Rejuran หน้าใส ฟื้นฟูผิวล้ำลึก ลดริ้วรอย เห็นผลจริง 2025

หากคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง เรียบเนียน และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ Rejuran อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในยุคนี้ หัตถการ Rejuran ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ผิวหนัง เพราะไม่เพียงช่วยลดริ้วรอยหรือรอยสิว แต่ยังซ่อมแซมโครงสร้างผิวจากภายใน

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Rejuran อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน ประเภทต่าง ๆ ไปจนถึงการเตรียมตัวก่อน–หลังทำ รวมถึงเปรียบเทียบกับเทคนิคอื่น เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น

สารบัญ hide

Rejuran คืออะไร?

Rejuran (รีจูรัน) คือทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้สาร Polynucleotide (PN) ซึ่งสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีความบริสุทธิ์สูง จุดเด่นคือความสามารถในการซ่อมแซมผิวจากภายใน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างผิวในชั้นลึก

กลไกหลักของ Rejuran คือการฟื้นฟู Extracellular Matrix (ECM) หรือโครงสร้างเซลล์ผิวที่เสื่อมลงตามอายุและการทำร้ายจากแสงแดด โดยไม่เพิ่มความมันหรือความชุ่มชื้นเกินจำเป็น ทำให้ผิวฟื้นตัวได้อย่างสมดุล

หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของ Rejuran คือความเข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์สูงมาก (biocompatibility) เนื่องจาก DNA จากปลาแซลมอนมีโครงสร้างคล้ายมนุษย์ และผ่านการทำให้บริสุทธิ์จนแทบไม่เหลือโปรตีนที่อาจกระตุ้นการแพ้

ปัจจุบัน Rejuran ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก KFDA (Korea Food and Drug Administration) และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในคลินิกผิวหนังชั้นนำทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในเกาหลีใต้และสิงคโปร์

Rejuran มีกี่ประเภท? ต่างกันยังไง?

Rejuran ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สูตรหลักที่ได้รับความนิยมในคลินิกความงาม ได้แก่:

1. Rejuran Healer

เหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวโดยรวม เช่น ผิวอ่อนแอ ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง หรือมีริ้วรอยตื้น ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ แข็งแรง และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อมจากอายุหรือแสงแดด

2. Rejuran S

พัฒนาเพื่อรักษารอยแผลเป็นจากสิวโดยเฉพาะ โดยมีความหนืดสูงกว่าสูตรอื่น ช่วยเติมเต็มหลุมสิวตื้นถึงปานกลางได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์ เหมาะกับการรักษาเฉพาะจุด

3. Rejuran I

สูตรเฉพาะสำหรับผิวบริเวณรอบดวงตา ที่มีความบางและไวต่อการระคายเคือง ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ความแห้ง และรอยคล้ำใต้ตา โดยเนื้อผลิตภัณฑ์มีความบางเบา ซึมง่าย และลดความเสี่ยงต่อการบวมหลังฉีด

แต่ละสูตรมีปริมาณ PN และระดับความหนืดที่ต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับตำแหน่งการฉีดและปัญหาผิวที่แตกต่าง หากต้องการฉีดหลายบริเวณในใบหน้า แพทย์อาจพิจารณาใช้ร่วมกันมากกว่าหนึ่งสูตรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Rejuran สำคัญอย่างไร?

Rejuran ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทรีตเมนต์บำรุงผิวทั่วไป แต่มีบทบาทสำคัญในระดับ “การฟื้นฟูโครงสร้างผิว” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการมีผิวสุขภาพดีอย่างแท้จริง จุดเด่นของ Rejuran อยู่ที่คุณสมบัติของ Polynucleotide (PN) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ไม่ใช่แค่การเติมน้ำหรือเพิ่มความชุ่มชื้นภายนอกเท่านั้น

หนึ่งในความสำคัญหลักของ Rejuran คือการ กระตุ้นการซ่อมแซมผิวในระดับ ECM (Extracellular Matrix) ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของผิวชั้นใน โดยมีบทบาทในการพยุงเซลล์ สร้างคอลลาเจนใหม่ และฟื้นฟูความยืดหยุ่นผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์ที่เห็นได้จากการฟื้นฟู ECM ได้แก่ ผิวแน่นขึ้น ผิวละเอียดขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง และริ้วรอยบางเบาลดลงอย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเติมเต็มหรือพลังงานจากเครื่องมือเลเซอร์

Rejuran จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญของแพทย์ผิวหนังในหลายประเทศ โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบ “ไม่ดูปลอม” หรือมีปัญหาผิวอ่อนแอสะสมจากการใช้เครื่องมือความงามมานาน

Rejuran เหมาะกับใครบ้าง?

