Juvederm Volite ฟิลเลอร์เติมน้ำผิว หน้าใสเด้งในเข็มเดียว!

หากคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาฉ่ำวาว อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้น หรือเปลี่ยนรูปหน้า Juvederm Volite อาจเป็นคำตอบที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

Juvederm Volite คือฟิลเลอร์ในกลุ่ม Skin Quality Filler จาก Allergan สหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการรับรองจากทั้ง US FDA และ อย.ไทย มีจุดเด่นด้านการเติมน้ำผิวจากภายใน ลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก พร้อมฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวมอย่างเห็นผล ด้วยเนื้อเจลบางเบาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการฉีดเข้าชั้นผิว ไม่ใช่การเสริมรูปหน้าแบบฟิลเลอร์ทั่วไป

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจว่า Juvederm Volite คืออะไร แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง และควรเตรียมตัวก่อน-หลังฉีดอย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและดีที่สุด

สารบัญ hide

Juvederm Volite คืออะไร?

Juvederm Volite คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skin Quality Filler จากบริษัท Allergan ผู้ผลิตฟิลเลอร์ระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา จุดประสงค์หลักของฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่ใช่การปรับรูปหน้า แต่เป็นการฟื้นฟูคุณภาพผิวผ่านการเติมความชุ่มชื้นโดยตรงในระดับชั้นผิว

สารประกอบหลักคือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในชั้นผิวของมนุษย์ มีคุณสมบัติสำคัญคือสามารถอุ้มน้ำได้สูง เมื่อนำมาใช้ในรูปแบบของ Volite จึงสามารถช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวดูบวม หรือผิดรูป

Juvederm Volite ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากทั้ง องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (อย.) ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี Vycross™ Technology ซึ่งทำให้เนื้อเจลมีความเรียบเนียน กระจายตัวได้ดี และคงตัวอยู่ในชั้นผิวได้ยาวนานอย่างเหมาะสม

ผลิตภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาให้ฉีดเข้าสู่ ชั้นผิวกลาง (Mid-dermis) เพื่อเติมเต็มโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพจากการขาดน้ำหรืออายุที่เพิ่มขึ้น เหมาะกับการใช้ในบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือหลังมือ โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างใบหน้าเดิม

Juvederm Volite สำคัญอย่างไร?

ในปัจจุบัน สภาพแวดล้อมและไลฟ์สไตล์มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทั้งจากแสงแดด มลภาวะ ความเครียด การนอนดึก รวมถึงการดูแลผิวไม่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น อ่อนแอ และเกิดริ้วรอยเล็กๆ ได้ง่าย แม้จะดูแลภายนอกอย่างดี แต่ความชุ่มชื้นในระดับลึกของผิวยังคงลดลงตามวัย

Juvederm Volite จึงมีบทบาทสำคัญในฐานะ Skin Quality Treatment ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นโดยตรงในชั้นผิวกลาง (mid-dermis) ซึ่งเป็นระดับที่ครีมหรือเซรั่มทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ด้วยสาร Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความสามารถในการอุ้มน้ำสูง Volite จึงช่วยให้ผิวดูฉ่ำวาว อิ่มฟู และยืดหยุ่นจากภายใน

จุดเด่นของ Juvederm Volite

Juvederm Volite ไม่ได้ให้ผลเพียงระยะสั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว และเสริมโครงสร้างของชั้นผิวให้แน่น กระชับ เมื่อฉีดอย่างต่อเนื่องจะช่วยชะลอสัญญาณของความร่วงโรย ให้ผิวดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาการศัลยกรรมหรือการแต่งหน้าแบบปกปิด

Juvederm Volite เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ “ดูดีจากภายใน” ในแบบที่คนรอบข้างสังเกตได้ว่าผิวเปล่งปลั่งขึ้น แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าทำอะไรมา

Juvederm Volite ต่างจากเทคนิคอื่นยังไง?

แม้ปัจจุบันจะมีทางเลือกมากมายสำหรับการฟื้นฟูผิว เช่น Skin Booster, Rejuran หรือแม้แต่ฟิลเลอร์ทั่วไป แต่ Juvederm Volite มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้แตกต่างอย่างชัดเจนในกลุ่มการรักษาผิวลึก (Intradermal Treatment)

ความแตกต่างจาก “ฟิลเลอร์ทั่วไป”

  • ฟิลเลอร์ทั่วไป เช่น Juvederm Voluma หรือ Ultra XC มักใช้เพื่อเสริมโครงสร้างใบหน้า เช่น คาง แก้ม ขมับ โดยเนื้อเจลจะมีความหนืดและยืดหยุ่นสูง เพื่อคงรูปในตำแหน่งที่ต้องการ
  • ส่วน Juvederm Volite มีเนื้อเจลที่บางและกระจายตัวได้ดี ใช้สำหรับ “ฟื้นฟูคุณภาพผิว” โดยไม่ปรับเปลี่ยนรูปหน้า

ความแตกต่างจาก “Skin Booster”

  • Skin Booster ทั่วไป เช่น Restylane Vital จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิวในระยะสั้น
  • Volite ให้ผลที่ อยู่ได้นานกว่า (เฉลี่ย 6-9 เดือน) และมีเนื้อเจลที่คงตัวดีกว่าเมื่อฉีดในชั้นผิวกลาง

ความแตกต่างจาก “Rejuran”

  • Rejuran (หรือ DNA Booster) มีสารสกัดจาก Polynucleotide (PN) ซึ่งกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว
  • Juvederm Volite ไม่เน้นซ่อมเซลล์ แต่เน้นเติมน้ำและเสริมโครงสร้างผิวโดยตรง จึงเห็นผลเรื่องความชุ่มชื้นและความใสได้เร็วกว่า

โดยสรุป Juvederm Volite เหมาะกับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวในมิติลึกอย่างชัดเจน เห็นผลเร็ว ผิวฉ่ำวาว แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างใบหน้าเดิม

ตารางเปรียบเทียบ Juvederm Volite, Skin Booster และ Rejuran

สำหรับผู้ที่กำลังเปรียบเทียบตัวเลือกในการฟื้นฟูผิว ไม่ว่าจะเป็น Juvederm Volite, Skin Booster หรือ Rejuran เราสรุปความแตกต่างหลัก ๆ ไว้ในตารางด้านล่างนี้ เพื่อให้เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น

Rejuran (PN)

คุณสมบัติ Juvederm Volite Skin Booster ทั่วไป
วัตถุประสงค์หลัก เติมน้ำผิว ฟื้นฟูความชุ่มชื้น เติมน้ำผิวแบบชั้นตื้น กระตุ้นซ่อมแซมผิว
เห็นผลเร็วแค่ไหน เร็ว (1–2 สัปดาห์) ปานกลาง ช้า (3–4 สัปดาห์)
อยู่ได้นานโดยเฉลี่ย 6–9 เดือน 3–6 เดือน 6–9 เดือน
ความเจ็บขณะฉีด น้อย ปานกลาง ปานกลาง–สูง
เนื้อเจล/สารที่ใช้ HA โมเลกุลเล็ก HA ความเข้มข้นต่ำ Polynucleotide
ผลลัพธ์ที่เด่นที่สุด ผิวฉ่ำวาว อิ่มฟู ผิวชุ่มชื้น ผิวแน่น เนียนละเอียด

หมายเหตุ: แต่ละเทคนิคมีข้อดีที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและเป้าหมายของแต่ละคน

Juvederm Volite เหมาะกับใครบ้าง?

แม้ Juvederm Volite จะเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่เน้นการปรับรูปหน้า แต่กลับเหมาะกับคนกลุ่มกว้างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งเมคอัพหรือการศัลยกรรม

เหมาะกับใครเป็นพิเศษ

  • ผู้ที่มี ผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวดูโทรม แม้จะทาครีมบำรุงเป็นประจำ
  • ผู้ที่เริ่มมี ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือผิวไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวบางจากอายุหรือแดดสะสม
  • คนที่ ไม่อยากเปลี่ยนรูปหน้า แต่ต้องการผิวที่ดูฟูแน่น มีชีวิตชีวา
  • ผู้ที่ ไม่มีเวลาพักฟื้น แต่อยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
  • ผู้ที่ผ่านการทำเลเซอร์บ่อย ๆ แล้วผิวยังขาดน้ำ

อาจไม่เหมาะในกรณีต่อไปนี้

  • ผู้ที่ต้องการเสริมรูปหน้า (คาง ร่องแก้ม ฯลฯ) → ควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบรุนแรง แพ้ง่าย หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะฉีด

โดยสรุป Juvederm Volite เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟู “คุณภาพผิว” มากกว่าการเปลี่ยนแปลงรูปหน้า เหมาะกับทั้งชายและหญิง และสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป

Juvederm Volite ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

Juvederm Volite ถูกออกแบบมาเพื่อการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยเฉพาะ โดยมีคุณสมบัติหลักคือ การเติมน้ำผิวอย่างล้ำลึก ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกหลายด้าน ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์และสุขภาพผิวโดยรวม

1. ผิวแห้ง ขาดน้ำ

Hyaluronic Acid (HA) ใน Volite มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้สูงมาก เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวจะช่วยเติมความชุ่มชื้นจากภายใน ให้ผิวดูอิ่มน้ำทันทีหลังทำ

2. ริ้วรอยเล็ก ๆ และผิวไม่เรียบเนียน

Volite ช่วยลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก เช่น รอยใต้ตา ร่องแก้มเล็ก ๆ และริ้วรอยบริเวณมุมปาก โดยไม่ทำให้หน้าดูแข็งหรือโป๊ะ

3. ผิวขาดความยืดหยุ่น

เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ โครงสร้างของผิวจะถูกเสริมให้แข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวแน่น ฟู และยืดหยุ่นมากขึ้นตามธรรมชาติ

4. ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส

การเติมน้ำผิวช่วยให้แสงสะท้อนจากผิวดีขึ้น ส่งผลให้ผิวดูโกลว์แบบมีออร่า แม้ไม่ได้แต่งหน้า

5. ผิวโทรมจากความเครียด หรือขาดการพักผ่อน

ผู้ที่นอนดึก ทำงานหนัก หรือเผชิญกับมลภาวะสะสม มักมีผิวอ่อนล้า Volite จะช่วยคืนความสดชื่นให้ผิวกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ก่อนฉีด Juvederm Volite ต้องเตรียมตัวยังไง?

การเตรียมตัวก่อนฉีด Juvederm Volite มีผลอย่างมากต่อความปลอดภัย และช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ดังนั้นก่อนเข้ารับบริการ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้

  1. งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริม เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, โสม, ใบแปะก๊วย, น้ำมันปลา อย่างน้อย 3–7 วันก่อนฉีด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการช้ำหรือเลือดออกง่าย
  2. งดแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว และเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำหลังฉีด
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายที่แข็งแรงและผิวที่สมดุลจะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่า ควรนอนหลับให้เพียงพอ 1–2 วันก่อนฉีด
  4. หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือผลัดผิวแรง ๆ ก่อนฉีด ควรงดการทำทรีตเมนต์หรือเลเซอร์ที่อาจระคายเคืองผิวก่อนฉีดอย่างน้อย 3–5 วัน เพื่อให้ผิวพร้อมที่สุด
  5. ปรึกษาแพทย์ก่อน หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางประเภท แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการแพ้ยา การใช้ยาประจำ หรือการรักษาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อหัตถการ

ขั้นตอนการฉีด Juvederm Volite เป็นยังไง?

แม้ Juvederm Volite จะเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยขั้นตอนการฉีดจะมีรายละเอียดดังนี้

  1. การประเมินใบหน้าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนทำการฉีด แพทย์จะทำการตรวจสภาพผิว วิเคราะห์ปัญหา และเลือกบริเวณที่จะทำการฉีดให้เหมาะกับเป้าหมายของแต่ละบุคคล
  2. การทำความสะอาดผิวและทายาชา ผิวบริเวณที่ฉีดจะถูกทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด จากนั้นจะทายาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกระหว่างฉีด
  3. การฉีด Juvederm Volite แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite ด้วยเข็มขนาดเล็กเข้าสู่ ชั้นผิวกลาง (mid-dermis) โดยมักจะใช้เทคนิค microdroplet หรือ mesotherapy เพื่อกระจายสารอย่างสม่ำเสมอทั่วใบหน้า หรือเฉพาะจุดที่ต้องการฟื้นฟู
  4. การประคบเย็นหลังทำ หลังฉีดจะมีการประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมแดง และแพทย์จะให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังทำอย่างละเอียด

ระยะเวลาในการทำ

ประมาณ 30–45 นาที (รวมขั้นตอนทายาชา)

หลังฉีด Juvederm Volite ต้องดูแลยังไง?

หลังฉีด Juvederm Volite แม้จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยลดผลข้างเคียง และทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

ข้อแนะนำการดูแลหลังฉีด

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าแรง ๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก ไม่ควรนวด แคะ แกะ หรือกดจุดที่ฉีด เพื่อไม่ให้ตัวยาเคลื่อนตัวหรือกระจายผิดตำแหน่ง
  2. งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ควรงดอย่างน้อย 24–48 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการอักเสบหรือระคายเคือง
  3. หลีกเลี่ยงความร้อนจัด ไม่ควรเข้าห้องซาวน่า อบไอน้ำ หรือโดนแดดจัด เพราะอุณหภูมิสูงอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของ HA
  4. สามารถแต่งหน้าได้หลัง 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยและลดการระคายเคืองผิว ควรรอให้รูเข็มปิดสนิทก่อนแต่งหน้า
  5. ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเสริมผลลัพธ์ HA จะทำงานได้ดีที่สุดในสภาวะที่ร่างกายมีน้ำเพียงพอ การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ผิวฟูแน่นและชุ่มชื้นมากขึ้น
  6. ติดตามผลกับแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก เจ็บรุนแรง หรือเกิดตุ่มแข็ง ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที

Juvederm Volite ราคา

ราคาของ Juvederm Volite อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ และมาตรฐานของคลินิก แต่โดยทั่วไปจะมีเรทราคาเฉลี่ยอยู่ที่:

  • 1 เข็ม (1 ml) ประมาณ 9,900 – 15,000 บาท

*ราคานี้อาจรวมค่าหัตถการ ยาชา และบริการดูแลหลังทำแล้ว

ปัจจัยที่ทำให้ราคาสูง-ต่ำ

  1. คุณภาพและของแท้จาก Allergan ตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้จากบริษัท Allergan เท่านั้น
  2. ประสบการณ์ของแพทย์ แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงจะมีเทคนิคการฉีดที่แม่นยำและปลอดภัยกว่า
  3. มาตรฐานคลินิก คลินิกที่ผ่านการรับรองจาก อย. และใช้ผลิตภัณฑ์ถูกต้อง จะมีราคาสูงกว่าแต่ปลอดภัยกว่า

ข้อควรระวังในการเลือกโปรโมชั่น

  • หากพบราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก เช่น 6,000 – 7,000 บาท/เข็ม ควรตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่
  • ระวังคำโฆษณาเกินจริง เช่น “ผิวใสทันทีไม่ต้องฉีดซ้ำตลอดชีวิต” ซึ่งไม่เป็นความจริงทางการแพทย์

Juvederm Volite มีอันตราย หรือผลข้างเคียงไหม?

แม้ว่า Juvederm Volite จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากทั้ง US FDA และ อย.ไทย แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยในบางราย โดยทั่วไปมักเกิดจากปฏิกิริยาทางผิวหนังที่ไม่รุนแรง และหายได้เองภายในไม่กี่วัน

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้

  • รอยบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด (พบได้บ่อย และหายภายใน 2–3 วัน)
  • อาการเจ็บเล็กน้อยขณะฉีด หรือหลังฉีดเล็กน้อย
  • ผิวบริเวณที่ฉีดอาจรู้สึกแข็งหรือตึงช่วงแรก แต่จะค่อย ๆ นุ่มลงตามธรรมชาติ
  • มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการแพ้ (เนื่องจาก HA ใกล้เคียงกับสารธรรมชาติในร่างกาย)

ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ (พบได้น้อยมาก แต่ควรระวัง):

  • การติดเชื้อเฉพาะที่
  • การอุดตันของหลอดเลือด (พบได้ในกรณีที่ฉีดผิดชั้นหรือผิดตำแหน่ง)
  • ก้อนแข็ง หรือการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ

Juvederm Volite ใช้เวลานานไหมถึงจะเห็นผล?

หนึ่งในจุดเด่นของ Juvederm Volite คือผลลัพธ์ที่สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่จะชัดเจนและสมบูรณ์ขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย

1. เห็นผลครั้งแรกเมื่อไหร่?

  • ส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกถึงความชุ่มชื้น ผิวฟู และเรียบเนียนขึ้น ภายใน 3–7 วันหลังฉีด
  • ผิวจะดูเปล่งปลั่งและละเอียดขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2–4 สัปดาห์

2. ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?

  • โดยทั่วไป เพียง 1 ครั้งก็เห็นผลได้ชัดเจนแล้ว
  • แต่ในบางรายที่มีผิวแห้งมากหรือริ้วรอยลึก แพทย์อาจแนะนำให้ ทำซ้ำทุก 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์

3. ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • อยู่ได้นานประมาณ 6–9 เดือน
  • ระยะเวลานี้อาจสั้นหรือยาวกว่านั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ, สภาพผิว, การดูแลหลังทำ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Juvederm Volite (FAQ)

1. Juvederm Volite เจ็บไหมตอนฉีด?

โดยทั่วไปจะรู้สึกแค่เล็กน้อย เพราะจะมีการทายาชาก่อนฉีด และในตัวยาฟิลเลอร์เองมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) อยู่แล้ว จึงช่วยลดความรู้สึกเจ็บลงได้มาก

2. ฉีดแล้วต้องพักฟื้นนานไหม?

ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แนะนำเพียงหลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน และการออกกำลังกายหนักในช่วง 1–2 วันแรก

3. ผู้ชายสามารถฉีด Juvederm Volite ได้ไหม?

ได้แน่นอน และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะช่วยให้ผิวดูสดใสสุขภาพดีโดยไม่เปลี่ยนรูปหน้า

4. หลังฉีดสามารถแต่งหน้าได้ไหม?

สามารถแต่งหน้าได้หลังจาก 24 ชั่วโมงเมื่อรูเข็มปิดสนิทแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

5. ต้องทำบ่อยแค่ไหน?

แนะนำให้ทำทุก 6–9 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล

บทสรุป

Juvederm Volite คืออีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวในระดับลึก ให้ความชุ่มชื้น อิ่มฟู และดูสุขภาพดีจากภายใน โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปหน้า หรือเผชิญกับระยะเวลาพักฟื้นยาวนาน

ด้วยเทคโนโลยี Vycross™ และสาร Hyaluronic Acid ที่ผ่านการพัฒนาโดย Allergan การฉีด Volite จึงสามารถให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เห็นผลเร็ว และอยู่ได้นานถึง 6–9 เดือน เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการยกระดับคุณภาพผิวอย่างแท้จริง หากคุณต้องการเริ่มต้นดูแลผิวในมิติที่ลึกกว่าเดิม การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา