โบท็อกซ์ คืออะไร ราคาเท่าไหร่ มียี่ห้ออะไรบ้าง ฉีดตรงไหนดี
ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่าผิวหน้ามีริ้วรอยตอนยิ้ม หรือกรอบหน้าไม่ชัดเหมือนเดิม โบท็อกซ์ (Botox) อาจช่วยคุณได้ หัตถการความงามยอดนิยมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาไม่นาน ปลอดภัย ในบทความนี้หมอจะพาคุณไปรู้จัก โบท็อกซ์ (Botox) แบบครบทุกมิติ ตั้งแต่คืออะไร ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ ไปจนถึงวิธีเตรียมตัวและการดูแลหลังฉีดอย่างถูกวิธีครับ
โบท็อกซ์ คืออะไร?
โบท็อกซ์ หรือ Botox คือชื่อทางการค้าของสารที่มีชื่อเต็มว่า Botulinum Toxin Type A ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ในทางการแพทย์ความงาม เราใช้สารตัวนี้เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อบางมัดที่มีการหดเกร็งมากเกินไป จึงสามารถลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ การทำงานของ โบท็อกซ์ คือการไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า Acetylcholine ซึ่งทำหน้าที่ส่งคำสั่งจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ เมื่อสัญญาณนี้ถูกยับยั้ง กล้ามเนื้อจะหดตัวได้น้อยลง ส่งผลให้เวลาแสดงสีหน้า ริ้วรอยจึงลดน้อยลง
จุดเด่นของโบท็อกซ์
- เป็นหัตถการแบบ ไม่ต้องผ่าตัด
- ใช้เวลารวดเร็ว ประมาณ 15–30 นาที
- ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์เร็วภายใน 3–7 วัน
- ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้ตัวยาแท้
โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้ในอะไรบ้าง?
สำหรับคนทั่วไปจะรู้จัก โบท็อกซ์ ในแง่ของการลดริ้วรอยความงาม แต่จริงๆ แล้วในวงการแพทย์ Botox ยังถูกใช้รักษาอาการอื่นๆ ด้วย เช่น ภาวะกล้ามเนื้อกระตุก (เช่น ตากระตุก) ไมเกรนเรื้อรัง ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) Botulinum Toxin Type A ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA สหรัฐอเมริกาและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย (อย.)

ฉีดโบท็อกซ์บริเวณไหนได้บ้าง
การฉีดโบท็อกซ์สามารถทำได้หลายบริเวณทั้งร่างกายและใบหน้า ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
- โบท็อกซ์ริ้วรอย นับเป็นข้อบ่งชี้หลักในการฉีดโบท็อกซ์ โดยนำมาใช้ลดริ้วรอยขณะแสดงสีหน้า (Dynamic wrinkles) และสามารถช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยร่องลึก (Static wrinkles) ในอนาคตได้อีกด้วย บริเวณที่ฉีดจะมีตีนกา ร่องขมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก รอยย่นบริเวณข้างจมูก
- โบท็อกซ์กราม แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ โดยจะเข้าไปจะลดการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ทำให้กรามมีขนาดเล็กลง ใบหน้าดูเรียวเล็กลง
- โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า แก้ไขปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ผิวหน้าหย่อนคล้อย ช่วยให้ผิวบริเวณกรอบหน้ากระชับขึ้น
- โบท็อกซ์ลิฟคอ เป็นการฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ ช่วยลดเส้นริ้วรอยบริเวณคอให้ดูกระชับขึ้น
- โบท็อกซ์กระชับรูขุมขน แก้ปัญหารูขุมขนกว้างให้รูขุมขนกระชับขึ้น ใบหน้าเรียบเนียน ลดความมันบนใบหน้า และลดโอกาสในการเกิดสิว
- โบท็อกซ์ปีกจมูก โบท็อกซ์จมูกรัดแกน เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณจมูก เพื่อลดขนาดปีกจมูกลง และรัดแกนมากยิ่งขึ้น ให้แกนจมูกดูคมชัดขึ้น
- โบท็อกซ์ลดเหงื่อ บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะ หรือมีปัญหากลิ่นตัวร่วมด้วย ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่กล้าทำกิจกรรมต่างๆอย่างเต็มที่
- โบท็อกซ์ลดน่อง เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณน่อง แก้ปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด ให้น่องมีขนาดเล็กลง ดูขาเรียวเล็กขึ้น
- โบท็อกซ์รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน เป็นการฉีดโบท็อกซ์บนจุดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดไมเกรนลดลง
โบท็อกซ์แต่ละบริเวณต้องใช้กี่ยูนิต
ปริมาณยูนิตที่ใช้ในการฉีดโบท็อกซ์จะแตกต่างกันไปในตามปัญหาของแต่ละบุคคล บริเวณที่ต้องการฉีด และขนาดของมัดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมินจำนวนยูนิตในแต่ละเคสก่อนทำการรักษา
- ฉีดโบท็อกซ์กราม จะใช้อยู่ที่ประมาณ 30-50 ยูนิต
- ฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า จะใช้อยู่ที่ประมาณ 30-50 ยูนิต
- ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก จะใช้อยู่ที่ประมาณ 15-20 ยูนิต
- ฉีดโบท็อกซ์หว่างคิ้ว จะใช้อยู่ที่ประมาณ 6-15 ยูนิต
- ฉีดโบท็อกซ์หางตา จะใช้อยู่ที่ประมาณ 10-25 ยูนิต
- ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก จะใช้อยู่ที่ประมาณ 25 ยูนิต
- ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ จะใช้อยู่ที่ประมาณ 50-100 ยูนิต
โบท็อกซ์ต่างจากฟิลเลอร์ยังไง?
หลายคนยังสับสนระหว่าง “โบท็อกซ์” กับ “ฟิลเลอร์” ซึ่งจริงๆ แล้วทำหน้าที่ต่างกันครับ
- โบท็อกซ์ = ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ (ลดริ้วรอย, หน้าเรียวด้วยการลดกล้ามเนื้อกราม)
- ฟิลเลอร์ = เติมเต็ม (เติมร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ดูมีวอลลุ่ม)
ดังนั้น หากคุณมีปัญหาลดริ้วรอย อยากหน้าเรียวต้องฉีดโบท็อกซ์ ถ้ามีร่องลึก หน้าตอบ หรือผิวดูโทรม หมอจะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ครับ
โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี?
ยี่ห้อ โบท็อกซ์ (Botox) ที่ได้รับความนิยมในไทย มีทั้งหมด 6 ยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับบริเวณที่ฉีด รวมถึงความต้องการเฉพาะของแต่ละคน
1. Allergan (อัลเลอร์แกน) – จากอเมริกา
- จุดเด่น: ความบริสุทธิ์สูง กระจายตัวยาแม่นยำ
- ผลลัพธ์: เนียนธรรมชาติ อยู่ได้นานถึง 5–6 เดือน
- เหมาะกับ: จุดที่ต้องการความละเอียด เช่น รอบดวงตา ริ้วรอยเล็กๆ
- หมอแนะนำ: ถ้าต้องการคุณภาพสูงสุดและเน้นความปลอดภัย Allergan คือตัวเลือกอันดับต้นๆ
2. Xeomin (ซีโอมิน) – จากเยอรมนี
- จุดเด่น: เป็น Botox บริสุทธิ์ “ไร้โปรตีนประกอบ” ลดโอกาสดื้อยา
- ผลลัพธ์: อยู่ได้นาน 4–5 เดือน
- เหมาะกับ: ผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์ซ์บ่อย หรือเริ่มมีภาวะดื้อยา
- หมอแนะนำ: เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์นาน โดยลดความเสี่ยงการแพ้
3. Neoronox (นิวโรน็อกซ์) – จากเกาหลี
- จุดเด่น: ออกฤทธิ์เร็ว กระจายตัวแม่นยำ
- ผลลัพธ์: เริ่มเห็นผลใน 3 วัน อยู่ได้ 4–5 เดือน
- เหมาะกับ: ฉีดกราม ลดริ้วรอยบริเวณกว้าง เช่น หน้าผาก
- หมอแนะนำ: ดีไซน์สำหรับคนที่ต้องการเห็นผลไว
4. Aestox (เอสท็อกซ์) – จากเกาหลี
- จุดเด่น: ความบริสุทธิ์สูง ค่า pH ใกล้เคียงผิว ไม่แสบ ไม่บวม
- ผลลัพธ์: เหมาะสำหรับผิวบอบบาง เห็นผลไว
- เหมาะกับ: จุดเล็กๆ รอบดวงตา คนผิวแพ้ง่าย
- หมอแนะนำ: สำหรับคนกลัวบวม กลัวเข็ม อยากได้แบบเบาสบาย
5. Botulax – จากเกาหลี
- จุดเด่น: ราคาจับต้องได้ คุณภาพคงที่
- ผลลัพธ์: อยู่ได้ 3–4 เดือน
- เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้นฉีดโบท็อกซ์ซ์ หรือต้องการเน้นเฉพาะบางจุดเล็ก
- หมอแนะนำ: ถ้าต้องการควบคุมงบประมาณ และผลลัพธ์ระดับมาตรฐาน
6. Hugel – จากเกาหลี
- จุดเด่น: ราคาจับต้องได้ คุณภาพคงที่
- ผลลัพธ์: อยู่ได้ 3–4 เดือน
- เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้นฉีดโบท็อกซ์ซ์ หรือต้องการเน้นเฉพาะบางจุดเล็ก
- หมอแนะนำ: ถ้าต้องการควบคุมงบประมาณ และผลลัพธ์ระดับมาตรฐาน
ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่?
| บริเวณที่ฉีด | จำนวนยูนิตโดยเฉลี่ย | Allergan (USA) | Xeomin (Germany) | Neuronox (Korea) | Aestox (Korea) | Botulax/Hugel (Korea) |
|---|
| ราคา/ยูนิต 250-350 บาท | ราคา/ยูนิต 200-300 บาท | ราคา/ยูนิต 100-150 บาท | ราคา/ยูนิต 90-130 บาท | ราคา/ยูนิต 70-100 บาท |
|---|
| หน้าผาก | 10–20 ยูนิต | 2,500–7,000 บาท | 2,000–6,000 บาท | 1,200–3,000 บาท | 1,000–2,600 บาท | 900–2,000 บาท |
| ระหว่างคิ้ว | 10–15 ยูนิต | 2,500–5,000 บาท | 2,000–4,000 บาท | 1,200–2,200 บาท | 1,000–1,800 บาท | 900–1,600 บาท |
| หางตา | 10–15 ยูนิต | 2,500–5,200 บาท | 2,000–4,200 บาท | 1,200–2,400 บาท | 1,000–1,900 บาท | 800–1,500 บาท |
| หางคิ้ว / Foxy eyes | 10–20 ยูนิต | 3,000–6,000 บาท | 2,500–5,000 บาท | 1,500–3,000 บาท | 1,200–2,600 บาท | 1,000–2,200 บาท |
| ลดกราม / หน้าเรียว | 40–60 ยูนิต | 12,000–17,500 บาท | 10,000–15,000 บาท | 5,000–7,500 บาท | 4,500–6,500 บาท | 3,500–5,000 บาท |
| ลิฟต์กรอบหน้า | 20–30 ยูนิต | 5,000–8,500 บาท | 4,000–7,000 บาท | 2,500–4,500 บาท | 2,000–3,800 บาท | 1,800–3,000 บาท |
| ลดเหงื่อรักแร้ | 50–100 ยูนิต | 15,000–30,000 บาท | 12,000–25,000 บาท | 6,000–12,000 บาท | 5,000–10,000 บาท | 4,000–8,000 บาท |
- *ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณยูนิต และค่าบริการของแต่ละคลินิก
- *ยูนิตเป็นเพียงค่าเฉลี่ย ต้องให้แพทย์ประเมินเพื่อความแม่นยำ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาฉีดโบท็อกซ์
- ยี่ห้อที่เลือกใช้ เช่น Allergan ราคาสูงกว่า Botulax เนื่องจากนำเข้าจากอเมริกาและผ่าน FDA
- จำนวนยูนิตที่ใช้ ปริมาณขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน บางคนต้องใช้มากกว่ามาตรฐานเล็กน้อย
- แพทย์ผู้ฉีด หากฉีดโดยแพทย์เฉพาะทาง หรือแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง อาจมีค่าบริการเพิ่ม
- โปรโมชั่น หลายคลินิกมีแพ็กเกจเหมาหลายจุดในราคาพิเศษ
โบท็อกซ์เหมาะกับใคร?
โบท็อกซ์ (Botox) ไม่ได้เหมาะแค่คนที่มีอายุมากเท่านั้นนะครับ คนอายุน้อยก็สามารถเริ่มฉีดได้ โดยเฉพาะในจุดที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าบ่อยๆ หรืออยากปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
กลุ่มที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์
- คนที่เริ่มมีริ้วรอยจากสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา ร่องระหว่างคิ้ว ซึ่งมักเกิดจากการขมวดคิ้วหรือยิ้มบ่อยๆ
- คนที่ต้องการหน้าเรียว ลดกราม สำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่จากการเคี้ยวอาหารหรือกัดฟันแรงๆ Botox สามารถคลายกล้ามเนื้อได้ ทำให้หน้าดูเรียวลงโดยไม่ต้องศัลยกรรม
- คนที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น ใต้วงแขน ฝ่ามือ ฝ่าเท้า Botox จะช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อได้ดี
- ผู้ที่มีไมเกรนบางกลุ่ม แพทย์บางรายจะใช้ Botox เพื่อรักษาไมเกรนเรื้อรัง โดยฉีดในจุดเฉพาะที่มีการศึกษารองรับ
ใครที่ยังไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์?
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่แพ้สาร Botulinum toxin
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการติดเชื้อหรือมีการอักเสบบริเวณที่จะฉีด
ฉีดโบท็อกซ์ช่วยอะไรได้บ้าง?
หลายคนรู้จัก โบท็อกซ์ ว่าใช้ลดริ้วรอย แต่จริงๆ แล้ว Botox มีประโยชน์หลากหลายมากกว่านั้น ทั้งด้านความงามและด้านการแพทย์ ซึ่งถ้ารู้จักใช้ให้ถูกจุด จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดเลยครับ
ด้านความงาม (Aesthetic Use)
- ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา (หางตา) รอยยิ้มรอบปาก
- ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ลดขนาดกราม (Masseter Muscle) สำหรับคนที่มีใบหน้าเหลี่ยม หรือใช้กล้ามเนื้อกรามมาก เช่น คนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง แข็งๆ หรือมีอาการนอนกัดฟัน
- ยกคิ้ว / เปิดหางตา (Foxy Eyes) ช่วยเปิดตาให้ดูกลมโตสดใสขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหนังตา
- ลิฟต์กรอบหน้า / ปรับรูปหน้า V-shape ฉีดจุดเฉพาะรอบกรอบหน้าเพื่อให้กรอบหน้าชัด ผิวตึงขึ้นโดยไม่ต้องร้อยไหม
- ลดปีกจมูก / ยกปลายจมูกเล็กน้อย สำหรับผู้ที่อยากปรับทรงจมูกแบบไม่ผ่าตัด (ผลอยู่ได้ชั่วคราว)
ด้านการแพทย์ (Therapeutic Use)
- ลดเหงื่อ (Hyperhidrosis) ใช้ฉีดในรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เพื่อลดการหลั่งเหงื่อจากต่อมเหงื่อ
- รักษาไมเกรนเรื้อรัง ในบางรายที่มีไมเกรนบ่อยครั้ง Botox จะช่วยลดความถี่ของการปวดศีรษะได้
- กล้ามเนื้อกระตุกบางประเภท เช่น ตากระตุก, ปากเบี้ยว, กล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ต้องเตรียมตัวยังไง?
การเตรียมตัวให้ถูกต้องก่อนเข้ารับบริการ ก็มีผลต่อประสิทธิภาพของยาและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ครับ
สิ่งที่ควรทำก่อนฉีด
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดล่วงหน้า 3–7 วัน เช่น Aspirin, Ibuprofen, Diclofenac, วิตามิน E, น้ำมันปลา, Ginkgo (แปะก๊วย) เพื่อป้องกันรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
- งดแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24–48 ชั่วโมง เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดไหลเวียนเร็วขึ้น เสี่ยงต่อการช้ำ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการรักษาและฟื้นตัวได้ดี
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อความชุ่มชื้นของผิวและระบบไหลเวียนในร่างกาย
- งดการแต่งหน้าจัดในวันที่ฉีด โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องฉีด เช่น หน้าผาก รอบดวงตา คาง ฯลฯ เพราะแพทย์จะต้องทำความสะอาดผิวก่อนฉีดทุกครั้ง
สิ่งที่ไม่ควรทำก่อนฉีด
- อย่าทำทรีตเมนต์ความร้อนแรงๆ ก่อนฉีด เช่น เลเซอร์ RF HIFU เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง
- อย่าลืมแจ้งแพทย์หากคุณมีโรคประจำตัว หรือเคยมีประวัติแพ้ยา / Botox มาก่อน
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์เป็นยังไง?
- ปรึกษาและประเมินใบหน้า
- แพทย์จะพูดคุยเพื่อเข้าใจความต้องการ เช่น อยากลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า
- จากนั้นประเมินตำแหน่งที่จะฉีด รวมถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในแต่ละจุด
- เลือกยี่ห้อและปริมาณยูนิตที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดใบหน้า
- แพทย์จะล้างเครื่องสำอางและฆ่าเชื้อบริเวณที่จะฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- วาดตำแหน่งที่ต้องการฉีด
- ใช้ปากกาแพทย์มาร์กจุดสำคัญ เพื่อให้ฉีดได้แม่นยำ
- บางคลินิกอาจใช้เครื่องวิเคราะห์กล้ามเนื้อร่วมด้วย
- ฉีด Botox เข้ากล้ามเนื้อเฉพาะจุด
- ใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดในระดับตื้นหรือระดับลึก ขึ้นกับแต่ละตำแหน่ง
- ระยะเวลาเฉลี่ยในการฉีด: 10–20 นาที
ฉีดโบท็อกซ์เจ็บไหม?
ความรู้สึกจะคล้ายๆ มดกัดเล็กๆ หรือเจ็บจี๊ดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด หากกังวลเรื่องความเจ็บ แพทย์สามารถทายาชาหรือใช้ Ice Pack ประคบได้ครับ
หลังฉีดโบท็อกซ์ต้องทำอะไรบ้าง?
- อยู่ในท่านั่งหรือนั่งเอน 4–6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันตัวยาไหลไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ เช่น ทำให้หนังตาตก
- ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ เช่น ขมวดคิ้ว ยิ้ม หรือย่นหน้าผากเล็กน้อย ช่วยให้ตัวยาดูดซึมและจับกับกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนเต็มที่ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวดีและช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวย
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีด
- ห้ามนอนราบภายใน 4–6 ชั่วโมงแรก
- ห้ามนวดหน้า ขัดหน้า หรือกดจุด บริเวณที่ฉีดใน 24–48 ชั่วโมง
- งดการออกกำลังกายหนัก / ซาวน่า / แช่น้ำร้อน เป็นเวลา 1–2 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแน่นๆ ทันทีหลังทำ โดยเฉพาะแป้งฝุ่นหรือรองพื้น
หากมีรอยช้ำเล็กๆ หลังฉีด ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และจะค่อยๆ จางลงภายในไม่กี่วัน แต่หากพบอาการผิดปกติ เช่น หนังตาตก ปากเบี้ยว ปวดหัวรุนแรง ให้รีบพบแพทย์ทันที
ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม?
คำถามนี้หมอได้ยินบ่อยมาก และก็เป็นเรื่องดีที่หลายคนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อนฉีด จริงๆ แล้ว Botox ถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และใช้ยาของแท้ที่ผ่าน อย. ครับ
อาการข้างเคียงที่ “อาจพบได้” และถือว่า “ไม่อันตราย”
- รอยบวม แดง ช้ำ เล็กน้อยบริเวณที่ฉีด มักหายภายใน 2–3 วัน (หากรอยช้ำอยู่นานเกิน 7 วัน หรือมีอาการใหม่เพิ่มขึ้น ควรปรึกษาแพทย์)
- รู้สึกตึงผิว หรือเกร็งกล้ามเนื้อ เป็นช่วงปรับตัวของกล้ามเนื้อใน 1–2 สัปดาห์แรก
- ปวดศีรษะเล็กน้อย (เฉพาะบางราย)
อาการที่ “ไม่พบบ่อย” แต่ “ต้องพบแพทย์ทันที”
- หนังตาตก คิ้วตก หรือปากเบี้ยว อาจเกิดจากตัวยาแพร่กระจายผิดตำแหน่ง
- อาการแพ้ เช่น บวมมาก แดงร้อน หรือหายใจติดขัด ควรหยุดยาและรีบพบแพทย์
สาเหตุที่ทำให้การฉีดโบท็อกซ์เสี่ยงอันตราย
- ฉีดโดยผู้ไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์
- ใช้ Botox ปลอม / ไม่มี อย.
- ฉีดในปริมาณมากเกินไป หรือฉีดผิดตำแหน่ง
- ไม่ซักประวัติโรคประจำตัวก่อนฉีด เช่น โรคเกี่ยวกับระบบประสาท กล้ามเนื้อ
อาการที่ควรรีบพบแพทย์ทันที
- หนังตาตก / ปากเบี้ยว / ยิ้มไม่เท่ากัน อาจเกิดจากการกระจายของตัวยาไปยังกล้ามเนื้อใกล้เคียง
- กลืนลำบาก / พูดลำบาก มักพบในเคสที่ฉีดบริเวณลำคอ หรือใช้ยูนิตมากเกินไป
- อาการแพ้เฉียบพลัน เช่น คันมาก บวมแดงทั่วหน้า หายใจติดขัด
ฉีดโบท็อกซ์เห็นผลเมื่อไหร่?
คำถามที่หลายคนสงสัยหลังฉีด Botox คือ “จะเริ่มเห็นผลเมื่อไหร่?” และ “ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?” ซึ่งจริงๆ แล้วการออกฤทธิ์ของ Botox จะไม่เห็นผลทันทีหลังฉีดนะครับ แต่จะค่อยๆ แสดงผลชัดเจนขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลหลังฉีด
- 3–5 วันแรก: เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรงลง เช่น ขมวดคิ้วแล้วตึงขึ้น
- 7–14 วัน: ริ้วรอยจะเริ่มจางลง เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
- 14 วันขึ้นไป: เป็นช่วงที่ผลลัพธ์ “นิ่งที่สุด” และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
| บริเวณที่ฉีด | ระยะเวลาเฉลี่ย |
|---|
| ริ้วรอยหน้าผาก / หางตา | 3–4 เดือน |
| ลดกราม / หน้าเรียว | 4–6 เดือน |
| ลิฟต์กรอบหน้า / Foxy eyes | 3–5 เดือน |
| ลดเหงื่อ รักแร้ / ฝ่ามือ | 6–8 เดือน |
*ระยะเวลานี้เป็นค่าเฉลี่ย ซึ่งอาจสั้นหรือยาวกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้, ปริมาณยูนิต, พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อ และการดูแลตัวเองหลังฉีด
- หลังฉีด ควรเข้ามาตรวจติดตาม ภายใน 14 วัน หากมีจุดใดที่ยังไม่สมดุล แพทย์จะสามารถปรับแต่งให้ได้อย่างปลอดภัย
- การฉีดซ้ำอย่างเหมาะสม ทุก 4–6 เดือน จะช่วยรักษารูปหน้าและริ้วรอยให้คงอยู่ในระยะยาว
5 ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์
- โบท็อกซ์ต้องเป็นของแท้ มี อย. ไทยรับรอง
- ยี่ห้อที่ถูกต้องจะมี Lot Number, วันหมดอายุ และกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ตรวจสอบได้
- หมอสามารถโชว์กล่องจริงก่อนฉีดให้ดูได้เสมอ
- เลือกคลินิกที่ มีใบอนุญาตประกอบกิจการ (จากกระทรวงสาธารณสุข) และต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น อย่าฉีดกับพนักงานหรือหมอกระเป๋าเด็ดขาด เพราะเสี่ยงฉีดผิดชั้น, เกิดผลข้างเคียง หรือหน้าเบี้ยวได้
- ไม่ควรฉีดถี่เกินไป ควรเว้นระยะห่าง 4–6 เดือน/ครั้ง หากฉีดถี่เกินไปอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยา (Botox resistance)
- โบท็อกซ์ไม่ใช่การแก้ปัญหาถาวร แต่สามารถฉีดซ้ำได้อย่างปลอดภัย เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- ต้องซักประวัติสุขภาพก่อนฉีด ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ระบบประสาท กล้ามเนื้อ หรือกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรฉีด
สรุป
โบท็อกซ์ ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัย เห็นผลไว และสามารถปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย รวมถึงรักษาปัญหาทางการแพทย์บางอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเลือกใช้ตัวยาแท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องทั้งก่อนและหลังฉีด ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานอย่างคุ้มค่า ดังนั้นก่อนตัดสินใจ หมอแนะนำให้เลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ เพื่อความสวยที่มาพร้อมกับความปลอดภัยในระยะยาวครับ