Rejuran เป็นทรีตเมนต์ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวในระดับโครงสร้าง หรือผิวที่เริ่มแสดงสัญญาณของ “ความเสื่อม” เช่น

  • ผิวบาง อ่อนแอ แพ้ง่าย
  • ผิวมีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือเริ่มหย่อนคล้อย
  • ผิวแห้ง หมองคล้ำ ไม่สดใสแม้ดูแลผิวอย่างดีแล้ว
  • รูขุมขนกว้างหรือมีรอยสิวเก่าเป็นหลุมตื้น

กลุ่มผู้ที่เหมาะกับการเริ่มทำ Rejuran คือผู้ที่มีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่การสร้างคอลลาเจนเริ่มลดลงอย่างชัดเจน และผิวเริ่มสูญเสียความแข็งแรงตามธรรมชาติ

นอกจากนี้ Rejuran ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เคยทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่ใช้พลังงานมากเกินไป จนผิวเริ่มบางหรือไวต่อแสง เพราะ Rejuran ไม่ใช้ความร้อนหรือคลื่นพลังงานใด ๆ จึงเหมาะสำหรับการ “รีเซตผิว” ให้กลับมาสมดุล

Rejuran เหมาะกับผิวแบบไหนมากที่สุด?

Rejuran เป็นทรีตเมนต์ที่สามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท แต่จะเห็นผลชัดเจนเป็นพิเศษในกลุ่มที่มีปัญหาผิวเฉพาะเจาะจง เช่น

1. ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นจากโครงสร้าง

แม้ Rejuran ไม่ใช่สารเติมน้ำเหมือน Hyaluronic Acid แต่สามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมากักเก็บน้ำได้ดีขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งลึกแบบ “Dry-Dehydrated” ที่ครีมบำรุงทั่วไปไม่สามารถแก้ปัญหาได้

2. ผิวมันแต่ขาดสมดุล

หลายคนที่มีผิวมันในบางบริเวณ เช่น T-Zone แต่รู้สึกตึงแห้งหลังล้างหน้า อาจมีปัญหาเรื่อง ECM เสื่อมสภาพ การฉีด Rejuran จะช่วยให้ผิวกลับมาสมดุล ลดความมันส่วนเกิน และไม่กระตุ้นการอุดตัน

3. ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย

ด้วยโครงสร้างที่เป็นมิตรกับร่างกาย Rejuran มีแนวโน้มทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยมาก จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวไวต่อสารเคมีหรือเคยมีประวัติแพ้สารบางชนิด

4. ผิวที่ผ่านการทำเลเซอร์มาหลายรอบ

ผิวที่ถูกกระตุ้นบ่อยจากพลังงาน อาจบางลงและขาดการฟื้นตัวตามธรรมชาติ Rejuran จะช่วยซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้ชั้นผิวอย่างลึกโดยไม่ต้องใช้พลังงานซ้ำ

Rejuran ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

Rejuran ไม่ได้เน้นแค่ทำให้ผิวดูดีขึ้นภายนอกเท่านั้น แต่เน้น “การฟื้นฟูภายใน” อย่างเป็นระบบ จึงช่วยจัดการกับปัญหาผิวที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะในกรณีที่ผิวเสื่อมสภาพจากอายุหรือสิ่งกระตุ้นเรื้อรัง โดยปัญหาหลัก ๆ ที่ Rejuran ช่วยได้ มีดังนี้:

1. ลดริ้วรอยเล็กและริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า

PN (Polynucleotide) ใน Rejuran ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ริ้วรอยเล็กดูตื้นลง โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หางตา หรือร่องแก้มที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบ่อย ๆ

2. ฟื้นฟูหลุมสิวตื้น และรอยแผลเป็น

สูตร Rejuran S มีความสามารถในการเติมเต็มเนื้อผิวบริเวณที่เป็นหลุมสิวหรือมีแผลจากสิวเก่า ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นโดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์

3. กระชับรูขุมขน ผิวละเอียดขึ้น

การซ่อมแซม ECM ช่วยให้ผิวแน่นขึ้นจากภายใน ส่งผลให้รูขุมขนที่เคยกว้างจากความหย่อนคล้อยดูเล็กลง ผิวดูเรียบขึ้นและแต่งหน้าติดทนนานขึ้น

4. ลดความหมองคล้ำจากความอ่อนล้าเซลล์ผิว

Rejuran ช่วยฟื้นคืนความสดใสของผิว โดยเฉพาะในผู้ที่พักผ่อนน้อย หรือผิวดูเหนื่อยล้าเรื้อรังจากการใช้ชีวิต

Rejuran ต่างจากเทคนิคอื่นยังไง?

แม้ในปัจจุบันจะมีทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวหลายรูปแบบ แต่ Rejuran มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ต่างจากเทคนิคอื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ของ “กลไกการทำงาน” ที่เน้นการซ่อมแซมจากภายใน ไม่ใช่แค่ให้ผลลัพธ์ชั่วคราวบนผิวชั้นนอก เรามาดูความแตกต่างระหว่าง Rejuran กับเทคนิคที่ได้รับความนิยมอื่น ๆ กันครับ:

หัตถการ กลไกหลัก จุดเด่น ข้อสังเกต
Rejuran ซ่อมแซม ECM กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างลึก เห็นผลชัดในเรื่องความแข็งแรงของผิว เห็นผลค่อยเป็นค่อยไป ต้องทำต่อเนื่อง
Skin Booster (HA) เติมความชุ่มชื้นด้วย Hyaluronic Acid ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาวทันที ผลลัพธ์สั้นกว่า ไม่มีผลฟื้นฟูโครงสร้างผิว
Meso หน้าใส เติมวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำระยะสั้น ไม่มีผลต่อ ECM หรือการสร้างคอลลาเจน
Exosome ส่งสัญญาณให้เซลล์ผิวซ่อมแซมตัวเอง เทคโนโลยีใหม่ ฟื้นฟูได้หลายมิติ ราคาแพงกว่า ต้องใช้หลายครั้ง
Gouri Liquid PCL กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หน้ายกตึง กระตุ้นผิวอิ่มแน่น ไม่เหมาะกับผิวอักเสบหรือผิวบาง

Rejuran ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

Rejuran เป็นทรีตเมนต์ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้อย่างปลอดภัย หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในเคสที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ทั้งในด้านความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น และความกระจ่างใส

หัตถการที่นิยมทำร่วมกับ Rejuran

  • เลเซอร์ (เช่น Pico, Fractional) ใช้ฟื้นฟูผิวภายนอก ร่วมกับ Rejuran ที่ฟื้นฟูโครงสร้างภายใน ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจนทั้งผิวหน้าและผิวชั้นลึก
  • Skin Booster (HA) เพิ่มความฉ่ำวาวและชุ่มชื้นทันที ในขณะที่ Rejuran ฟื้นฟูโครงสร้างในระยะยาว
  • Exosome หรือ PRP ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ระดับสูง ยิ่งทำร่วมกันยิ่งส่งเสริมกันในด้านฟื้นฟูและลดการอักเสบ
  • Botox (Botulinum Toxin) Rejuran ช่วยให้ผิวแน่นขึ้น ส่วน Toxin ลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยดูตื้นลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อควรระวัง

แม้สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ แต่ควร เว้นระยะห่างประมาณ 1–2 สัปดาห์ ระหว่างการฉีด Rejuran กับหัตถการที่ใช้พลังงาน เช่น เลเซอร์ หรือ HIFU เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นผิวมากเกินไปในช่วงฟื้นฟู

ก่อนฉีด Rejuran ต้องเตรียมตัวยังไง?

  1. งดวิตามินและยาที่ทำให้เลือดไหลง่าย ควรงดอย่างน้อย 3–7 วันก่อนทำ เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา, แปะก๊วย, แอสไพริน หรือยากลุ่ม NSAIDs เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิว
  2. หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นก่อนหน้า ควรเว้นการทำเลเซอร์ ผลัดเซลล์ หรือทรีตเมนต์แรง ๆ อย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้ผิวแข็งแรงก่อนรับการฉีด Rejuran
  3. งดสครับหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หลีกเลี่ยง AHA, BHA, Retinol หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดผิวก่อนทำ 3–5 วัน
  4. แจ้งแพทย์หากตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้ยังไม่มีรายงานว่าทำให้เกิดอันตรายโดยตรง แต่โดยหลักการทางการแพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงหัตถการในช่วงเวลาดังกล่าว
  5. พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากขึ้น สภาพร่างกายที่พร้อมช่วยให้ผิวตอบสนองต่อการรักษาได้ดียิ่งขึ้น และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังทำ

ขั้นตอนการทำ Rejuran เป็นยังไง?

การฉีด Rejuran เป็นหัตถการที่มีขั้นตอนชัดเจน ใช้เวลารวมประมาณ 45–60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยขั้นตอนทั่วไปมีดังนี้:

  1. ทำความสะอาดผิวหน้า เริ่มจากการล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกอย่างหมดจด เพื่อเตรียมผิวให้สะอาดก่อนการฉีด
  2. ทายาชาเฉพาะที่ แพทย์จะทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด และรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30–45 นาที เพื่อให้รู้สึกสบายขณะทำ
  3. แพทย์ทำการฉีด Rejuran เข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Mid-dermis) ใช้เทคนิค micro-injection โดยฉีดเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วบริเวณที่ต้องการ เช่น ใบหน้า รอบดวงตา หรือรอยหลุมสิวเฉพาะจุด
  4. ประคบเย็นเพื่อลดรอยบวมแดง หลังฉีดจะมีตุ่มเล็ก ๆ ที่ผิวในบางจุดเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะยุบภายใน 24–48 ชั่วโมง การประคบเย็นจะช่วยลดการระคายเคือง

หลังทำ Rejuran ต้องดูแลยังไง?

การดูแลผิวในช่วง 48–72 ชั่วโมงแรกหลังทำถือเป็นช่วง “ฟื้นฟูเชิงลึก” ที่สำคัญ หากปฏิบัติได้ถูกต้อง จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดผลข้างเคียง และเสริมประสิทธิภาพของตัวยาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

  1. หลีกเลี่ยงการนอนราบภายใน 1–3 ชั่วโมงแรกหลังทำ แนะนำให้นั่งพักหรือเอนเล็กน้อย เพื่อให้ตัวยากระจายตัวสม่ำเสมอ ลดการรวมตัวของสารและอาการบวมเฉพาะจุด
  2. งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันหรือระคายเคืองในบริเวณที่มีเข็มเล็ก ๆ ทะลุผ่าน
  3. งดออกกำลังกายหนักหรือเข้าอบซาวน่า ความร้อนและเหงื่อสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการบวมแดงได้มากขึ้นในช่วงวันแรก ๆ
  4. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และห้ามขัดผิว แสงยูวีสามารถรบกวนกระบวนการฟื้นฟูของเซลล์ผิว ควรใช้ครีมกันแดดที่อ่อนโยน และงดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
  5. เน้นความชุ่มชื้น และใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยน เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารระคายเคือง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวอย่างเต็มที่
  6. ไม่ควรกด แกะ หรือเกาหน้าบริเวณที่ฉีด เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบหรือรอยดำตามมาได้

Rejuran ราคา

ราคา Rejuran ในคลินิกความงามจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายประการ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นตั้งแต่ 5,000–15,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้ ปริมาณยา และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำหัตถการ โดยรายละเอียดหลักที่มีผลต่อราคาประกอบด้วย:

สูตร Rejuran ที่ใช้

  • Rejuran Healer: สูตรมาตรฐาน ฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า ราคากลางอยู่ที่ประมาณ 7,000–10,000 บาท
  • Rejuran S: ใช้สำหรับหลุมสิว เน้นเฉพาะจุด ราคามักอยู่ในช่วง 5,000–8,000 บาท
  • Rejuran I: สำหรับใต้ตา ราคาจะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับสูตร Healer แต่ใช้ปริมาณน้อยกว่า

ปริมาณที่ฉีดต่อครั้ง

บางคลินิกอาจใช้ขนาด 1 cc ต่อครั้ง หรือมากกว่านั้นตามความเหมาะสม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่าย

ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์

แพทย์ที่มีประสบการณ์สูง มักคิดค่าบริการในระดับที่สูงกว่า แต่แลกมากับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ

ความน่าเชื่อถือของคลินิก

คลินิกที่ใช้ยาแท้ผ่านตัวแทนจำหน่ายถูกต้อง และมีระบบติดตามผลหลังทำ ย่อมมีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ

หมายเหตุ: หากราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์แท้หรือไม่

Rejuran มีอันตราย หรือผลข้างเคียงไหม?

Rejuran จัดว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้ Polynucleotide (PN) ที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์จาก DNA ปลาแซลมอน และมีโครงสร้างใกล้เคียงกับมนุษย์ ทำให้มีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับหัตถการที่ใช้เข็มชนิดอื่น Rejuran อาจมี ผลข้างเคียงเล็กน้อยชั่วคราว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้และถือว่า “ปกติ”

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย

  • ตุ่มนูนเล็ก ๆ (micro-bumps) บริเวณที่ฉีด มักหายภายใน 24–48 ชั่วโมง
  • รอยช้ำเล็กน้อย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีเส้นเลือดฝอยมาก เช่น ใต้ตา หรือร่องแก้ม
  • อาการบวมแดงบางจุด ซึ่งจะค่อย ๆ ยุบลงเมื่อผิวเริ่มฟื้นตัว

อาการที่ควรพบแพทย์ทันที

  • อาการแพ้ เช่น คัน บวม ผื่นแดง หรือรู้สึกแสบผิดปกติ
  • มีตุ่มแข็งหรือเป็นก้อนนานเกิน 1 สัปดาห์
  • อาการอักเสบ ร้อนแดงในจุดที่ฉีด

โดยทั่วไป ผลข้างเคียงจาก Rejuran จะอยู่ในระดับ “ไม่รุนแรง” และหายไปเองในเวลาอันสั้น หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

Rejuran ใช้เวลานานไหมถึงจะเห็นผล?

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “หลังฉีด Rejuran แล้ว จะเห็นผลเมื่อไหร่?” ซึ่งคำตอบคือ Rejuran ไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบทันที เหมือนฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ เพราะกลไกของมันเน้น การฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ โดยค่อย ๆ ซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

Rejuran เริ่มเห็นผลเมื่อไหร่?

  • ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตผิวแน่นขึ้น ผิวละเอียดขึ้น ภายใน 7–14 วัน แรกหลังทำ
  • ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3–4 โดยเฉพาะเรื่องริ้วรอย รูขุมขน และความเรียบเนียนของผิว

ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?

  • แนะนำทำ ต่อเนื่อง 3–4 ครั้ง ห่างกัน 2–4 สัปดาห์ แล้วจึงเข้าสู่ระยะ “การคงสภาพผิว” ทุก 3–6 เดือน
  • จำนวนครั้งขึ้นกับสภาพผิว อายุ และปัญหาที่ต้องการฟื้นฟู

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • หากทำครบคอร์ส ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 6–12 เดือน ก่อนที่กระบวนการเสื่อมของผิวจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง
  • การดูแลผิวควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Rejuran

Rejuran เจ็บไหมตอนฉีด?

โดยทั่วไปไม่เจ็บมาก เพราะแพทย์จะทายาชาก่อนประมาณ 30–45 นาที ความรู้สึกขณะฉีดจะเหมือนถูกแตะหรือจิ้มเบา ๆ บางจุดอาจรู้สึกจี๊ดได้บ้าง แต่สามารถทนได้ และหายเร็วหลังทำ

Rejuran ใช้เวลานานแค่ไหนในการฉีด?

ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 45–60 นาที รวมขั้นตอนทายาชา ทำความสะอาดผิว และการฉีดจริง

ผู้ชายสามารถฉีด Rejuran ได้ไหม?

ได้แน่นอน โดยเฉพาะผู้ชายที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง รอยสิว หรือผิวดูเหนื่อยล้า Rejuran จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวดูแข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

อายุเท่าไหร่ควรเริ่มทำ Rejuran?

แนะนำเริ่มตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่คอลลาเจนเริ่มลดลง และผิวเริ่มแสดงสัญญาณความเสื่อมชัดเจนมากขึ้น

ฉีด Rejuran แล้วแต่งหน้าได้ไหม?

ควรงดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัว ลดโอกาสการอุดตันหรือระคายเคือง

บทสรุป

Rejuran ไม่ใช่แค่เทรนด์ด้านความงาม แต่เป็นการดูแลผิวที่มีรากฐานทางการแพทย์รองรับอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ ไม่ต้องพักฟื้น และเน้นการฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก

หากคุณเริ่มมีปัญหาผิวจากอายุหรือปัจจัยภายนอก Rejuran อาจเป็นคำตอบที่ช่วยให้ผิวคุณกลับมาแข็งแรง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา