Profhilo คืออะไร? ดีไหม? อยู่ได้นานแค่ไหน? เจ็บไหม? ฉีดแล้วเปลี่ยนจริงไหม?

หากคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูชุ่มชื้น กระจ่างใส และกระชับขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมหรือเปลี่ยนรูปหน้า Profhilo คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากคลินิกความงามทั่วโลก

Profhilo ไม่ใช่ฟิลเลอร์ และไม่ใช่สกินบูสเตอร์แบบทั่วไป แต่เป็นการ “ฟื้นฟูคุณภาพผิว” จากภายในผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Bio-remodeling ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูแน่น อิ่มน้ำ โดยไม่เปลี่ยนโครงหน้า

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Profhilo อย่างครบถ้วน ตั้งแต่หลักการทำงาน เทคนิคฉีด ข้อดี-ข้อควรระวัง ผลลัพธ์ ไปจนถึงเปรียบเทียบกับหัตถการอื่น พร้อมคำแนะนำจากแพทย์ที่คุณสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

สารบัญ hide

Profhilo คืออะไร?

Profhilo คือสารเติมเต็มผิว (skin booster) ประเภทใหม่ที่ใช้กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid: HA) ความเข้มข้นสูง แต่ไม่ใช่ฟิลเลอร์ในแบบที่เราเคยรู้จัก Profhilo จะไม่เน้นเติมเต็มหรือเพิ่มวอลุ่มเหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป แต่จะกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินจากภายใน ช่วยให้ผิวแน่น ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

นวัตกรรมนี้เรียกว่า “Bio-Remodeling” ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างผิวใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะที่ชื่อว่า NAHYCO® Hybrid Technology ที่รวม HA โมเลกุลเล็กและใหญ่เข้าด้วยกันในรูปแบบที่มีความเสถียรสูง ทำให้สามารถกระจายตัวในผิวได้ดี และคงอยู่ได้นานกว่า skin booster ทั่วไป

Profhilo ได้รับความนิยมจากคลินิกชั้นนำในยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟู สุขภาพดี แต่ไม่ต้องการการปรับรูปหน้าชัดเจนแบบฟิลเลอร์หรือการร้อยไหม

Profhilo ทำงานอย่างไร?

Profhilo ทำงานผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Bio-Remodeling ซึ่งหมายถึงการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน โดยไม่ใช่การ “เติม” แต่เป็นการ “กระตุ้น” การทำงานของผิวตามธรรมชาติ

เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว Profhilo จะกระจายตัวในชั้นใต้ผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่จับตัวเป็นก้อน เพราะใช้เทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า NAHYCO® Hybrid Technology ซึ่งรวมกรดไฮยาลูโรนิคชนิดโมเลกุลเล็กและใหญ่ไว้ในสูตรเดียว

กลไกการออกฤทธิ์ของ Profhilo:

  • HA โมเลกุลเล็ก → ซึมลึกและกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  • HA โมเลกุลใหญ่ → คงความชุ่มชื้นใต้ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำและเนียนเรียบขึ้น

ผลลัพธ์คือ ผิวที่แน่น กระชับ ดูสดใสขึ้นจากภายใน โดยไม่เพิ่มวอลุ่มหรือเปลี่ยนรูปหน้า

เทคนิคฉีด Profhilo BAP 5 จุด คืออะไร? ต่างจากวิธีอื่นยังไง?

เทคนิค BAP (Bio Aesthetic Points) เป็นเทคนิคมาตรฐานที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการฉีด Profhilo โดยเน้นการกระจายตัวของ HA ทั่วใบหน้าอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยการฉีดเพียง 5 จุดต่อข้างใบหน้า (รวม 10 จุด)

ตำแหน่งของ BAP 5 จุด:

  1. ใต้ตาใกล้โหนกแก้ม
  2. ข้างจมูกเหนือร่องแก้ม
  3. มุมปาก
  4. กรอบหน้าบริเวณหน้ากกหู
  5. ใต้คาง

ข้อดีของเทคนิค BAP:

  • ใช้จุดฉีดน้อย ลดรอยเข็มและบวมช้ำ
  • ตำแหน่งห่างจากเส้นเลือดหลัก ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
  • ช่วยให้ Profhilo กระจายตัวได้ทั่วทั้งใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่ต้องใช้พลังงานหรือเครื่องมือเพิ่มเติม

เทคนิคนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวทั่วหน้าแบบ “เนียนๆ ไม่โป๊ะ” โดยไม่เปลี่ยนรูปหน้า

Profhilo เหมาะกับใคร?

