ฟิลเลอร์ Juvederm ราคา ดีไหม? อยู่ได้นานแค่ไหน 2025

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิดที่ได้รับความนิยมสูงในวงการความงามและการปรับรูปหน้า มีจุดเด่นด้านเนื้อเจลที่นุ่มและยืดหยุ่น ทำให้สามารถเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งในไทยและต่างประเทศ

ด้วยสูตรและรุ่นที่หลากหลาย Juvederm สามารถตอบโจทย์ทั้งการแก้ปัญหาริ้วรอย การยกกระชับ และการปรับรูปหน้า จึงเป็นตัวเลือกที่แพทย์และผู้รับบริการจำนวนมากให้ความไว้วางใจ

สารบัญ hide

ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร?

ฟิลเลอร์ Juvederm คือสารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ผลิตโดยบริษัท AbbVie ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย รวมถึงองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA)

ส่วนประกอบสำคัญของฟิลเลอร์ Juvederm

สารหลักคือไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบเชื่อมขวาง (Cross-linked HA) ซึ่งช่วยดึงดูดและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่น สูตรแต่ละรุ่นออกแบบให้เหมาะกับตำแหน่งและความต้องการที่แตกต่างกัน

จุดประสงค์หลักของการใช้ฟิลเลอร์ Juvederm

นิยมใช้เพื่อลดร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตา รวมถึงใช้เพิ่มมิติใบหน้า เช่น คาง เสริมโหนกแก้ม หรือเพิ่มความอิ่มฟูให้ริมฝีปาก

การรับรองมาตรฐานความปลอดภัย

ฟิลเลอร์ Juvederm ทุกสูตรผลิตตามมาตรฐานสากล มีเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์ครบถ้วน และมีข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ที่ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยเมื่อใช้โดยแพทย์ผู้มีใบอนุญาต

ฟิลเลอร์ Juvederm ดีไหม? เหมาะกับใครบ้าง

ฟิลเลอร์ Juvederm ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการความงาม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับโครงหน้า และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยมีสูตรและความหนืดหลายระดับเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละตำแหน่งของใบหน้า

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm

  • เนื้อเจลมีความละเอียดสูง ทำให้ผสานเข้ากับผิวได้อย่างเรียบเนียน
  • มีส่วนผสมของยาชา Lidocaine ในบางสูตร เพื่อลดความเจ็บระหว่างฉีด
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานโดยเฉลี่ย 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับสูตรและตำแหน่งที่ฉีด
  • ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก Thai FDA และ U.S. FDA

กลุ่มคนที่เหมาะกับฟิลเลอร์ Juvederm

  • ผู้ที่มีร่องลึก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยใต้ตาลึก
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้บริเวณคาง แก้ม ขมับ หรือริมฝีปาก
  • ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าโดยไม่ผ่าตัดและมีเวลาพักฟื้นน้อย
  • ผู้ที่ต้องการฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและมีข้อมูลการวิจัยรองรับ

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ

แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะมีความปลอดภัยสูง แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อประเมินสภาพผิว เลือกสูตรที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่ชนิด แตกต่างกันยังไง

ฟิลเลอร์ Juvederm มีหลายสูตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวและการปรับรูปหน้าในตำแหน่งต่าง ๆ แต่ละสูตรมีความหนืด ความยืดหยุ่น และคุณสมบัติการกระจายตัวที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะจุด

Juvederm Voluma

สูตรเน้นเพิ่มวอลลุ่มในบริเวณแก้ม ขมับ หรือคาง มีความหนืดสูงและคงรูปได้นาน เหมาะสำหรับการยกกระชับและสร้างโครงหน้า

Juvederm Volbella

สูตรเนื้อเจลละเอียด เหมาะสำหรับการเติมริมฝีปากและร่องเล็ก ๆ รอบปาก ให้ความรู้สึกเนียนนุ่มและดูเป็นธรรมชาติ

Juvederm Volux

สูตรที่ออกแบบมาสำหรับปรับรูปคางและกรอบหน้าโดยเฉพาะ ให้ความคมชัดและความคงตัวสูง เหมาะกับการสร้างมิติให้ใบหน้า

Juvederm Ultra และ Ultra Plus XC

สูตรที่ใช้แก้ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก Ultra Plus XC มีความหนืดมากกว่าและมี Lidocaine ผสมเพื่อลดความเจ็บขณะฉีด

ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นใช้ที่บริเวณไหนดีที่สุด

ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละสูตรถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับตำแหน่งเฉพาะบนใบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและคงทน โดยแพทย์จะเลือกสูตรตามปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ

Juvederm Voluma – แก้มและขมับ

ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้บริเวณแก้มที่ตอบหรือขมับที่ลึกจากการสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและยกกระชับขึ้น

Juvederm Volbella – ริมฝีปากและร่องเล็ก

เหมาะสำหรับการเติมความอิ่มฟูให้ริมฝีปาก และแก้ไขร่องเล็ก ๆ รอบปาก ให้ความรู้สึกนุ่มและเป็นธรรมชาติ

Juvederm Volux – คางและกรอบหน้า

ให้ความคมชัดกับคางและกรอบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีมิติชัดเจน

Juvederm Ultra / Ultra Plus XC – ร่องลึกและร่องน้ำหมาก

ใช้แก้ไขร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือริ้วรอยลึก Ultra Plus XC เหมาะสำหรับร่องที่ลึกมากเพราะมีความหนืดสูงกว่า

ฟิลเลอร์ Juvederm กับปัญหาผิวแต่ละแบบ

ฟิลเลอร์ Juvederm มีหลายสูตรที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวเฉพาะบุคคล เพื่อแก้ไขร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ร่องแก้มลึก (Nasolabial Folds)

สูตรแนะนำ: Juvederm Ultra หรือ Ultra Plus XC เนื่องจากมีความหนืดและคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องที่ลึก

ร่องน้ำหมากและมุมปากตก (Marionette Lines)

สูตรแนะนำ: Juvederm Ultra Plus XC เพื่อยกมุมปากและลดเงาที่ทำให้ใบหน้าดูเศร้า

ใต้ตาคล้ำหรือร่องลึก (Tear Troughs)

สูตรแนะนำ: Juvederm Volbella เนื้อเจลละเอียด เหมาะกับผิวบาง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดก้อนและรอยบวม

ปากบางหรือขาดความอิ่มฟู (Thin Lips)

สูตรแนะนำ: Juvederm Volbella เพื่อเพิ่มความอิ่มฟูและให้รูปทรงริมฝีปากที่ชัดเจน

แก้มตอบหรือขมับลึก (Sunken Cheeks/Temples)

สูตรแนะนำ: Juvederm Voluma เพื่อคืนวอลลุ่มให้บริเวณแก้มและขมับ

การเตรียมตัวก่อนฉีด ฟิลเลอร์ Juvederm

การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มโอกาสให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และประวัติการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและเลือกสูตรฟิลเลอร์ Juvederm ที่เหมาะกับคุณ

หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด

งดใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด (เช่น Aspirin, Ibuprofen) และอาหารเสริมบางชนิดที่เพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำ เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี อย่างน้อย 3–7 วันก่อนทำ

งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

เพื่อป้องกันการบวมและรอยช้ำ ควรงดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ก่อนทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนเข้ารับบริการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ

ฟิลเลอร์ Juvederm ราคา 2025 เท่าไหร่

ราคาฟิลเลอร์ Juvederm ในปี 2025 ที่ Smooth Clinic

  • Juvederm Voluma / Volbella / Volux
    • ราคา 1 CC 16,990 บาท
    • ราคา 4 CC 59,990 บาท

ปัจจัยที่ทำให้ราคาต่างกัน

  • รุ่นและสูตรของ Juvederm ที่เลือกใช้
  • ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ตามปัญหาผิวและตำแหน่ง
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์และเทคนิคการฉีด
  • ทำในคลินิกที่มีมาตรฐานและการรับรองจาก อย.

ข้อควรระวังเรื่องราคา

ราคาที่ต่ำผิดปกติอาจเสี่ยงต่อการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือการฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ควรตรวจสอบใบอนุญาตและแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจ

ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์ Juvederm คงอยู่ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และปัจจัยเฉพาะบุคคล เช่น การดูแลหลังทำ และการเผาผลาญของร่างกาย

ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของแต่ละสูตร

  • Juvederm Ultra / Ultra Plus XC: ประมาณ 6–12 เดือน
  • Juvederm Volbella: ประมาณ 9–12 เดือน
  • Juvederm Voluma: ประมาณ 12–18 เดือน
  • Juvederm Volux: ประมาณ 12–18 เดือน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความคงทน

  • สูตรฟิลเลอร์ที่เลือกใช้และเทคโนโลยีการเชื่อมขวางโมเลกุล
  • บริเวณที่ฉีด เช่น จุดที่มีการขยับบ่อยจะสลายเร็วกว่าจุดที่นิ่ง
  • เทคนิคการฉีดและความชำนาญของแพทย์
  • การดูแลหลังฉีด เช่น หลีกเลี่ยงความร้อนสูงหรือการนวดแรงในบริเวณที่ฉีด

การติดตามผล

ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจประเมินผลลัพธ์ และวางแผนการเติมฟิลเลอร์ซ้ำเมื่อจำเป็น เพื่อคงความสวยอย่างต่อเนื่อง

ฟิลเลอร์ Juvederm ทำกี่วันเห็นผล

ฟิลเลอร์ Juvederm ให้ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ทันทีหลังการฉีด แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์เซ็ตตัวและอาการบวมยุบลง

ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด

หลังฉีด Juvederm จะเห็นการเติมเต็มร่องลึกหรือการเพิ่มวอลลุ่มทันที แต่ในบางกรณีอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ลดลงภายในไม่กี่วัน

ช่วงเวลาที่ผลลัพธ์เข้าที่

โดยทั่วไปผลลัพธ์จะเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติที่สุดประมาณ 7–14 วันหลังฉีด ซึ่งเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อผิวอย่างสมบูรณ์

การติดตามผลหลังฉีด

แพทย์อาจนัดติดตามผลหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินความสมดุลและปรับแต่งเพิ่มเติมหากจำเป็น

ฟิลเลอร์ Juvederm ผลลัพธ์เป็นอย่างไร

ฟิลเลอร์ Juvederm ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มวอลลุ่มได้อย่างกลมกลืนกับผิวเดิม

ความเปลี่ยนแปลงหลังทำ

  • ร่องลึกและริ้วรอยตื้นขึ้นอย่างชัดเจน
  • ใบหน้าดูอิ่มฟูและสดใสมากขึ้น
  • โครงหน้าดูคมชัดและสมดุลกว่าเดิม

ระยะเวลาที่คงอยู่

ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้และตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงการดูแลรักษาหลังทำ

ความรู้สึกของผู้รับบริการ

หลายคนรายงานว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังทำ และพึงพอใจกับผลลัพธ์เพราะยังคงความเป็นธรรมชาติของใบหน้า

ขั้นตอนการฉีด ฟิลเลอร์ Juvederm

การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน

การประเมินและวางแผน

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจสภาพผิว และประเมินโครงหน้า จากนั้นเลือกสูตรฟิลเลอร์ Juvederm และกำหนดตำแหน่งการฉีดที่เหมาะสม

การเตรียมผิวก่อนฉีด

ทำความสะอาดผิวและฆ่าเชื้อบริเวณที่จะฉีด อาจใช้ยาชาทาเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ

ขั้นตอนการฉีด

แพทย์จะใช้เข็มหรือคานูลาฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ต้องการ เติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มตามแผนที่กำหนด

การตรวจและปรับแต่งหลังฉีด

หลังฉีด แพทย์จะประเมินความสมดุลของใบหน้า และปรับแต่งเล็กน้อยหากจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์

การดูแลหลังฉีด ฟิลเลอร์ Juvederm

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm อย่างถูกวิธีช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และทำให้ฟิลเลอร์เข้ากับผิวได้อย่างสมบูรณ์

หลีกเลี่ยงความร้อนสูง

งดการเข้าอบซาวน่า อบไอน้ำ หรือการอยู่กลางแดดจัดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น

หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสแรงในบริเวณที่ฉีด

เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เว้นแต่เป็นคำแนะนำจากแพทย์

นอนหัวสูงในคืนแรก

นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงทับบริเวณที่ฉีด

ดูแลสุขภาพทั่วไป

ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว

ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง ฟิลเลอร์ Juvederm

แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย แต่การฉีดฟิลเลอร์ยังคงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงและความเสี่ยงบางประการ จึงควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่มีมาตรฐาน

ผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้น

  • รอยช้ำ บวม แดง หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด
  • อาการคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย
  • อาการเหล่านี้มักหายไปภายในไม่กี่วันถึง 2 สัปดาห์

ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ต้องระวัง

  • ก้อนแข็งหรือการจับตัวของฟิลเลอร์ใต้ผิว
  • การอุดตันของหลอดเลือดซึ่งอาจทำให้ผิวขาดเลือด
  • อาการแพ้รุนแรง (พบได้น้อยมาก)

ข้อควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์
  • ควรตรวจสอบว่าฟิลเลอร์มีการรับรองจาก อย. และเป็นของแท้
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดทั้งก่อนและหลังฉีด

ฟิลเลอร์ Juvederm กับการดูแลหลังสลายฟิลเลอร์

การสลายฟิลเลอร์ Juvederm เป็นขั้นตอนที่แพทย์ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อเร่งการสลายตัวของไฮยาลูโรนิกแอซิดในฟิลเลอร์ เมื่อทำการสลายแล้ว ควรดูแลผิวอย่างเหมาะสมเพื่อให้ฟื้นตัวได้เร็วและพร้อมสำหรับการรักษาในอนาคต

การพักผิวหลังสลายฟิลเลอร์

ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ เพื่อให้ผิวและเนื้อเยื่อบริเวณนั้นฟื้นฟูอย่างเต็มที่

การลดอาการบวมและรอยช้ำ

ใช้ประคบเย็นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังสลายเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงการนวดแรงในบริเวณดังกล่าว

การบำรุงผิว

เลือกใช้ครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น ครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูง และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง

การติดตามกับแพทย์

เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาต่อไป

วิธีตรวจสอบ ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้

การตรวจสอบฟิลเลอร์ Juvederm ให้มั่นใจว่าเป็นของแท้และได้มาตรฐาน เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์

บรรจุภัณฑ์ของแท้ต้องปิดผนึกแน่นหนา ไม่มีร่องรอยการเปิดมาก่อน มีฉลากภาษาไทยและระบุข้อมูลชัดเจน เช่น รุ่น วันหมดอายุ และหมายเลขล็อตผลิต

ตรวจสอบสติ๊กเกอร์ อย.

ผลิตภัณฑ์ของแท้จะต้องมีสติ๊กเกอร์ อย. ไทย พร้อมหมายเลขทะเบียนที่สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ตรวจสอบหมายเลขล็อตและ QR Code

บนกล่องและหลอดฟิลเลอร์จะมีหมายเลขล็อตที่ตรงกัน และบางรุ่นจะมี QR Code สำหรับสแกนเพื่อตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิต

เลือกฉีดในคลินิกที่ได้รับอนุญาต

คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการและดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้

ฟิลเลอร์ Juvederm vs Restylane เลือกอะไรดี

ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane เป็นฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิดที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ทั้งคู่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในหลายประเทศ รวมถึงไทย แต่มีความแตกต่างในคุณสมบัติและการใช้งาน

ความแตกต่างด้านเนื้อเจล

  • Juvederm: เนื้อเจลมีความนุ่ม ลื่น และกระจายตัวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เนียนและกลมกลืน
  • Restylane: เนื้อเจลมีความคงตัวสูงกว่า เหมาะกับการสร้างโครงและยกกระชับ

ความแตกต่างด้านเทคโนโลยีการผลิต

  • Juvederm: ใช้เทคโนโลยี Hylacross หรือ Vycross ช่วยให้เจลมีความยืดหยุ่นและอยู่ได้นาน
  • Restylane: ใช้เทคโนโลยี NASHA หรือ OBT ทำให้ควบคุมความหนืดและความคงตัวได้แม่นยำ

การเลือกใช้งาน

  • Juvederm เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เนียนนุ่มและกระจายตัวดี
  • Restylane เหมาะกับผู้ที่ต้องการการยกกระชับและคงรูปโครงหน้าอย่างชัดเจน

ฟิลเลอร์ Juvederm ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม

การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่นได้ในหลายกรณี เพื่อให้ผลลัพธ์ดูครบมิติและตอบโจทย์ปัญหาผิวหลายด้านพร้อมกัน

การทำร่วมกับโบท็อกซ์ (Botox)

สามารถทำได้เพื่อช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และปรับรูปหน้าให้กระชับยิ่งขึ้น มักทำในวันเดียวกันหรือเว้นระยะไม่กี่วัน

การทำร่วมกับเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ผิว

เลเซอร์บางชนิดสามารถทำก่อนหรือหลังฟิลเลอร์ได้ แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันความร้อนทำลายโครงสร้างฟิลเลอร์

การทำร่วมกับการร้อยไหม

สามารถทำได้ แต่แพทย์มักวางแผนให้ร้อยไหมก่อน และเว้นระยะอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์

การทำร่วมกับหัตถการอื่น

เช่น PRP, HIFU, Thermage ควรให้แพทย์ประเมินและจัดลำดับขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย

ฟิลเลอร์ Juvederm เหมาะกับใครบ้าง

ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและฟื้นฟูผิวได้หลายกลุ่ม แต่ควรให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล

ผู้ที่มีร่องลึกหรือริ้วรอยชัดเจน

เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยย่นรอบปาก ที่ต้องการให้ดูตื้นขึ้น

ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า

เช่น แก้มตอบ ขมับลึก หรือคางสั้น เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น

ผู้ที่ต้องการปรับรูปปาก

เพื่อเพิ่มความอิ่มฟูและปรับขอบปากให้ชัดเจน

ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ผ่าตัด

เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน

ผู้ที่ไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์

เช่น ไม่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูโรนิกแอซิด ไม่ตั้งครรภ์ และไม่มีปัญหาสุขภาพที่แพทย์พิจารณาว่าไม่เหมาะสม

ฟิลเลอร์ Juvederm ไม่เหมาะกับใครบ้าง

แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะปลอดภัยและได้รับการรับรอง แต่มีบางกรณีที่ควรหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการฉีดออกไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ

ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร

ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้

ผู้ที่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูโรนิกแอซิด หรือส่วนประกอบของฟิลเลอร์

มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้รุนแรง

ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบในบริเวณที่จะฉีด

เช่น แผลเปิด สิวอักเสบ หรือการติดเชื้อผิวหนัง

ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

เช่น โรคเลือดออกง่าย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออยู่ระหว่างใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด

ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการที่กระทบต่อชั้นผิวในบริเวณเดียวกัน

ควรเว้นระยะเวลาให้ผิวฟื้นตัวก่อน

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ Juvederm

ฟิลเลอร์ Juvederm เจ็บไหมตอนฉีด?

โดยทั่วไปจะมีการทายาชาหรือใช้ฟิลเลอร์ที่ผสมยาชาในตัว ทำให้ความรู้สึกเจ็บลดลง ส่วนใหญ่ผู้รับบริการมักรู้สึกเพียงตึงหรือจิ้มนิด ๆ

หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถแต่งหน้าได้ไหม?

สามารถแต่งหน้าได้หลังฉีด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ

ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถสลายได้ไหม?

สามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ฟิลเลอร์ Juvederm เหมาะกับอายุเท่าไหร่?

เหมาะกับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และต้องการแก้ปัญหาร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มบนใบหน้า

หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ออกกำลังกายได้เมื่อไหร่?

ควรงดออกกำลังกายหนัก 24–48 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบวมและการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์

สรุป

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิดที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติเนื้อเจลที่นุ่ม ลื่น กระจายตัวดี และอยู่ได้นาน จึงเหมาะกับการแก้ไขร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด การเลือกใช้ฟิลเลอร์ Juvederm ควรทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานและดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา