Smooth F[mH 1080X1920 9 (1)Smooth Cover Web Smooth 1177X1460 12 (1)

IV Drip คืออะไร? ดริปวิตามินดีอย่างไร ใครควรดริปบ้าง

ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่พอ ผิวหมองคล้ำ หรือมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังที่ยากจะฟื้นตัว… IV Drip อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหาอยู่

การดริปวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง เป็นวิธีดูแลสุขภาพแนวใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว เห็นผลไว และกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพและสายบิวตี้ทั่วโลก

ในบทความนี้ หมอจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า IV Drip คืออะไร ดีกว่าการกินวิตามินทั่วไปอย่างไร และใครบ้างที่เหมาะกับการดริปวิตามิน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยครับ

สารบัญ hide

IV Drip คืออะไร?

IV Drip คือการให้วิตามินหรือสารอาหารเข้าสู่ร่างกายผ่านทางสายน้ำเกลือโดยตรงเข้าสู่กระแสเลือด (Intravenous Infusion) ซึ่งถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดซึมสารอาหาร เพราะไม่ต้องผ่านระบบทางเดินอาหารเหมือนการรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินทั่วไป

เทคนิคนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไปจนถึงกลุ่มที่ต้องการฟื้นฟูผิวพรรณหรือเสริมภูมิคุ้มกัน เพราะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่ร่างกายอ่อนล้า หรืออยู่ในภาวะที่ต้องการฟื้นตัวแบบเร่งด่วน

จุดเด่นของ IV Drip ที่ทำให้หลายคนเลือกใช้

  • ดูดซึมเร็ว: เพราะเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้สูงสุดถึง 90-100% ซึ่งแตกต่างจากการกินที่ดูดซึมได้เพียงบางส่วน
  • ฟื้นตัวไว: เหมาะกับคนที่มีอาการเพลีย อ่อนล้า หรือหลังพักฟื้นจากอาการเจ็บป่วย
  • ดูแลผิวจากภายใน: บางสูตรสามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดสิว หรือป้องกันผิวถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
  • เสริมภูมิคุ้มกัน: วิตามินหลายชนิดในสูตร IV เช่น Vitamin C, Zinc และ Glutathione มีผลในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย

ดริปวิตามินดีอย่างไร?

จริงๆ แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า… "การดริปวิตามินเข้าร่างกาย ดีกว่าการกินวิตามินธรรมดายังไง?" ตรงนี้หมอขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ

ดูดซึมได้เต็มที่กว่า

เมื่อเรารับประทานวิตามิน ร่างกายจะต้องผ่านกระบวนการย่อย ดูดซึมผ่านลำไส้ ซึ่งทำให้วิตามินบางส่วนสูญเสียระหว่างทาง โดยเฉพาะในคนที่ระบบย่อยไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหาการดูดซึม แต่ IV Drip จะส่งวิตามินเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และดูดซึมได้เกือบ 100%

เห็นผลเร็ว รู้สึกได้ทันที

จากประสบการณ์ที่หมอดูแลคนไข้มา พบว่าในบางรายที่มีภาวะอ่อนล้า นอนน้อย หรือเจ็บป่วยมา เพียงแค่ดริปวิตามินสูตรเสริมพลังงาน ก็สามารถรู้สึกสดชื่นขึ้นในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เพราะร่างกายได้รับสารอาหารแบบเร่งด่วน ฟื้นตัวไว

วิตามินช่วยอะไรได้บ้าง?

  • วิตามินซี: กระตุ้นภูมิคุ้มกัน, ลดความหมองคล้ำ, ต้านอนุมูลอิสระ
  • กลูต้าไธโอน: ลดจุดด่างดำ, ผิวดูกระจ่างใส
  • วิตามินบีรวม: เพิ่มพลังงาน, บำรุงสมอง
  • ซิงค์: ลดสิว, เสริมภูมิต้านทาน
  • ALA (Alpha-Lipoic Acid): ต้านอนุมูลอิสระระดับเซลล์, ดีท็อกซ์ตับ

สูตรแต่ละสูตรจะมีการผสมที่แตกต่างกันตามเป้าหมาย เช่น ฟื้นฟูผิว เสริมภูมิคุ้มกัน หรือบูสต์พลังงาน

ปลอดภัย ถ้าอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

สิ่งสำคัญคือ การดริปควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีใบประกอบ เพราะต้องคำนวณปริมาณและสูตรให้เหมาะกับร่างกายแต่ละบุคคล เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

IV Drip เหมาะกับใครบ้าง?

หลายคนอาจสงสัยว่า “จำเป็นไหมที่เราต้องดริปวิตามิน?” หรือ “ดริปเหมาะกับทุกคนหรือเปล่า?” คำตอบคือ… ไม่จำเป็นต้องเป็นคนป่วยก็สามารถทำ IV Drip ได้ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการดริปวิตามิน ไม่ได้เน้นแค่การรักษา แต่อยู่ที่การฟื้นฟู ดูแลร่างกาย และส่งเสริมสุขภาพในเชิงป้องกันครับ

คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย

กลุ่มนี้มักมีภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่สดชื่นในตอนเช้า สมองไม่ปลอดโปร่ง ร่างกายมีการใช้วิตามินและแร่ธาตุสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะวิตามินบีรวม วิตามินซี และแมกนีเซียม ซึ่งดริปจะช่วยฟื้นฟูพลังงาน และลดความเครียดจากการทำงานได้อย่างเห็นผล

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเจ็บป่วยบ่อย

เช่น คนที่เป็นหวัดง่าย เป็นไซนัสเรื้อรัง หรือเพิ่งฟื้นจากการป่วย เช่น โควิด-19, ไข้หวัดใหญ่ วิตามินซีและซิงค์ที่อยู่ใน IV Drip จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดระยะเวลาการฟื้นตัว และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว

ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน

เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวโทรม ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือเป็นสิวเรื้อรัง การดริปสูตรที่มี กลูต้าไธโอน วิตามินซี และซิงค์ จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมการทำงานของตับ และลดการอักเสบของผิว

นักกีฬา หรือคนที่ออกกำลังกายหนัก

หลังออกกำลังกาย ร่างกายจะมีการใช้วิตามินและแร่ธาตุจำนวนมาก โดยเฉพาะวิตามินบีรวม โคเอนไซม์ Q10 และอิเล็กโทรไลต์ต่างๆ การดริปจะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดอาการเมื่อยล้า และทำให้ร่างกายกลับมาสดชื่นเร็วขึ้น

ผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายเชิงป้องกัน (Wellness)

เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ได้รอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยรักษา ซึ่งในต่างประเทศก็มีการใช้ IV Drip เป็น routine care เหมือนการกินวิตามินเสริมในแต่ละวัน เพียงแค่ดูกลุ่มเป้าหมายและเลือกสูตรที่เหมาะสม

IV Drip มีกี่สูตร? ต่างกันยังไง?

IV Drip ไม่ได้มีสูตรเดียวเหมือนกันหมดนะครับ จริงๆ แล้วแต่ละสูตรจะถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม ตามปัญหาสุขภาพและเป้าหมายของแต่ละคน เช่น อยากฟื้นฟูผิว เพิ่มพลังงาน หรือเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่ง การเลือกสูตรที่เหมาะกับตัวเอง จะช่วยให้เห็นผลได้ชัดเจนและปลอดภัยยิ่งขึ้นครับ

สูตรผิวใส (Brightening / Glutathione Drip)

เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำเยอะ หรือผิวดูไม่สดใส ส่วนผสมหลัก มักประกอบด้วย

  • Glutathione: ช่วยล้างสารพิษจากตับ ต้านอนุมูลอิสระ ลดเม็ดสีเมลานิน
  • Vitamin C: เสริมการทำงานของกลูต้า กระตุ้นคอลลาเจน
  • ALA (Alpha Lipoic Acid): ต้านอนุมูลอิสระลึกถึงระดับเซลล์

สูตรเสริมพลังงาน (Energy Booster / Anti-Fatigue)

สำหรับคนที่นอนน้อย ทำงานหนัก สมองล้า หรือมีอาการเหนื่อยเรื้อรัง สารสำคัญในสูตร เช่น

  • Vitamin B1, B6, B12: ช่วยเรื่องระบบประสาท สมอง และระบบเผาผลาญ
  • Magnesium / CoQ10: ลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มพลังงานระดับเซลล์

สูตรเสริมภูมิคุ้มกัน (Immune Booster)

เหมาะกับคนที่เป็นหวัดง่าย ป่วยบ่อย หรือเพิ่งหายป่วย ต้องการฟื้นตัวเร็ว ส่วนประกอบหลัก ได้แก่

  • Vitamin C (High Dose): เสริมภูมิ ลดการติดเชื้อ
  • Zinc: กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงผิว
  • Selenium / NAC: ช่วยล้างสารพิษจากตับ ป้องกันอนุมูลอิสระ

สูตรดีท็อกซ์ตับและล้างสารพิษ (Liver Detox / Anti-Oxidant)

เหมาะกับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย หรือทานยา/อาหารเสริมบ่อย ส่วนผสมเด่นในสูตรนี้ เช่น

  • Glutathione / NAC (N-Acetylcysteine): ล้างพิษตับ
  • ALA / Vitamin C: ลดความเสื่อมของเซลล์ ต้านมะเร็ง
  • B-complex: ฟื้นฟูระบบเผาผลาญในตับ

สูตรลดสิว ลดอักเสบผิว (Anti-Inflammatory / Acne Control)

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง สิวอักเสบ หรือผิวแพ้ง่าย มักประกอบด้วย

  • Zinc: ลดการอักเสบของผิว
  • Vitamin C + B Complex: ลดรอยแดง รอยดำ บำรุงผิวให้แข็งแรง
  • Biotin: บำรุงผิว ผม เล็บ

หมอแนะนำว่า… ก่อนเลือกสูตร ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าร่างกายของเราขาดสารอะไร และสูตรไหนจะเหมาะที่สุด เพราะ การดริปที่แม่นยำ = ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด ครับ

ขั้นตอนการดริปวิตามินเป็นอย่างไร?

หลายคนที่ไม่เคยทำ IV Drip อาจมีคำถามว่า ต้องเตรียมตัวยังไง? เจ็บไหม? ใช้เวลานานหรือเปล่า? วันนี้หมอจะพาไปรู้จักทุกขั้นตอนแบบละเอียด เพื่อให้คุณมั่นใจก่อนเข้ารับบริการครับ

ประเมินร่างกายและเลือกสูตร ก่อนเริ่มดริปวิตามิน แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์จะซักประวัติสุขภาพเบื้องต้น เช่น

  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต
  • โรคประจำตัว
  • ยาที่ใช้อยู่
  • ปัญหาสุขภาพหรือผิวพรรณที่ต้องการแก้ไข

จากนั้นจึงเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสมกับร่างกายคุณ และให้คำแนะนำเรื่องความถี่ในการทำ

เตรียมเส้นให้น้ำเกลือ

เมื่อเลือกสูตรเรียบร้อย พยาบาลจะทำความสะอาดบริเวณข้อพับแขน และเจาะเส้นให้น้ำเกลือเพื่อเตรียมดริปวิตามินเข้าสู่เส้นเลือด

คำแนะนำหมอ: ถ้าคุณเป็นคนเส้นเลือดเล็ก ดื่มน้ำมากๆ ก่อนมาจะช่วยให้เจาะเส้นง่ายขึ้นครับ

เริ่มดริปวิตามิน

วิตามินจะถูกผสมกับน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสม แล้วค่อยๆ ดริปผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่กระแสเลือด ระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 30–45 นาที ขึ้นกับปริมาณและสูตรที่ใช้

ขณะดริป คุณสามารถนั่งพัก นอนเล่น หรือเล่นมือถือได้ตามสบาย ไม่มีความเจ็บปวด นอกจากตอนเจาะเข็มซึ่งจะรู้สึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ

หลังดริปเสร็จ

หลังดริปเสร็จ จะมีการถอดสายน้ำเกลือ และตรวจดูอาการเบื้องต้น เช่น เวียนหัวหรือคลื่นไส้ (ซึ่งพบได้น้อยมาก) จากนั้นคุณสามารถกลับบ้านหรือไปทำกิจกรรมต่อได้เลย โดย ไม่ต้องพักฟื้น

ใช้เวลารวมประมาณ 1 ชั่วโมง

  • ซักประวัติ + ประเมินร่างกาย: 10–15 นาที
  • ดริปวิตามิน: 30–45 นาที
  • พักสังเกตอาการ: 5 นาที

หมอขอแนะนำเพิ่มเติมว่า… ควรเลือกทำในสถานพยาบาลที่มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแลใกล้ชิด และใช้วิตามินที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ

ดริปวิตามินบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

คำถามนี้หมอเจอบ่อยมากครับ เพราะหลายคนอยากรู้ว่า… ต้องดริปบ่อยแค่ไหนถึงจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น? แล้วต้องทำต่อเนื่องหรือเปล่า? ซึ่งความจริงแล้วคำตอบขึ้นอยู่กับ “สูตรที่ใช้” และ “สภาพร่างกายของแต่ละคน” ด้วยครับ

ดริปครั้งแรก เห็นผลเลยไหม?