Profhilo เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวทั่วใบหน้าให้ดูอิ่มน้ำ เรียบเนียน และกระชับขึ้น โดยไม่เน้นการปรับรูปหน้าแบบฟิลเลอร์

กลุ่มที่เหมาะกับการฉีด Profhilo:

  • ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวดูหมอง ไม่สดใส
  • ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆ หรือเริ่มมีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย
  • อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการชะลอความเสื่อมของผิว
  • ผู้ที่ไม่ต้องการเติมวอลุ่ม แต่ต้องการผิวแน่นขึ้น ดูสุขภาพดี
  • ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์แล้ว อยากบำรุงผิวเพิ่มเติมให้กลมกลืน

กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่แพ้กรดไฮยาลูโรนิค หรือมีประวัติแพ้การฉีด HA
  • ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลในบริเวณที่ฉีด
  • ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

ฉีด Profhilo เจ็บไหม? ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?

โดยทั่วไป Profhilo เป็นหัตถการที่เจ็บน้อย เนื่องจากใช้เพียง 5 จุดต่อข้างใบหน้า และใช้เข็มขนาดเล็กเป็นพิเศษ อาการระหว่างฉีดมักอยู่ในระดับที่ทนได้ และสามารถฉีดโดยไม่ต้องใช้ยาชาในบางกรณี

ความรู้สึกขณะฉีด:

  • อาจรู้สึกตึงเล็กน้อยหรือแสบเบาๆ ตอนเข็มแตะผิว
  • ส่วนใหญ่อาการบวมหรือรอยเข็มจะจางภายใน 1–3 วัน
  • แพทย์อาจใช้การประคบเย็นหรือลงยาชาเฉพาะจุดในผู้ที่ผิวไว

การเตรียมตัวก่อนฉีด:

  • หลีกเลี่ยงยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา หรือแอลกอฮอล์ 2–3 วันก่อนฉีด
  • งดการขัดผิว สครับ หรือทำเลเซอร์ก่อนฉีดอย่างน้อย 5–7 วัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวรับ HA ได้ดี
  • แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาต่อเนื่อง

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดโอกาสบวมช้ำ และทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้น

ต้องฉีดกี่ครั้ง? เห็นผลนานแค่ไหน?

Profhilo ไม่ใช่การฉีดครั้งเดียวแล้วเห็นผลถาวร แต่เป็นหัตถการที่ออกแบบมาให้เห็นผลในระยะกลาง โดยใช้คอร์สมาตรฐานเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นระบบ

แนวทางการฉีดที่แนะนำ:

  • คอร์สเริ่มต้น: ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน
  • กรณีผิวแห้งมาก หรืออายุ 40 ปีขึ้นไป: อาจเพิ่มครั้งที่ 3 อีก 1 เดือนถัดมา
  • การบำรุงต่อเนื่อง: ฉีดซ้ำทุก 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์

ระยะเวลาที่เห็นผล:

  • สังเกตความชุ่มชื้นและผิวดูสดใสขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์
  • คอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มสร้างขึ้นชัดเจนช่วงสัปดาห์ที่ 4–6
  • ผลลัพธ์โดยรวมสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนตัว

พฤติกรรมการดูแลผิว เช่น การดื่มน้ำ พักผ่อน และหลีกเลี่ยงแดด จะส่งผลต่อความคงทนของผลลัพธ์

Profhilo ช่วยให้ผิวใสขึ้นจริงหรือ?

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “ฉีด Profhilo แล้วผิวจะใสขึ้นไหม?” คำตอบคือ ช่วยให้ผิวดูใสขึ้นในลักษณะของผิวสุขภาพดี ไม่ใช่ความขาว หรือความใสแบบมีออร่าเกินจริง

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงหลังฉีด Profhilo คือ:

  • ผิวดูเรียบเนียนขึ้น เพราะรูขุมขนกระชับ
  • ผิวดูฉ่ำวาวขึ้น เพราะมีความชุ่มชื้นจากภายใน
  • แสงสะท้อนบนผิวสม่ำเสมอขึ้น ทำให้ผิวดู “ไบรท์” กว่าก่อนฉีด
  • สีผิวอาจดูสม่ำเสมอขึ้น เพราะโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม Profhilo ไม่ใช่สารทำให้ขาว และไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวโดยตรง ผลลัพธ์ที่เห็นจึงเป็นผิวใสแบบ “ธรรมชาติ” และ “ปลอดภัย”

ข้อดี–ข้อควรระวังของ Profhilo

การฉีด Profhilo เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมเพราะเห็นผลชัดเจนในเรื่องคุณภาพผิว แต่เช่นเดียวกับทุกหัตถการ ก็มีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ข้อดีของ Profhilo:

  • ฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า: เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น โดยไม่เน้นปรับรูปหน้า
  • ฉีดน้อยจุด: ใช้เพียง 10 จุดต่อครั้ง ลดรอยเข็มและโอกาสช้ำ
  • ดูเป็นธรรมชาติ: ไม่บวม ไม่โป๊ะ ไม่เปลี่ยนโครงหน้า
  • ไม่ต้องพักฟื้น: สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังทำ
  • ปลอดสารเชื่อมขวาง (BDDE): ลดความเสี่ยงในการสะสมระยะยาว

ข้อควรระวัง:

  • ต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น: เพื่อเลี่ยงการฉีดผิดชั้นผิว หรือผลข้างเคียง
  • ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป: ไม่เปลี่ยนทันทีแบบฟิลเลอร์
  • ต้องทำต่อเนื่อง: ควรฉีดตามคอร์ส และบำรุงผิวควบคู่
  • ราคาสูงกว่าสกินบูสเตอร์ทั่วไป: แต่แลกมากับความเข้มข้นและความคงตัวของ HA

ผลข้างเคียง & ความปลอดภัย ที่ควรรู้ก่อนฉีด

Profhilo ถือเป็นหนึ่งในหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้กรดไฮยาลูโรนิคบริสุทธิ์ (Hyaluronic Acid: HA) โดยไม่มีสารเชื่อมขวาง (BDDE) ซึ่งลดความเสี่ยงในการแพ้หรือเกิดผลแทรกระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ผู้รับบริการควรรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

อาการข้างเคียงที่พบได้ชั่วคราว:

  • รอยบวมแดง หรือจุดนูนขนาดเล็กในบริเวณที่ฉีด
  • อาการตึงหรือไวต่อการสัมผัสบางจุด
  • รอยเข็มเล็กๆ มักหายภายใน 1–3 วัน

ความเสี่ยงที่พบได้น้อย (แต่ควรระวัง):

  • อาการแพ้ เช่น คัน แดง หรือผื่น (หายได้ภายใน 1–2 วัน)
  • การติดเชื้อ ถ้าไม่รักษาความสะอาดหลังทำ
  • หากฉีดลึกผิดชั้น อาจเกิดก้อนนูนเล็กๆ ใต้ผิว (ควรได้รับการดูแลจากแพทย์)

Profhilo ไม่ใช่สารเติมวอลุ่ม จึงไม่มีปัญหาเรื่องไหลผิดตำแหน่งหรืออุดตันเส้นเลือดเหมือนฟิลเลอร์บางชนิด

Profhilo ของแท้ดูยังไง? เลี่ยงของปลอมยังไง?

ด้วยความนิยมของ Profhilo ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีของปลอมและของหิ้วเข้ามาในตลาด การเลือกใช้ Profhilo แท้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้มาตรฐาน

วิธีสังเกต Profhilo ของแท้:

  • ฉลากกล่อง: ต้องมีชื่อบริษัทผู้ผลิต “IBSA Derma” จากประเทศอิตาลี
  • มีเลขล็อต (LOT) และวันหมดอายุ (EXP): ชัดเจนและตรงกับบนกล่อง
  • มีสติกเกอร์อย.ไทย: สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าถูกต้อง
  • กล่องซีลแน่นหนา: ไม่มีรอยเปิดหรือบุบ
  • เปิดกล่องใหม่ต่อหน้า: คลินิกควรเปิดขวดใหม่ให้ดูทุกครั้งก่อนฉีด

วิธีเลี่ยงการเจอของปลอม:

  • หลีกเลี่ยงคลินิกที่ราคาถูกผิดปกติ
  • อย่าฉีดกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ หรือในสถานที่ที่ไม่ใช่คลินิก
  • ขอถ่ายภาพกล่อง ขวด และเลขล็อตไว้เป็นหลักฐานก่อนฉีด
  • ตรวจสอบรีวิวและใบอนุญาตประกอบกิจการของคลินิกก่อนเสมอ

การใช้ Profhilo ปลอมอาจไม่เพียงแค่ไม่ได้ผล แต่ยังเสี่ยงอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีผลแทรกซ้อนรุนแรงได้

ควรเตรียมตัว & ดูแลตัวเองอย่างไร ก่อน–หลังฉีด Profhilo

การเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลหลังฉีด Profhilo เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

การเตรียมตัวก่อนฉีด Profhilo:

  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา และยาละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 2–3 วัน
  • งดเลเซอร์ สครับ หรือทรีตเมนต์ที่ระคายผิว 5–7 วันก่อนฉีด
  • ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ หรือการแพ้ยา

การดูแลหลังฉีด Profhilo:

  • หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีดภายใน 24–48 ชั่วโมง
  • งดแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมงแรก
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก อบซาวน่า หรือโดนความร้อนสูง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและบำรุงที่อ่อนโยน
  • หากมีรอยแดงหรือบวม สามารถประคบเย็นเบาๆ ได้

ระยะเวลาที่ควรสังเกตอาการ:

  • รอยเข็ม บวม หรือรู้สึกตึงเล็กน้อย มักหายภายใน 1–3 วัน
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก คันลาม หรือมีไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

Profhilo ราคา

ราคาของ Profhilo อาจดูสูงกว่าสกินบูสเตอร์ทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาถึงความเข้มข้นของ HA เทคโนโลยีเฉพาะ และผลลัพธ์ระยะยาวที่ได้ ถือว่าเป็นการลงทุนกับคุณภาพผิวที่คุ้มค่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องปรับรูปหน้า

ราคาบริการ Profhilo ที่คลินิกของเรา:

  • 1 กล่อง (2 ml): 25,000 บาท
  • 2 กล่อง (4 ml): 45,000 บาท

หมายเหตุ: คอร์สเริ่มต้นแนะนำฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน ซึ่งใช้ทั้งหมด 2 กล่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น

คุ้มค่าอย่างไร:

  • เห็นผลชัดเจนตั้งแต่เข็มแรก และชัดเจนยิ่งขึ้นหลังเข็มที่สอง
  • ฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เติมเฉพาะจุด
  • ความคงตัวของ HA ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 เดือน
  • ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องทำบ่อย

Profhilo ต่างจาก Skin Booster ตัวอื่นยังไง?

แม้ Profhilo จะอยู่ในกลุ่ม skin booster แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างจากสกินบูสเตอร์ทั่วไป ทั้งในด้านความเข้มข้นของ HA เทคโนโลยี และผลลัพธ์ระยะยาว

เปรียบเทียบ Profhilo กับ Skin Booster อื่นๆ

รายการเปรียบเทียบ Profhilo Skin Booster ทั่วไป
ความเข้มข้นของ HA สูงมาก (64 mg/2 ml) ปานกลาง – ต่ำกว่า (15–30 mg/2 ml)
โครงสร้างโมเลกุล HA Hybrid (โมเลกุลเล็ก + ใหญ่) ส่วนใหญ่เป็นโมเลกุลเล็กอย่างเดียว
จุดประสงค์หลัก กระตุ้นคอลลาเจน (Bio-remodeling) เพิ่มความชุ่มชื้นผิวชั้นตื้น
เทคนิคการฉีด BAP 5 จุดทั่วใบหน้า Microinjection หลายจุดย่อย
ระยะเวลาผลลัพธ์ 6 เดือนโดยเฉลี่ย 1–3 เดือน (ต้องฉีดต่อเนื่อง)
ความเหมาะสม ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ต้องการฟื้นฟู ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ฉ่ำวาวระยะสั้น

หากคุณกำลังมองหา skin booster ที่ “ฉ่ำวาวจริง” ในปี 2025 และอยากรู้ว่าแต่ละแบรนด์แตกต่างกันอย่างไร เช่น Belotero Revive, Skinvive, Flore หรือ Profhilo แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด?

อ่านบทความ: Skin Booster 2025: Belotero vs Skinvive vs Flore vs Profhilo ตัวไหนฉ่ำวาวจริง?

Profhilo ต่างจากฟิลเลอร์ยังไง?

แม้ Profhilo และฟิลเลอร์จะใช้สารหลักเดียวกันคือกรดไฮยาลูโรนิค (HA) แต่ทั้งสองมีวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความแตกต่างระหว่าง Profhilo และฟิลเลอร์

รายการเปรียบเทียบ Profhilo ฟิลเลอร์ (Dermal Filler)
จุดประสงค์หลัก ฟื้นฟูคุณภาพผิว (Bio-remodeling) เติมเต็ม-ปรับรูปหน้า (Volume restoration)
ผลลัพธ์ที่มองเห็น ผิวแน่น กระชับ อิ่มน้ำ ผิวดูดีขึ้นทั่วใบหน้า เติมร่องลึก เสริมคาง ปรับจมูก แก้ม ริมฝีปาก
เนื้อวัสดุ เนื้อเหลว กระจายตัวได้ดี เนื้อเจล มีความหนืดเพื่อคงรูป
การกระจายตัว กระจายทั่วผิว ไม่จับตัวเป็นก้อน อยู่เฉพาะตำแหน่งที่ฉีด
ความเป็นธรรมชาติ ดูผิวดีขึ้นแบบไม่โป๊ะ ไม่เปลี่ยนรูปหน้า หากฉีดมากเกิน อาจดูไม่เป็นธรรมชาติ
การฉีด BAP 5 จุดทั่วใบหน้า ฉีดเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม คาง ใต้ตา

สรุป:

  • Profhilo = ฟื้นฟูคุณภาพผิวแบบลึกทั่วใบหน้า
  • ฟิลเลอร์ = เติมเต็มเฉพาะจุดเพื่อปรับรูปหน้า

ผลลัพธ์หลังฉีด Profhilo จากเคสจริง เป็นอย่างไร?

ผู้ที่เคยฉีด Profhilo หลายคนมักพูดตรงกันว่า “ผิวโดยรวมดูดีขึ้นแบบไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา” เพราะผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนโครงหน้า และไม่มีรอยเข็มให้เห็นชัด

ประสบการณ์จากเคสจริง:

  • ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาวขึ้นในช่วง 7–14 วันแรก
  • รูขุมขนเล็กลง แต่งหน้าง่าย ผิวดูเนียนขึ้น
  • ริ้วรอยตื้นบางจุด เช่น ข้างตาหรือร่องแก้ม เริ่มจางลง
  • ผิวแน่นขึ้น รู้สึกเหมือนโครงสร้างผิวแน่นขึ้นจากภายใน
  • ไม่มีรอยเข็ม บางรายมีตุ่มนูนเล็กน้อยหลังฉีด แต่หายได้ภายใน 1–2 วัน

สิ่งที่เห็นได้ชัด: ผิวดู Glow แบบไม่มัน ผิวเนียนละเอียดขึ้นเหมือนพักผ่อนดีขึ้น

ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และพฤติกรรมการดูแลหลังฉีด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Profhilo (FAQ)

Profhilo ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

ส่วนใหญ่นิยมฉีดบริเวณใบหน้า แต่สามารถฉีดได้ในตำแหน่งอื่นที่ผิวบางหรือเริ่มหย่อนคล้อย เช่น คอ หลังมือ ท้องแขน หน้าอก (décolleté)

หลังฉีด Profhilo แล้ว ทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์อื่นได้ไหม?

ควรเว้นระยะอย่างน้อย 7 วันก่อนทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่น เพื่อให้ HA กระจายตัวเต็มที่และลดความระคายเคือง

Profhilo เหมาะกับผู้ชายไหม?

เหมาะมาก โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่ต้องการปรับรูปหน้า แต่ต้องการให้ผิวดูดีขึ้นแบบไม่โป๊ะ

ใช้ร่วมกับฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ได้ไหม?

สามารถใช้ร่วมกันได้ โดย Profhilo ฟื้นฟูผิวทั่วหน้า ส่วนฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ช่วยปรับรูปหน้าหรือริ้วรอยเฉพาะจุด

ผิวแพ้ง่าย ฉีด Profhilo ได้ไหม?

Profhilo มีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีสารกันเสียหรือสารแต่งเติม จึงเหมาะกับผิวแพ้ง่าย แต่ควรให้แพทย์ประเมินก่อนทุกครั้ง

บทสรุป

Profhilo คือ skin booster ประเภทพิเศษที่แตกต่างจากทั้งฟิลเลอร์และสกินบูสเตอร์ทั่วไป ด้วยเทคโนโลยี NAHYCO® และความเข้มข้นของ HA ที่สูง ทำให้สามารถฟื้นฟูผิวจากภายในได้อย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บมาก และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูสดใสขึ้นแบบไม่โป๊ะ โดยเฉพาะในช่วงวัยที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยหรือผิวไม่กระชับเหมือนเดิม ทั้งนี้ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและยาวนานยิ่งขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการทุกครั้ง

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา