
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิดที่ได้รับความนิยมสูงในวงการความงามและการปรับรูปหน้า มีจุดเด่นด้านเนื้อเจลที่นุ่มและยืดหยุ่น ทำให้สามารถเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ด้วยสูตรและรุ่นที่หลากหลาย Juvederm สามารถตอบโจทย์ทั้งการแก้ปัญหาริ้วรอย การยกกระชับ และการปรับรูปหน้า จึงเป็นตัวเลือกที่แพทย์และผู้รับบริการจำนวนมากให้ความไว้วางใจ
ฟิลเลอร์ Juvederm คือสารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ผลิตโดยบริษัท AbbVie ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย รวมถึงองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA)
สารหลักคือไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบเชื่อมขวาง (Cross-linked HA) ซึ่งช่วยดึงดูดและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่น สูตรแต่ละรุ่นออกแบบให้เหมาะกับตำแหน่งและความต้องการที่แตกต่างกัน
นิยมใช้เพื่อลดร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตา รวมถึงใช้เพิ่มมิติใบหน้า เช่น คาง เสริมโหนกแก้ม หรือเพิ่มความอิ่มฟูให้ริมฝีปาก
ฟิลเลอร์ Juvederm ทุกสูตรผลิตตามมาตรฐานสากล มีเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์ครบถ้วน และมีข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ที่ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยเมื่อใช้โดยแพทย์ผู้มีใบอนุญาต
ฟิลเลอร์ Juvederm ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการความงาม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับโครงหน้า และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยมีสูตรและความหนืดหลายระดับเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละตำแหน่งของใบหน้า
แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะมีความปลอดภัยสูง แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อประเมินสภาพผิว เลือกสูตรที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
ฟิลเลอร์ Juvederm มีหลายสูตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวและการปรับรูปหน้าในตำแหน่งต่าง ๆ แต่ละสูตรมีความหนืด ความยืดหยุ่น และคุณสมบัติการกระจายตัวที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะจุด
สูตรเน้นเพิ่มวอลลุ่มในบริเวณแก้ม ขมับ หรือคาง มีความหนืดสูงและคงรูปได้นาน เหมาะสำหรับการยกกระชับและสร้างโครงหน้า
สูตรเนื้อเจลละเอียด เหมาะสำหรับการเติมริมฝีปากและร่องเล็ก ๆ รอบปาก ให้ความรู้สึกเนียนนุ่มและดูเป็นธรรมชาติ
สูตรที่ออกแบบมาสำหรับปรับรูปคางและกรอบหน้าโดยเฉพาะ ให้ความคมชัดและความคงตัวสูง เหมาะกับการสร้างมิติให้ใบหน้า
สูตรที่ใช้แก้ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก Ultra Plus XC มีความหนืดมากกว่าและมี Lidocaine ผสมเพื่อลดความเจ็บขณะฉีด
ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละสูตรถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับตำแหน่งเฉพาะบนใบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและคงทน โดยแพทย์จะเลือกสูตรตามปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ
ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้บริเวณแก้มที่ตอบหรือขมับที่ลึกจากการสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและยกกระชับขึ้น
เหมาะสำหรับการเติมความอิ่มฟูให้ริมฝีปาก และแก้ไขร่องเล็ก ๆ รอบปาก ให้ความรู้สึกนุ่มและเป็นธรรมชาติ
ให้ความคมชัดกับคางและกรอบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีมิติชัดเจน
ใช้แก้ไขร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือริ้วรอยลึก Ultra Plus XC เหมาะสำหรับร่องที่ลึกมากเพราะมีความหนืดสูงกว่า
ฟิลเลอร์ Juvederm มีหลายสูตรที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวเฉพาะบุคคล เพื่อแก้ไขร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
สูตรแนะนำ: Juvederm Ultra หรือ Ultra Plus XC เนื่องจากมีความหนืดและคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องที่ลึก
สูตรแนะนำ: Juvederm Ultra Plus XC เพื่อยกมุมปากและลดเงาที่ทำให้ใบหน้าดูเศร้า
สูตรแนะนำ: Juvederm Volbella เนื้อเจลละเอียด เหมาะกับผิวบาง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดก้อนและรอยบวม
สูตรแนะนำ: Juvederm Volbella เพื่อเพิ่มความอิ่มฟูและให้รูปทรงริมฝีปากที่ชัดเจน
สูตรแนะนำ: Juvederm Voluma เพื่อคืนวอลลุ่มให้บริเวณแก้มและขมับ
การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มโอกาสให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน
แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และประวัติการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและเลือกสูตรฟิลเลอร์ Juvederm ที่เหมาะกับคุณ
งดใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด (เช่น Aspirin, Ibuprofen) และอาหารเสริมบางชนิดที่เพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำ เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี อย่างน้อย 3–7 วันก่อนทำ
เพื่อป้องกันการบวมและรอยช้ำ ควรงดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ก่อนทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนเข้ารับบริการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ
ราคาฟิลเลอร์ Juvederm ในปี 2025 ที่ Smooth Clinic
ราคาที่ต่ำผิดปกติอาจเสี่ยงต่อการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือการฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ควรตรวจสอบใบอนุญาตและแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจ
ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์ Juvederm คงอยู่ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และปัจจัยเฉพาะบุคคล เช่น การดูแลหลังทำ และการเผาผลาญของร่างกาย
ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจประเมินผลลัพธ์ และวางแผนการเติมฟิลเลอร์ซ้ำเมื่อจำเป็น เพื่อคงความสวยอย่างต่อเนื่อง
ฟิลเลอร์ Juvederm ให้ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ทันทีหลังการฉีด แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์เซ็ตตัวและอาการบวมยุบลง
หลังฉีด Juvederm จะเห็นการเติมเต็มร่องลึกหรือการเพิ่มวอลลุ่มทันที แต่ในบางกรณีอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ลดลงภายในไม่กี่วัน
โดยทั่วไปผลลัพธ์จะเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติที่สุดประมาณ 7–14 วันหลังฉีด ซึ่งเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อผิวอย่างสมบูรณ์
แพทย์อาจนัดติดตามผลหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินความสมดุลและปรับแต่งเพิ่มเติมหากจำเป็น
ฟิลเลอร์ Juvederm ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มวอลลุ่มได้อย่างกลมกลืนกับผิวเดิม
ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้และตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงการดูแลรักษาหลังทำ
หลายคนรายงานว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังทำ และพึงพอใจกับผลลัพธ์เพราะยังคงความเป็นธรรมชาติของใบหน้า
การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจสภาพผิว และประเมินโครงหน้า จากนั้นเลือกสูตรฟิลเลอร์ Juvederm และกำหนดตำแหน่งการฉีดที่เหมาะสม
ทำความสะอาดผิวและฆ่าเชื้อบริเวณที่จะฉีด อาจใช้ยาชาทาเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ
แพทย์จะใช้เข็มหรือคานูลาฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ต้องการ เติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มตามแผนที่กำหนด
หลังฉีด แพทย์จะประเมินความสมดุลของใบหน้า และปรับแต่งเล็กน้อยหากจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm อย่างถูกวิธีช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และทำให้ฟิลเลอร์เข้ากับผิวได้อย่างสมบูรณ์
งดการเข้าอบซาวน่า อบไอน้ำ หรือการอยู่กลางแดดจัดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เว้นแต่เป็นคำแนะนำจากแพทย์
นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงทับบริเวณที่ฉีด
ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย แต่การฉีดฟิลเลอร์ยังคงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงและความเสี่ยงบางประการ จึงควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่มีมาตรฐาน
การสลายฟิลเลอร์ Juvederm เป็นขั้นตอนที่แพทย์ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อเร่งการสลายตัวของไฮยาลูโรนิกแอซิดในฟิลเลอร์ เมื่อทำการสลายแล้ว ควรดูแลผิวอย่างเหมาะสมเพื่อให้ฟื้นตัวได้เร็วและพร้อมสำหรับการรักษาในอนาคต
ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ เพื่อให้ผิวและเนื้อเยื่อบริเวณนั้นฟื้นฟูอย่างเต็มที่
ใช้ประคบเย็นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังสลายเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงการนวดแรงในบริเวณดังกล่าว
เลือกใช้ครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น ครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูง และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง
เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาต่อไป
การตรวจสอบฟิลเลอร์ Juvederm ให้มั่นใจว่าเป็นของแท้และได้มาตรฐาน เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
บรรจุภัณฑ์ของแท้ต้องปิดผนึกแน่นหนา ไม่มีร่องรอยการเปิดมาก่อน มีฉลากภาษาไทยและระบุข้อมูลชัดเจน เช่น รุ่น วันหมดอายุ และหมายเลขล็อตผลิต
ผลิตภัณฑ์ของแท้จะต้องมีสติ๊กเกอร์ อย. ไทย พร้อมหมายเลขทะเบียนที่สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
บนกล่องและหลอดฟิลเลอร์จะมีหมายเลขล็อตที่ตรงกัน และบางรุ่นจะมี QR Code สำหรับสแกนเพื่อตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิต
คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการและดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้
ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane เป็นฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิดที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ทั้งคู่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในหลายประเทศ รวมถึงไทย แต่มีความแตกต่างในคุณสมบัติและการใช้งาน
การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่นได้ในหลายกรณี เพื่อให้ผลลัพธ์ดูครบมิติและตอบโจทย์ปัญหาผิวหลายด้านพร้อมกัน
สามารถทำได้เพื่อช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และปรับรูปหน้าให้กระชับยิ่งขึ้น มักทำในวันเดียวกันหรือเว้นระยะไม่กี่วัน
เลเซอร์บางชนิดสามารถทำก่อนหรือหลังฟิลเลอร์ได้ แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันความร้อนทำลายโครงสร้างฟิลเลอร์
สามารถทำได้ แต่แพทย์มักวางแผนให้ร้อยไหมก่อน และเว้นระยะอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
เช่น PRP, HIFU, Thermage ควรให้แพทย์ประเมินและจัดลำดับขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและฟื้นฟูผิวได้หลายกลุ่ม แต่ควรให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล
เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยย่นรอบปาก ที่ต้องการให้ดูตื้นขึ้น
เช่น แก้มตอบ ขมับลึก หรือคางสั้น เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น
เพื่อเพิ่มความอิ่มฟูและปรับขอบปากให้ชัดเจน
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน
เช่น ไม่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูโรนิกแอซิด ไม่ตั้งครรภ์ และไม่มีปัญหาสุขภาพที่แพทย์พิจารณาว่าไม่เหมาะสม
แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะปลอดภัยและได้รับการรับรอง แต่มีบางกรณีที่ควรหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการฉีดออกไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้
มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้รุนแรง
เช่น แผลเปิด สิวอักเสบ หรือการติดเชื้อผิวหนัง
เช่น โรคเลือดออกง่าย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออยู่ระหว่างใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด
ควรเว้นระยะเวลาให้ผิวฟื้นตัวก่อน
โดยทั่วไปจะมีการทายาชาหรือใช้ฟิลเลอร์ที่ผสมยาชาในตัว ทำให้ความรู้สึกเจ็บลดลง ส่วนใหญ่ผู้รับบริการมักรู้สึกเพียงตึงหรือจิ้มนิด ๆ
สามารถแต่งหน้าได้หลังฉีด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ
สามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เหมาะกับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และต้องการแก้ปัญหาร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มบนใบหน้า
ควรงดออกกำลังกายหนัก 24–48 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบวมและการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิดที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติเนื้อเจลที่นุ่ม ลื่น กระจายตัวดี และอยู่ได้นาน จึงเหมาะกับการแก้ไขร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด การเลือกใช้ฟิลเลอร์ Juvederm ควรทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานและดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