สำหรับคนที่ร่างกายขาดวิตามินอย่างชัดเจน หรือมีอาการอ่อนล้า พักผ่อนน้อย จะเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นหลังดริปประมาณ 30–60 นาที โดยเฉพาะสูตรที่มีวิตามินบีรวมและแมกนีเซียม ร่างกายจะตอบสนองเร็วเป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องผิวพรรณ เช่น ผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ อาจต้องใช้เวลา 2–3 ครั้งขึ้นไป จึงจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง

ควรดริปบ่อยแค่ไหน?

โดยทั่วไป หมอจะแนะนำความถี่ตามวัตถุประสงค์ของการดริปดังนี้

  • บูสต์พลังงาน / ฟื้นฟูร่างกาย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า
  • ดูแลผิว / ผิวใส สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 4–6 สัปดาห์ จากนั้นเว้นเป็นเดือนละครั้ง
  • เสริมภูมิคุ้มกัน เดือนละ 1–2 ครั้ง ในช่วงที่ภูมิตกหรือก่อน/หลังเดินทาง
  • หลังฟื้นตัวจากเจ็บป่วย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จนกว่าจะรู้สึกแข็งแรง

หมอแนะนำว่า อย่าดริปถี่เกินความจำเป็น เพราะร่างกายมีขีดจำกัดในการดูดซึม การทำตามคำแนะนำของแพทย์ และเสริมด้วยการนอนให้พอ ดื่มน้ำเยอะๆ และทานอาหารดีๆ ร่วมด้วย จะเห็นผลชัดเจนและปลอดภัยกว่าเยอะครับ

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • ในกรณีเสริมพลังงานหรือฟื้นฟูหลังดริป ผลจะอยู่ได้ 3–7 วัน แล้วร่างกายจะเริ่มกลับสู่สภาพเดิมหากไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ
  • สำหรับสูตรผิวใส เสริมภูมิ ผลจะสะสมเรื่อยๆ หากทำต่อเนื่อง และอยู่ได้นานถึง 1–2 เดือน

IV Drip เห็นผลเรื่องอะไรบ้าง?

การดริปวิตามินไม่ได้แค่ “เติมพลัง” ชั่วคราวอย่างที่หลายคนเข้าใจนะครับ จริงๆ แล้ว IV Drip สามารถช่วยเสริมการทำงานของร่างกายได้ในหลายมิติ ทั้งผิวพรรณ ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยรวม ขึ้นอยู่กับสูตรและความต่อเนื่องในการดูแลครับ

ผิวใส ผิวดูอิ่มฟู

หนึ่งในผลลัพธ์ที่คนไข้รู้สึกได้ชัดคือ “ผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น” โดยเฉพาะสูตรที่มี กลูต้าไธโอน, วิตามินซี และ ALA ซึ่งจะช่วยลดเม็ดสีเมลานิน ต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน

  • ผิวดูชุ่มชื้นขึ้น
  • จุดด่างดำดูจางลง
  • สีผิวสม่ำเสมอขึ้น

สดชื่นขึ้น พลังงานกลับมา

คนที่พักผ่อนน้อย นอนดึก หรือทำงานหนัก จะสังเกตได้ว่าหลังดริปวิตามิน รู้สึกสมองปลอดโปร่ง สดชื่น ไม่เพลียเหมือนก่อน โดยเฉพาะสูตรที่มีวิตามินบีรวมและแมกนีเซียม จากประสบการณ์ของหมอ คนที่เคยดริปครั้งแรกมักจะพูดว่า "มันช่วยให้รู้สึกตื่นเต็มที่แบบไม่ต้องกาแฟเลยครับหมอ"

เสริมภูมิคุ้มกัน ลดการป่วยซ้ำซาก

วิตามินซีและซิงค์ใน IV Drip ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวและภูมิต้านทานตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายรับมือกับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ดีขึ้น เหมาะมากกับช่วงที่อากาศเปลี่ยน หรือหลังฟื้นตัวจากโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัด หรือโควิด-19

ดีท็อกซ์ตับ ล้างสารพิษจากภQายใน

สารสำคัญอย่าง Glutathione, NAC และ ALA มีบทบาทช่วยขับสารพิษและของเสียสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือทานยาเป็นประจำ

  • ช่วยให้ผิวใสดูสุขภาพดีจากภายใน
  • ตับทำงานได้ดีขึ้น
  • ลดภาวะอ่อนล้าเรื้อรังจากของเสียสะสม

ลดสิวและการอักเสบของผิว

สูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือสิวเรื้อรังจะมี Zinc, วิตามินบี6 และวิตามินซี ช่วยลดการอักเสบของต่อมไขมัน ลดการเกิดสิวอักเสบ และช่วยให้รอยแดงดูจางไวขึ้น เหมาะกับคนที่ลองรักษาหลายอย่างแล้วไม่เห็นผลชั

ผลข้างเคียงของ IV Drip มีอะไรบ้าง?

แม้ว่า IV Drip จะถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า เป็นการให้สารต่างๆ เข้าสู่ร่างกายทางหลอดเลือดโดยตรง ดังนั้นจึงมีข้อควรระวัง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือร่างกายไวต่อสารบางชนิดครับ

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ (แต่อาการไม่รุนแรงและพบน้อย)

  • เวียนศีรษะ หรือรู้สึกวิงเวียน โดยเฉพาะถ้าดริปเร็วเกินไป หรือผู้รับบริการมีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว หมอแนะนำให้ดื่มน้ำก่อนทำ และแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากรู้สึกผิดปกติ
  • คลื่นไส้หรือแน่นหน้าอก อาจเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อปริมาณวิตามินที่ได้รับรวดเร็ว
  • รอยฟกช้ำ หรือปวดบริเวณที่เจาะเข็ม เป็นผลจากการเจาะเส้นที่อาจกระทบหลอดเลือดเล็กๆ (พบได้บ้างแต่หายเองภายใน 1-2 วัน)

กรณีที่ไม่ควรดริปวิตามิน (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)

  • ผู้ที่เป็นโรคไต หรือโรคตับรุนแรง เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงในการกำจัดสารส่วนเกินออกจากร่างกายได้ไม่ดี
  • ผู้ที่แพ้วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี กลูต้าไธโอน หรือสารกันเสียในสูตร
  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้บางสูตรอาจปลอดภัย แต่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางก่อนเสมอ
  • คนที่มีประวัติช็อกจากการแพ้ยา หรือภาวะภูมิไวเกิน

การดริปวิตามินควรทำ ในสถานพยาบาลที่มีแพทย์ดูแล และตรวจสอบประวัติการแพ้หรือโรคประจำตัวก่อนทุกครั้ง รวมถึง เลือกวิตามินที่มีมาตรฐาน ปลอดเชื้อ และผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย.

IV Drip ราคาเท่าไหร่?

ราคาของ IV Drip จะแตกต่างกันไปตามสูตรที่เลือก ปริมาณวิตามิน และมาตรฐานของสถานที่ให้บริการ

ประเภทราคาโดยประมาณต่อครั้ง
Skin Bright (โปรแกรมผิวกระจ่างใส)990 บาท
Immune Booster (โปรแกรมเพิ่มภูมิต้านทาน บำรุงระบบประสาท)1,490 บาท
Liver Detox (โปรแกรมขับสารพิษ บำรุงตับ)1,490 บาท

หมายเหตุ: ราคานี้เป็นเพียงค่าเฉลี่ยในคลินิกทั่วไป อาจมีความแตกต่างตามชื่อเสียงของสถานพยาบาล ปริมาณวิตามิน และบริการเสริมต่างๆ

ปัจจัยที่ทำให้ราคาต่างกัน

  • สูตรและปริมาณวิตามิน: บางสูตรต้องใช้สารเข้มข้น หรือผสมหลายชนิดในขวดเดียว
  • คุณภาพของวิตามิน: วิตามินนำเข้า หรือกลูต้าระดับ medical-grade ราคาจะสูงกว่าทั่วไป
  • สถานที่ให้บริการ: คลินิกที่มีแพทย์ดูแลใกล้ชิด และบริการแบบ premium ราคาจะสูงกว่าคลินิกทั่วไป
  • ความสะอาดและมาตรฐานความปลอดภัย: มีค่าใช้จ่ายในการควบคุมการติดเชื้อและการจัดการของเสียทางการแพทย์

การเลือกดริปวิตามิน อย่ามองแค่ราคาถูกที่สุด แต่ควรคำนึงถึง

  • ความน่าเชื่อถือของคลินิก
  • การมีแพทย์ประเมินก่อนทำ
  • วิตามินที่ใช้ต้องมี อย. และแหล่งที่มาชัดเจน

บางครั้งการยอมจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ย่อมคุ้มค่ากว่าครับ

IV Drip ของแท้ ปลอดภัย ดูยังไง?

เพราะในปัจจุบันมีคลินิกและสถานเสริมความงามหลายแห่งที่ให้บริการ IV Drip ในราคาที่แตกต่างกันมาก จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องรู้ว่า วิธีตรวจสอบความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของบริการนั้นดูจากอะไรบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั้งจากการติดเชื้อ การแพ้ หรือการได้รับสารปลอมปนครับ

ต้องมีแพทย์ตรวจประเมินก่อนทุกครั้ง

  • การดริปวิตามิน ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีใบอนุญาต
  • แพทย์จะเป็นผู้ประเมินสูตรที่เหมาะกับคุณ ตรวจสอบประวัติการแพ้ และภาวะสุขภาพพื้นฐาน

หากคลินิกใดไม่มีแพทย์ให้คำปรึกษา หรือปล่อยให้ผู้ช่วยเจาะน้ำเกลือเองโดยไม่มีการประเมินก่อน ควรหลีกเลี่ยงทันทีครับ

วิตามินต้องมีแหล่งที่มาชัดเจน

  • วิตามินที่ใช้ควรมี เลข อย. และสามารถตรวจสอบแหล่งนำเข้าได้
  • กลูต้าไธโอน หรือวิตามินซีที่เป็น เกรด Medical Use จะมีฉลากชัดเจน พร้อมวันหมดอายุ
  • ขวดวิตามินต้องถูกเปิดต่อหน้า และไม่ควรนำมาใช้ซ้ำ

อุปกรณ์ต้องปลอดเชื้อ ใช้ครั้งเดียว

  • สายน้ำเกลือ, เข็ม, และอุปกรณ์ทั้งหมดควรเป็นแบบ ใช้แล้วทิ้ง
  • ต้องมีการเปิดอุปกรณ์ใหม่ต่อหน้าผู้รับบริการเสมอ
  • คลินิกควรมีระบบจัดการของเสียทางการแพทย์อย่างถูกต้อง

คลินิกต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข

  • ตรวจสอบได้จากใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล (อยู่บริเวณหน้าคลินิก)
  • ดูชื่อแพทย์ประจำคลินิก และเลขใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภา
  • ถ้าเป็นคลินิกที่อยู่ในห้างหรือทำเลใหญ่ ไม่เท่ากับปลอดภัยเสมอไป ต้องดูที่เอกสารประกอบด้วยครับ

อย่าหลงเชื่อโปรโมชันที่ถูกมากเกินไป เพราะวิตามินแท้ และปลอดเชื้อจริงๆ มีต้นทุน และอย่าลืมสอบถามข้อมูลเสมอ เช่น “วิตามินตัวนี้ยี่ห้ออะไร?”, “มี อย. ไหม?”, “ขอถ่ายรูปขวดไว้ได้ไหม?” ถ้าคลินิกมั่นใจในคุณภาพ จะตอบได้อย่างเปิดเผยแน่นอนครับ

บทสรุป

IV Drip คือการให้วิตามินผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้เต็มที่ เห็นผลเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่พักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนล้า หรือมีปัญหาผิวพรรณเรื้อรัง โดยสามารถเลือกสูตรได้หลากหลายตามเป้าหมาย เช่น ผิวใส เสริมภูมิคุ้มกัน หรือฟื้นฟูพลังงาน การดริปควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ ใช้สารที่มี อย. และอุปกรณ์ปลอดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา