ็บน้อยกว่า HIFU รุ่นเก่า แต่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
- ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณใบหน้า เช่น คางสองชั้น
- ข้อเสีย
- คุณสมบัติ
- เป็น HIFU ที่ใช้เทคโนโลยี Micro-Focused Ultrasound with Visualization (MFU-V) ซึ่งสามารถเห็นชั้นผิวระหว่างทำได้แบบเรียลไทม์
- ให้พลังงานที่แม่นยำและลงลึกมากขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
- ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ว่ามีประสิทธิภาพสูง
- ข้อเสีย
- อาจมีความรู้สึกเจ็บมากกว่ารุ่นอื่น
- ราคาสูงกว่าการทำ HIFU ทั่วไป
เปรียบเทียบผลลัพธ์ของ HIFU กับเทคโนโลยีอื่น
เทคโนโลยี |
ลักษณะการทำงาน |
ระยะเวลาที่เห็นผล |
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน |
ต้องพักฟื้นหรือไม่? |
HIFU |
คลื่นอัลตราซาวด์ |
4-12 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
ไม่ต้องพักฟื้น |
Ulthera (Ultherapy) |
คลื่นอัลตราซาวด์แบบแม่นยำสูง |
4-12 สัปดาห์ |
12-18 เดือน |
ไม่ต้องพักฟื้น |
Thermage |
คลื่นวิทยุ RF |
3-6 เดือน |
12-24 เดือน |
อาจมีบวมแดงเล็กน้อย |
ศัลยกรรมดึงหน้า |
ผ่าตัดยกกระชับผิว |
ทันที |
5-10 ปี |
ต้องพักฟื้น 2-4 สัปดาห์ |
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
HIFU อันตรายไหม? มีผลข้างเคียงหรือไม่?
- ไม่เป็นอันตราย หากทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และใช้เครื่องที่ได้รับมาตรฐาน
- ไม่มีแผลไม่มีรอยช้ำ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานอัลตราซาวด์โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังทำ
ผลข้างเคียงของ HIFU ที่อาจพบได้
ผลข้างเคียง |
ความรุนแรง |
ระยะเวลาที่เกิดขึ้น |
วิธีรับมือ |
ผิวแดงเล็กน้อย |
เบา |
1-2 ชั่วโมง |
ทาครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้น |
บวมเล็กน้อย |
เบา-ปานกลาง |
1-2 วัน |
ดื่มน้ำมากๆ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด |
รู้สึกจี๊ดๆ บนผิวหน้า |
ปานกลาง |
1-2 สัปดาห์ |
หากรู้สึกมาก ใช้ยาชาก่อนทำได้ |
ผิวระบม คล้ายออกกำลังกายหนักๆ |
ปานกลาง |
3-5 วัน |
ทานยาแก้ปวดหากจำเป็น |
ผิวบอบบางขึ้นชั่วคราว |
เบา |
1-2 สัปดาห์ |
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอ่อนโยน |
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะร่างกายกำลังฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
HIFU เหมาะกับใคร มีข้อจำกัด หรือข้อห้ามอะไรบ้าง?
HIFU เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย และยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ต้องการการพักฟื้น
HIFU เหมาะกับคนที่มีปัญหาดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย – เช่น หนังตาตก แก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย – บริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม และลำคอ
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องศัลยกรรม – ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบนใบหน้าเล็กน้อย – เช่น คางสองชั้นหรือแก้มป่อง
- ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป – เหมาะกับคนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยหรือขาดคอลลาเจน
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น – HIFU สามารถช่วยกระชับกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
HIFU เหมาะกับคนช่วงอายุไหน?
- อายุ 25-35 ปี – ป้องกันริ้วรอยและกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น
- อายุ 35-50 ปี – ลดริ้วรอยลึก ยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
- อายุ 50 ปีขึ้นไป – ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น โดยอาจต้องทำซ้ำทุก 6-12 เดือน
HIFU ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- แม้ว่า HIFU จะไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์
- แนะนำให้รอจนกว่าคลอดบุตรและหยุดให้นมก่อน
- ผู้ที่มีแผลเปิด หรือการอักเสบบริเวณที่ต้องการทำ HIFU
- เช่น มีสิวอักเสบ รอยแผลสด หรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง
- ควรรอให้แผลหายก่อนทำ HIFU
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังรุนแรง เช่น สะเก็ดเงิน ด่างขาว โรค SLE
- โรคเหล่านี้ทำให้ผิวอ่อนแอและไวต่อความร้อน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่าปกติ
- ผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น Pacemaker หรือโลหะในใบหน้า
- คลื่นอัลตราซาวด์อาจรบกวนการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ผู้ที่มีโลหะฝังบริเวณใบหน้า เช่น รากฟันโลหะ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีปัญหาการไหลเวียนเลือดผิดปกติ
- ผิวอาจใช้เวลาฟื้นตัวนานขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ
- ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือเป็นโรคฮีโมฟีเลีย
- ผู้ที่เคยทำศัลยกรรมใบหน้ามาก่อน (ภายใน 6 เดือน)
- หากเคยดึงหน้า หรือทำศัลยกรรมที่มีการเย็บแผล ควรให้แผลฟื้นตัวเต็มที่ก่อน
ข้อจำกัดของ HIFU ที่ควรรู้
- HIFU ไม่สามารถแทนที่การผ่าตัดดึงหน้าได้
- แม้ว่า HIFU จะช่วยกระชับผิวได้ดี แต่ ไม่ได้ให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการศัลยกรรมดึงหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง
- ต้องใช้เวลาในการเห็นผล
- หลังทำ HIFU อาจไม่เห็นผลทันที 100%
- ผิวจะเริ่มกระชับขึ้นภายใน 4-8 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 2-3 เดือน
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องทำซ้ำ
- HIFU อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
- หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้นานขึ้น ควรทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์
HIFU ทำบริเวณไหนได้บ้าง?
- ใบหน้า (Face Lifting & Skin Tightening)
- หน้าผาก – ลดริ้วรอย ปรับผิวให้เรียบเนียน
- รอบดวงตา – ลดถุงใต้ตา ยกหางตาให้ดูสดใสขึ้น
- แก้มและแนวกรอบหน้า – ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
- ร่องแก้ม (Nasolabial Fold) – ลดความลึกของร่องแก้ม ทำให้หน้าดูเด็กลง
- คางสองชั้น (Double Chin) – ช่วยสลายไขมันใต้คาง ทำให้คางดูชัดขึ้น
- ลำคอ – ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณคอ
- ลำตัวและส่วนอื่นๆ
- ต้นแขน – ลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณต้นแขน
- หน้าท้อง – ช่วยกระชับผิวหลังลดน้ำหนักหรือลดไขมัน
- ต้นขาและสะโพก – ลดความหย่อนคล้อย กระชับสัดส่วน
เปรียบเทียบผลลัพธ์ของ HIFU ในแต่ละบริเวณ
บริเวณ |
ผลลัพธ์ที่ได้ |
ระยะเวลาเห็นผลชัดเจน |
อยู่ได้นานแค่ไหน? |
ใบหน้า |
ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย |
4-8 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
รอบดวงตา |
ลดถุงใต้ตา ยกหางตา |
4-8 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
คางสองชั้น |
สลายไขมันใต้คาง |
6-12 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
ลำคอ |
ลดริ้วรอย ยกกระชับ |
4-8 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
ต้นแขน/ต้นขา |
กระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย |
8-12 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
หน้าท้อง |
กระชับผิวหลังลดน้ำหนัก |
8-12 สัปดาห์ |
6-12 เดือน |
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
HIFU ต้องทำกี่ครั้ง?
- สำหรับคนอายุน้อย (25-35 ปี) – ทำ 1 ครั้งต่อปี เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและป้องกันความหย่อนคล้อย
- สำหรับคนอายุ 35-50 ปี – ทำ 1-2 ครั้งต่อปี เพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนและยกกระชับใบหน้า
- สำหรับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป – อาจต้องทำ ทุก 6-9 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นาน
HIFU สามารถทำซ้ำได้หากรู้สึกว่าผลลัพธ์เริ่มลดลง (ผิวหย่อนคล้อยอีกครั้ง) ต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น หรือหากมีอายุ 40 ปีขึ้นไป และต้องการดูแลผิวให้กระชับตลอดเวลา
HIFU เจ็บหรือไม่? ต้องพักฟื้นหรือไม่?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ HIFU คือ “ทำแล้วเจ็บไหม?” และ “ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?” คำตอบคือ HIFU อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้และบริเวณที่ทำ แต่โดยรวมแล้ว เป็นหัตถการที่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
HIFU ราคาเท่าไหร่?
ราคา HIFU อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของเครื่อง HIFU, บริเวณที่ทำ, จำนวนช็อต และชื่อเสียงของคลินิก โดยทั่วไปแล้ว HIFU มีราคาตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท ต่อครั้ง
ทำ HIFU ที่ไหนดี? วิธีเลือกคลินิกที่ปลอดภัยและได้ผลดี
- ใช้เครื่อง HIFU แท้ มีมาตรฐานรับรอง
- ควรตรวจสอบว่า คลินิกใช้เครื่อง HIFU ที่ได้รับการรับรองจาก FDA (อย.)
- เครื่อง HIFU แท้ เช่น Ultraformer III, Ulthera Prime (Ultherapy Prime) มักมีโลโก้หรือเอกสารรับรอง
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นผู้ทำ
- ควรเป็นคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้าน HIFU โดยเฉพาะ
- หลีกเลี่ยงการทำกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ เพราะอาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างผิวและระดับความลึกของการยิงพลังงาน
- มีรีวิวจากผู้ใช้จริง และผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ
- ควรตรวจสอบรีวิวจากลูกค้าจริงผ่านเว็บไซต์ของคลินิก, Facebook, หรือ Google Review
- ดูภาพเปรียบเทียบ Before & After ว่าเห็นผลจริงหรือไม่
- มีการประเมินสภาพผิวก่อนทำ HIFU
- คลินิกที่ดีควรให้บริการ ตรวจสภาพผิวและให้คำแนะนำ โดยแพทย์ก่อนทำ
- หลีกเลี่ยงคลินิกที่เร่งให้ทำโดยไม่มีการวิเคราะห์สภาพผิวก่อน
- ราคาสมเหตุสมผล ไม่ถูกเกินไป
- หากพบว่าคลินิกเสนอราคาถูกมากผิดปกติ เช่น HIFU ทั่วหน้าในราคา 1,999 บาท อาจเป็นสัญญาณว่าใช้เครื่องปลอมหรือเครื่องที่ไม่มีคุณภาพ
การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU ควรรู้อะไรบ้าง?
- ศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
- ตรวจสอบว่าเป็น เครื่องแท้ และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
- ดูรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อนตัดสินใจ
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว ก่อนทำ HIFU อย่างน้อย 3-7 วัน
- หลีกเลี่ยงครีมที่มี AHA, BHA, Retinol, Vitamin C เข้มข้น
- ช่วยลดการระคายเคืองหลังทำ HIFU
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- การมีผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้เซลล์ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- หากจำเป็นต้องออกแดด ควรทาครีมกันแดด SPF50+
- งดทำหัตถการอื่นที่ส่งผลต่อผิวหน้าก่อนทำ HIFU
- หลีกเลี่ยง เลเซอร์, IPL, เมโสหน้าใส หรือ Chemical Peeling อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หากมีการฉีด Botox หรือ Filler ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- 48 ชั่วโมงก่อนทำ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา
- โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยากลุ่มละลายลิ่มเลือด หรือมีโลหะฝังในร่างกาย
การดูแลหลังทำ HIFU
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
- การดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
- ทาครีมบำรุงและมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวชุ่มชื้น
- ใช้ครีมที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น Aloe Vera, Hyaluronic Acid, Ceramide
- หลีกเลี่ยงครีมที่มี AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C เข้มข้น ในช่วง 3-7 วันแรก
- ใช้ครีมกันแดดทุกวัน SPF50+
- ผิวอาจไวต่อแสงแดดในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำ HIFU
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดโดยเฉพาะช่วง 10.00 – 16.00 น.
- หากมีอาการบวมแดง สามารถประคบเย็นได้
- อาการบวมแดงเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ และมักหายไปใน 1-2 ชั่วโมง
- ใช้ Cold Pack หรือประคบด้วยน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูเบาๆ เพื่อลดการอักเสบ
- พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ควรทานอาหารที่อุดมด้วย โปรตีน วิตามินซี และคอลลาเจน เพื่อเสริมสร้างการฟื้นตัวของผิว
HIFU สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่?
- Botox (โบท็อกซ์) – ลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า
- สามารถทำได้หลัง HIFU ทันที หรือก่อนทำ HIFU 2 สัปดาห์
- HIFU ช่วยกระชับผิว ขณะที่ Botox ช่วยลดริ้วรอยแบบเฉพาะจุด
- Filler (ฟิลเลอร์) – เติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มมิติให้ใบหน้า
- ควรทำ HIFU ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์
- ถ้าฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว ควรรอ อย่างน้อย 1 เดือน ก่อนทำ HIFU
- Thermage – กระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (RF)
- สามารถทำร่วมกันได้ แต่ควรเว้นระยะ 1-2 เดือน
- Thermage เน้นกระชับผิวและลดไขมันใต้ผิว ส่วน HIFU เน้นยกกระชับในระดับลึก
- เลเซอร์และทรีตเมนต์หน้าใส เช่น IPL, Pico Laser, Fractional Laser
- สามารถทำได้ แต่ควรเว้นระยะ 1-2 สัปดาห์หลังทำ HIFU
- HIFU ช่วยยกกระชับ ส่วนเลเซอร์ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดจุดด่างดำ
- เมโสหน้าใส (Meso Therapy) หรือ PRP (ฉีดเกล็ดเลือด)
- ควรทำ HIFU ก่อนฉีดเมโส 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ไม่ไปรบกวนสารที่ฉีดเข้าไป
หัตถการที่ไม่ควรทำพร้อมกับ HIFU
- HIFU กับ Ulthera ไม่ควรทำพร้อมกัน – เป็นเทคโนโลยีที่คล้ายกัน ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
- HIFU กับ การผ่าตัดดึงหน้า – หากเคยดึงหน้า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ HIFU
- HIFU กับ การร้อยไหมทันที – ควรเว้นระยะ 1-2 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ของแต่ละหัตถการชัดเจน
HIFU มีผลข้างเคียงระยะยาวหรือไม่?
- ผลข้างเคียงระยะสั้นของ HIFU (มักหายไปภายในไม่กี่วัน)
- ผิวแดง หรือบวมเล็กน้อย – พบได้บ่อย และมักหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง
- รู้สึกตึงหรือปวดกล้ามเนื้อใบหน้าเล็กน้อย – เป็นอาการปกติที่เกิดจากพลังงานกระตุ้นคอลลาเจน
- อาจมีรอยแดงหรือรอยเส้นเลือดฝอยแตก (พบได้น้อยมาก) – มักเกิดจากการใช้พลังงานสูงเกินไป
- ผลข้างเคียงระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น (พบได้น้อยมาก)
- หน้าเบี้ยวหรืออ่อนแรงชั่วคราว – อาจเกิดขึ้นหากพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ถูกยิงลงไปกระทบเส้นประสาทใบหน้า (หายได้เองภายใน 2-4 สัปดาห์)
- ผิวเป็นคลื่นหรือไม่เรียบเนียน – มักเกิดจากการใช้เครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
- ผลลัพธ์ไม่เห็นผล หรืออยู่ได้ไม่นาน – หากใช้เครื่องปลอมหรือจำนวนช็อตไม่เพียงพอ อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่น่าพอใจ
- วิธีลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงระยะยาว
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้เครื่องแท้ – เครื่องที่ผ่านการรับรอง เช่น Ultraformer III หรือ Ulthera มีความปลอดภัยสูง
- ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ – แพทย์ที่เชี่ยวชาญจะสามารถยิงพลังงานในระดับที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงเส้นประสาทสำคัญได้
- ดูแลตัวเองหลังทำ HIFU ตามคำแนะนำ – ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทาครีมบำรุง และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลหลังทำ HIFU
สามารถแต่งหน้าหลังทำ HIFU ได้หรือไม่?
ได้ทันทีหลังทำ แต่ควรใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยน และล้างหน้าเบาๆ
รู้สึกตึงๆ ผิวหลังทำ HIFU เป็นเรื่องปกติหรือไม่?
ปกติ เพราะเป็นผลจากคลื่นอัลตราซาวด์ที่เข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนใหม่
ทำไมผิวถึงดูยกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ HIFU?
เป็นเพราะคอลลาเจนหดตัวทันทีหลังได้รับพลังงาน แต่จะเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
HIFU 100 Line เห็นผลไหม?
100 Line (100 ช็อต) อาจให้ผลลัพธ์ที่น้อยมากหรือไม่ชัดเจน