Smooth F[mH 1080X1920 5Smooth Cover Web Smooth 1177X1460 9

Sylfirm X Plus หน้าใสไร้รูขุมขน หมดปัญหาหลุมสิว

หลายคนกำลังเผชิญกับปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวหน้าไม่เรียบเนียนอยู่หรือเปล่าครับ? ถึงเวลาบอกลาทุกปัญหาผิวเหล่านี้ด้วย Sylfirm X Plus เทคโนโลยีที่ ช่วยฟื้นฟูผิวจากระดับลึก ให้ผิวหน้าใสกระจ่าง รูขุมขนกระชับ หลุมสิวดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

ใครอยากมีผิวสวยสุขภาพดีแบบธรรมชาติ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Sylfirm X Plus อย่างละเอียด ทั้งหลักการทำงาน จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ รวมถึงผลลัพธ์ว่าดีจริงหรือไม่ เหมาะกับใคร? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? รวมทุกคำตอบไว้ให้ครบในที่เดียว

สารบัญ hide

Sylfirm X Plus คืออะไร?

Sylfirm X Plus คือเทคโนโลยี RF Microneedling รุ่นล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การรักษาปัญหาผิวเรื้อรังที่ซับซ้อน เช่น ฝ้า กระลึก เส้นเลือดฝอย รอยแดง ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และผิวขาดความกระชับ ในระดับเซลล์ผิว โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน

เทคโนโลยีนี้ถือเป็น “Medical-Grade Aesthetic Device” ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Sylfirm X รุ่นแรก เพิ่มความแม่นยำในการรักษา พร้อมรองรับการใช้งานแบบ Multi-Treatment ทั้งในคลินิกความงามและแพทย์ผิวหนัง โดยได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น US FDA, KFDA และมีงานวิจัยทางคลินิกรองรับมากกว่า 25 ฉบับทั่วโลก

จุดเด่น Sylfirm X Plus

  • สามารถรักษาปัญหาผิวที่ "เครื่องมือทั่วไปเอาไม่อยู่" เช่น ฝ้าลึก เส้นเลือดฝอย และ Post-Acne Redness
  • เจาะจงลงลึกเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา โดยไม่กระทบเนื้อเยื่อรอบข้าง
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดรอยดำหรือแผลจากพลังงานความร้อน
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหาเรื้อรัง

5 เหตุผลทำไมคลินิกความงามถึงนิยมใช้ Sylfirm X Plus

Sylfirm X Plus กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่คลินิกความงามระดับพรีเมียมทั่วโลกเลือกใช้ ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่แค่ “ให้ผลลัพธ์ที่ดี” เท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้ให้บริการและความคาดหวังของลูกค้าได้แบบรอบด้าน ซึ่งประกอบไปด้วยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

  • เครื่องมือระดับ Medical Grade ที่รักษาได้ “เฉพาะจุด” และ “ตรงจุด” Sylfirm X Plus โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Targeted RF Therapy ที่สามารถส่งพลังงานไปยังจุดที่มีปัญหาจริง ๆ เช่น เส้นเลือดฝอย ฝ้าเม็ดลึก หรือชั้นคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ โดยไม่กระทบเนื้อเยื่อรอบข้าง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้แพทย์สามารถ “รักษาเฉพาะบุคคล” ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
  • ลดผลข้างเคียงและ Downtime ได้อย่างชัดเจน หนึ่งใน Pain Point ของเครื่องมือกลุ่ม RF และเลเซอร์แบบเดิม คืออาการบวม แดง หรือเกิดแผลหลังทำ แต่ Sylfirm X Plus ใช้เข็มเคลือบทองชนิดพิเศษ (Gold-Plated Micro-Needle) ที่ไม่ฉนวน (Non-Insulated) ทำให้พลังงานลงได้ลึกและกระจายสม่ำเสมอ ส่งผลให้อาการข้างเคียงน้อยมากจนแทบไม่ต้องพักฟื้น
  • ตอบโจทย์หลายปัญหาผิวในเครื่องเดียว คลินิกความงามชั้นนำมองว่า Sylfirm X Plus คือเครื่องมือแบบ “All-in-One” ที่สามารถใช้ได้กับหลากหลายเคส ทั้งผิวแพ้ง่าย ฝ้า กระลึก ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และแม้กระทั่งรอยแดงจากสิวหรือเส้นเลือดฝอย ทำให้ลดภาระการลงทุนซื้อหลายเครื่อง และจัดโปรแกรมรักษาที่ออกแบบได้หลากหลาย
  • มีงานวิจัยและการรับรองรองรับจริง เครื่อง Sylfirm X Plus ไม่ได้แค่ “น่าเชื่อถือในเชิงการตลาด” แต่ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมากกว่า 25 ฉบับ รวมถึงได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น US FDA, CE, KFDA จึงสร้างความมั่นใจให้ทั้งแพทย์และผู้บริโภคได้มากกว่าการอ้างอิงทั่วไป
  • เพิ่มความพรีเมียมให้กับแบรนด์คลินิก สำหรับคลินิกที่เน้นความเชื่อมั่นและความแตกต่าง เครื่อง Sylfirm X Plus กลายเป็น “ตัวช่วยเพิ่มมูลค่าบริการ” เพราะเป็นที่รู้จักในวงการ และลูกค้ากลุ่มคุณภาพมักมี Awareness เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อยู่แล้ว เมื่อลูกค้าเห็นว่าใช้เครื่องนี้ เชื่อมั่น พร้อมจ่ายในราคาสูงขึ้น

Sylfirm X Plus ทำงานอย่างไร?

Sylfirm X Plus ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของวงการความงามระดับการแพทย์ ซึ่งรวมคลื่นพลังงานและการกระตุ้นผิวลึกในระดับเซลล์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้ง “ผิวสวยใส” และ “สุขภาพผิวแข็งแรงจากภายใน” โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน หัวใจของเครื่องนี้อยู่ที่ 3 เทคโนโลยีหลัก ซึ่งทำงานประสานกันแบบเรียลไทม์

1. Dual Wave RF: ผสานพลังงาน 2 รูปแบบในเครื่องเดียว

จุดเด่นของ Sylfirm X Plus คือการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) แบบ สองคลื่นพร้อมกัน ได้แก่

  • Pulsed Wave (PW): คลื่นพลังงานแบบพัลส์ ที่ปล่อยออกมาเป็นจังหวะ เพื่อฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด เช่น เส้นเลือดฝอย ฝ้า และรอยแดงแบบปลอดภัย
  • Continuous Wave (CW): คลื่นพลังงานต่อเนื่อง ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างลึกซึ้ง เหมาะสำหรับยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย

Dual Wave RF นี้ช่วยให้แพทย์สามารถ “ปรับแต่งค่าพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละคน” ได้แบบ real-time ทำให้ได้ผลลัพธ์แบบ Personalized จริง ๆ

2. เข็ม Non-Insulated Gold-Plated: ลดแผล กระจายพลังงานลึกแบบแม่นยำ

อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือการใช้หัวเข็มทอง เคลือบทอง (Gold-Plated) แบบ ไม่มีฉนวน (Non-Insulated) ซึ่งแตกต่างจากเข็มทั่วไปในท้องตลาด

  • เข็มประเภทนี้สามารถปล่อยพลังงานตลอดทั้งลำเข็ม ไม่ใช่แค่ปลาย ทำให้พลังงาน กระจายสม่ำเสมอทุกชั้นผิว
  • ลดโอกาสเกิดจุดไหม้ จุดร้อน หรือแผลพุพองหลังทำ
  • เหมาะกับคนผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย เพราะเน้นความแม่นยำและอ่อนโยน

2. เข็ม Non-Insulated Gold-Plated: ลดแผล กระจายพลังงานลึกแบบแม่นยำ

อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือการใช้หัวเข็มทอง เคลือบทอง (Gold-Plated) แบบ ไม่มีฉนวน (Non-Insulated) ซึ่งแตกต่างจากเข็มทั่วไปในท้องตลาด

  • เข็มประเภทนี้สามารถปล่อยพลังงานตลอดทั้งลำเข็ม ไม่ใช่แค่ปลาย ทำให้พลังงาน กระจายสม่ำเสมอทุกชั้นผิว
  • ลดโอกาสเกิดจุดไหม้ จุดร้อน หรือแผลพุพองหลังทำ
  • เหมาะกับคนผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย เพราะเน้นความแม่นยำและอ่อนโยน

3. Targeted Therapy 300μm: ลงลึกได้ตรงเป้าหมาย โดยไม่ทำลายผิวรอบข้าง

Sylfirm X Plus ใช้เทคโนโลยีการยิงพลังงานลงลึกในระดับ 300 ไมครอน (μm) ซึ่งเป็นระดับที่งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่าเป็น “จุดเรื้อรังของปัญหาผิว” เช่น

  • เม็ดสีเมลานินที่ก่อให้เกิดฝ้า
  • เส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง
  • การสะสมของคอลลาเจนเก่าที่เสื่อมสภาพ

การยิงพลังงานแบบเฉพาะจุด (Focal RF Delivery) นี้ ช่วยรักษาเฉพาะจุดที่มีปัญหา โดยไม่กระทบต่อผิวดีรอบข้าง

Sylfirm X Plus แตกต่างจาก RF Microneedling ทั่วไปอย่างไร?

แม้ว่า Sylfirm X Plus จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ “RF Microneedling” แต่ความสามารถและผลลัพธ์ที่ได้ แตกต่างจากเครื่อง RF ทั่วไปอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี กลไกการทำงาน และประสิทธิภาพในการรักษาปัญหาผิวลึก

หากคุณเคยรู้จักหรือเคยทำ RF Microneedling รุ่นอื่นมาก่อน เช่น Morpheus8, Secret RF, Infini RF ฯลฯ นี่คือข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่า ทำไม Sylfirm X Plus ถึงเหนือกว่าในหลายด้าน

  1. เทคโนโลยี Dual Wave RF ที่ “เจาะจงปัญหา” ได้ดีกว่า
    • เครื่องทั่วไป: ใช้ RF แบบ Continuous กระตุ้นคอลลาเจน แต่ไม่สามารถจัดการกับปัญหาเฉพาะอย่างฝ้า รอยแดง หรือเส้นเลือดฝอยได้ดีนัก
    • Sylfirm X Plus: ผสานทั้ง Pulsed RF + Continuous RF ช่วยรักษาปัญหาเม็ดสี เส้นเลือด และฟื้นฟูผิวได้พร้อมกันแบบเฉพาะเจาะจง
  2. ปล่อยพลังงานแบบ Targeted Therapy ไม่ทำร้ายผิวดีรอบข้าง
    • เครื่องทั่วไป: มักปล่อยพลังงานกระจายกว้าง มีโอกาสเกิดรอยไหม้หรือจุดร้อนในบางจุด
    • Sylfirm X Plus: ใช้ Targeted RF 300μm ปล่อยพลังงานเฉพาะจุดลึกที่มีปัญหา ลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือ PIH (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
  3. เข็ม Non-Insulated เคลือบทอง → แผลน้อยกว่า ฟื้นตัวไวกว่า
    • เครื่องทั่วไป: มักใช้เข็มแบบ insulated หรือ metal needle ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้พลังงานไม่สม่ำเสมอ
    • Sylfirm X Plus: ใช้เข็มทอง Non-Insulated Gold-Plated Needle ให้พลังงานทั่วทั้งเข็ม ฟื้นตัวไวกว่า ปลอดภัยกับผิวแพ้ง่าย
  4. รองรับการรักษาปัญหา "ที่เครื่องทั่วไปทำไม่ได้"
    • ฝ้าลึก (Melasma)
    • เส้นเลือดฝอย หรือรอยแดงเรื้อรัง
    • ผิวบาง แพ้ง่าย ไม่สามารถใช้เลเซอร์แรง ๆ ได้
    • รอยแดงหลังสิวที่ไม่จาง
  5. ปรับแต่งค่าพลังงานได้แม่นยำระดับแพทย์เฉพาะบุคคล
    • เครื่องทั่วไป: มีพารามิเตอร์จำกัด ปรับได้เพียงไม่กี่ระดับ
    • Sylfirm X Plus: ปรับความลึก, ความแรง, รูปแบบพลังงานได้ละเอียด แพทย์สามารถ “customize” โปรแกรมการรักษาได้ตามสภาพผิวของแต่ละคนจริง ๆ

เปรียบเทียบ Sylfirm X กับ Sylfirm X Plus ต่างกันอย่างไร?

  1. จำนวนระดับพลังงาน (Energy Level Control)
    • Sylfirm X: มีระดับพลังงานให้เลือกใช้น้อยกว่า ปรับละเอียดได้ไม่มาก
    • Sylfirm X Plus: ปรับพลังงานได้ละเอียดมากขึ้น ช่วยให้แพทย์ Customize การรักษาได้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม เหมาะกับทุกสภาพผิว
  2. ประสิทธิภาพการส่งพลังงาน (Pulse Consistency & Stability)
    • Sylfirm X: พลังงานยังมีความผันผวนบางระดับ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานต่อเนื่อ
    • Sylfirm X Plus: เพิ่มเทคโนโลยีควบคุมคลื่นแบบเสถียร (Stable Pulse Delivery) ทำให้พลังงานลงผิวสม่ำเสมอทุก shot ลดโอกาสเกิดจุดร้อน
  3. การรองรับโปรแกรมรักษาแบบขั้นสูง (Advanced Protocols)
    • Sylfirm X: ใช้ได้กับโปรโตคอลมาตรฐาน เช่น ฝ้า ริ้วรอย
    • Sylfirm X Plus: เพิ่มความสามารถรองรับโปรแกรมผสม (Combo Treatment) เช่น รักษาร่วมกับ PRP / สเต็มเซลล์ ใช้คู่กับเลเซอร์หรือ HIFU ได้อย่างปลอดภัย
  4. เวลาในการรักษาสั้นลง แต่ครอบคลุมมากขึ้น
    • Sylfirm X Plus มี โหมด Smart RF Delivery ที่ช่วยลดเวลาในการยิงต่อบริเวณ ช่วยให้การรักษาทำได้เร็วขึ้นในขณะที่ครอบคลุมพื้นที่เท่าเดิม เหมาะกับคนที่ต้องการ “ผลลัพธ์เร็ว แต่ไม่มีเวลานั่งทำหัตถการนาน”
  5. ผลลัพธ์ทางคลินิกและความพึงพอใจจากผู้ใช้
    • Sylfirm X: ผลลัพธ์ดีในเรื่องฝ้า กระ รูขุมขน
    • Sylfirm X Plus: ผลลัพธ์เห็นได้เร็วกว่า และจัดการกับ “เคสยาก” อย่างฝ้าเมลาสมาลึก, เส้นเลือดฝอย และรอยแดงเรื้อรัง ได้ชัดเจนกว่าเดิม
เปรียบเทียบSylfirm XSylfirm X Plus
ปรับพลังงานระดับมาตรฐานปรับละเอียดสูง
ความเสถียรของพลังงานปานกลางสูงมาก
โปรแกรมเสริมจำกัดรองรับโปรโตคอลขั้นสูง
เวลาในการทำนานกว่าเร็วขึ้น
เคสยาก/เรื้อรังพอใช้ได้จัดการได้ดีกว่า

Sylfirm X Plus ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

จริงๆ แล้วเวลาพูดถึง Sylfirm X Plus หลายคนอาจนึกถึงแค่เรื่อง “ยกกระชับผิว” หรือ “ลดริ้วรอย” เป็นหลัก แต่ในทางการแพทย์ ความสามารถของเครื่องนี้ไปไกลกว่านั้นมาก เพราะเทคโนโลยี RF Microneedling แบบ Dual Wave ที่ใช้ใน Sylfirm X Plus ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่ “ลึก-เรื้อรัง-ซับซ้อน” โดยเฉพาะ ซึ่งหัตถการหรือเครื่องมือทั่วไปมักเข้าไม่ถึงครับ
จากประสบการณ์ที่หมอใช้เครื่องนี้กับคนไข้มา จะเห็นผลได้ชัดใน 5 กลุ่มปัญหาหลัก ดังนี้ครับ

1. ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ อย่างไร?

หนึ่งในความสามารถเฉพาะตัวของ Sylfirm X Plus คือการจัดการ “เม็ดสีผิดปกติ” โดยเฉพาะฝ้าแบบ Melasma ที่ลึกและดื้อต่อเลเซอร์ทั่วไป

  • พลังงาน Pulsed RF ที่ปล่อยเป็นจังหวะจะไปช่วยลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ที่มากเกินไป
  • การลงพลังงานเฉพาะจุดที่ระดับ 300μm ทำให้เข้าถึงเม็ดสีผิดปกติโดยไม่กระทบผิวรอบข้าง
  • ลดการอักเสบของผิวร่วมด้วย จึงเหมาะกับฝ้าแบบ vascular ที่มีเส้นเลือดฝอยร่วมด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้คือ ฝ้าดูจางลง สีผิวสม่ำเสมอขึ้นโดยไม่ทำให้ผิวบางหรือเสี่ยง PIH แบบเลเซอร์แรงๆ

2. กระชับรูขุมขนและลดริ้วรอยได้ยังไง?

เทคโนโลยี Continuous RF ที่ส่งพลังงานลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และ SMAS ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างเป็นธรรมชาติ

  • ผิวแน่นขึ้นจากภายใน ทำให้รูขุมขนกระชับ
  • ริ้วรอยตื้นดูจางลง โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม และหน้าผาก
  • ผิวเรียบเนียนขึ้นแบบไม่ต้องพักฟื้น

ต่างจากเลเซอร์ที่เน้นผลลัพธ์เฉพาะจุด Sylfirm X Plus ให้ผล “ทั่วผิว” แบบที่เรียกว่าผิวฟู Glow Up ครับ

3. ลดรอยแดงและเส้นเลือดฝอยบนหน้าได้จริงไหม?

สำหรับเคสที่มีเส้นเลือดฝอย หรือรอยแดงหลังสิวที่ไม่หายสักที Sylfirm X Plus เป็นเครื่องมือหนึ่งเดียวในกลุ่ม RF Microneedling ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหานี้โดยเฉพาะ

  • Pulsed RF มีคุณสมบัติช่วย “หดตัวของเส้นเลือดฝอยผิดปกติ” โดยไม่ทำลายผิวด้านบน
  • ลดการอักเสบเรื้อรังใต้ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรอยแดงหลังสิวหรือ Rosacea บางชนิด

จุดนี้เครื่องเลเซอร์บางตัวอาจทำให้แย่ลงถ้าใช้ผิดวิธี แต่ Sylfirm X Plus กลับให้ผลในเชิงสมานผิวและลดความระคายเคืองได้ดี

4. ฟื้นฟูผิวจากแดดและมลภาวะอย่างไร?

ผิวที่ผ่านแดด ฝุ่น ควัน หรือ Blue Light จากหน้าจอจะมีอาการอ่อนล้า เซลล์ผิวทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผิวหมองและขาดความยืดหยุ่น

  • Sylfirm X Plus ช่วย “รีเซ็ตการทำงานของเซลล์ผิว” ผ่านการกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้สร้างโปรตีนผิวใหม่
  • เพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิว ทำให้ผิวทนต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ดีขึ้น

หมอเรียกการรักษานี้ว่าเป็นการ “ฟื้นฟูผิวเชิงลึก” ไม่ใช่แค่การผลัดเซลล์ผิวแบบทั่วไป

5. ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้ไหม?

แน่นอนครับ โดยเฉพาะเคสที่มี “สีผิวไม่เท่ากัน” จากการอักเสบ, รอยสิวเก่า, ฝ้ากระบางจุด Sylfirm X Plus ช่วยให้สีผิวดูกลมกลืนขึ้นได้จริง

  • ด้วยการลดเม็ดสีใต้ผิวที่กระจายไม่สม่ำเสมอ
  • กระตุ้นการไหลเวียนเลือดในชั้นหนังแท้ให้ดีขึ้น ทำให้ผิวดูใส เปล่งปลั่งขึ้นในภาพรวม

Sylfirm X Plus เหมาะกับใครบ้าง?

จริงๆ แล้ว Sylfirm X Plus เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิวและทุกช่วงวัยก็ว่าได้ครับ เพราะความสามารถในการ “ปรับแต่งค่าการรักษาได้ละเอียดมาก” ทำให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคนแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ถ้าให้จำแนกชัดเจนตามกลุ่มปัญหาและลักษณะผิว จะสามารถแบ่งผู้ที่เหมาะสมกับการทำ Sylfirm X Plus ได้ดังนี้ครับ

ใครควรทำ Sylfirm X Plus

  • คนที่มีปัญหาฝ้าเรื้อรัง กระลึก รอยแดง รอยดำหลังสิว โดยเฉพาะเคสที่รักษามาหลายวิธีแล้วไม่เห็นผลชัด Sylfirm X Plus จะช่วย “จัดการลึกถึงต้นตอ” โดยไม่ทำให้ผิวบางลง
  • คนที่ผิวแพ้ง่าย แต่ต้องการการฟื้นฟูที่ลึกกว่า skincare ทั่วไป ด้วยเทคโนโลยี Targeted RF ที่ไม่ทำลายผิวชั้นบน และใช้เข็มเคลือบทอง Non-Insulated จึงเหมาะกับผิวที่ไวต่อแสงหรือไวต่อการระคายเคือง
  • ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของวัย เช่น รูขุมขนกว้าง ผิวไม่กระชับ ริ้วรอยบางจุด เหมาะมากสำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ แต่อยากฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูสุขภาพดีแบบธรรมชาติ
  • คนที่ต้องการบำรุงผิวเชิงลึกหลังจากผ่านมลภาวะหรือแสงแดดสะสม เช่น พนักงานออฟฟิศที่เจอแสงหน้าจอทั้งวัน หรือคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง
  • ผู้ที่ต้องการผิวสว่าง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่อยากผลัดเซลล์ผิวแบบ aggressive (เช่น TCA, CO2) แต่ยังอยากให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอ

ใครไม่ควรทำ

แม้ Sylfirm X Plus จะปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ควรเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อน เช่น

  • ผู้ที่ ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่มี ประวัติโรคผิวหนังชนิดรุนแรง หรือภูมิแพ้ผิวในระดับรุนแรง เช่น ผื่นแพ้, ติดเชื้อ, เริมกำเริบ
  • ผู้ที่มี โรคเกี่ยวกับระบบเลือด การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  • ผู้ที่ มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย
  • ผู้ที่ กำลังใช้ยากลุ่ม Roaccutane หรือเพิ่งเลเซอร์แบบรุนแรงภายใน 2-4 สัปดาห์

เหมาะกับอายุเท่าไหร่?

  • เหมาะกับ อายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีสัญญาณความเสื่อมของผิว
  • ในช่วง 30-45 ปี จะเห็นผลเรื่องความยืดหยุ่น รูขุมขน ริ้วรอย ได้ชัด
  • กลุ่ม วัย 50+ ก็สามารถทำได้ โดยเน้นเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนและลดความบางของผิว ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและสุขภาพดีขึ้นครับ

เหมาะกับผิวแบบไหน?

  • ผิวแห้ง: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวอิ่มฟูขึ้น
  • ผิวมัน: ช่วยลดการอักเสบ รอยแดง และกระชับรูขุมขน
  • ผิวแพ้ง่าย: เหมาะที่สุด เพราะเป็นหัตถการที่ “ไม่ทำร้ายผิวด้านบน”
  • ผิวผสม: สามารถปรับระดับพลังงานแยกตามบริเวณได้ เช่น โซน T ใช้ต่ำกว่าโหนกแก้ม

ก่อนทำ Sylfirm X Plus ควรรู้อะไร?

เตรียมตัวก่อนทำอย่างไร?

  • งดการใช้สกินแคร์ที่ระคายเคืองก่อนทำ 3-5 วัน เช่น กลุ่มที่มีกรดผลไม้ (AHA, BHA), เรตินอล, หรือวิตามินซีความเข้มข้นสูง
  • พักผิวจากการเลเซอร์หรือหัตถการอื่นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวกลับเข้าสู่สภาวะปกติและลดโอกาสเกิดอาการไวต่อพลังงาน
  • แจ้งแพทย์หากเคยมีประวัติเป็นเริม หรือมีโรคผิวหนังประจำตัว เพราะแพทย์อาจพิจารณาให้ยาป้องกันล่วงหน้า
  • หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดอย่างน้อย 7 วันก่อนทำ เพราะผิวที่ไหม้แดดอาจมีโอกาสเกิดรอยแดงหรือระคายเคืองหลังทำสูงขึ้น
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากขึ้นในวันก่อนทำ เพื่อให้เซลล์ผิวมีความชุ่มชื้นพร้อมรับพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ห้ามทำอะไรบ้างก่อนเข้ารับบริการ?

  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดสูบบุหร่หรือใช้สารเสพติด
  • งดการขัดหน้า สครับ หรือ Dermaplaning ทุกชนิดก่อนทำ 3 วัน
  • หลีกเลี่ยงการแว็กซ์ หรือการโกนขนในบริเวณที่จะทำการรักษา

คนที่ทำเลเซอร์มาก่อนสามารถทำได้ไหม?

สามารถทำได้ครับ แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเลเซอร์ประเภทที่ทำให้ผิวลอก เช่น CO2, Erbium หรือ TCA เพราะผิวยังอยู่ในช่วงการฟื้นฟู อาจไวต่อพลังงาน RF มากกว่าปกติ

เคยฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์สามารถทำได้ไหม?

  • โบท็อกซ์: แนะนำให้เว้น 5-7 วันก่อนทำ Sylfirm X Plus
  • ฟิลเลอร์: ควรเว้นอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่จะทำ เพราะแม้พลังงาน RF จะไม่ได้ทำลายฟิลเลอร์โดยตรง แต่การกระตุ้นความร้อนอาจมีผลต่อโมเลกุลของสารเติมเต็มบางชนิดได้

ขั้นตอนการทำ Sylfirm X Plus

  1. ลงทะเบียนและพบแพทย์ ประเมินสภาพผิว พูดคุยถึงปัญหาและความคาดหวัง เพื่อออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล
  2. ทำความสะอาดใบหน้า เช็ดเครื่องสำอาง ความมัน และสิ่งสกปรกออกให้หมด
  3. ทายาชา ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ผิวชาและสบายขณะทำ
  4. เริ่มทำหัตถการ แพทย์จะใช้หัวเข็มยิงพลังงานตามแนวที่วางแผนไว้ โดยปรับค่าพลังงาน, ความลึก, และความถี่ให้เหมาะกับแต่ละจุดของใบหน้า
  5. ทา soothing cream หรือมาสก์ลดอาการ หลังทำจะมีการดูแลผิวทันทีเพื่อลดอาการแดงและปลอบประโลมผิว
  6. แนะนำการดูแลหลังทำ หมอหรือพนักงานจะอธิบายวิธีดูแลตัวเองที่บ้าน และกำหนดนัดติดตามผล (ถ้ามี)

ใช้เวลาทำนานไหม?

โดยทั่วไป ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ทำ เช่น ถ้าทำแค่บริเวณหน้าแก้มหรือใต้ตา อาจใช้เวลาเพียง 30 นาที แต่ถ้าทำทั้งหน้า + คอ ก็อาจใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย

ระหว่างทำรู้สึกยังไง?

ความรู้สึกขณะทำจะคล้าย “เข็มเล็กๆ จิ้มลงผิว พร้อมกับความอุ่นจากคลื่น RF” ซึ่งในบางบริเวณที่ผิวบางหรือไว อาจรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วอยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่ “ทนได้” ครับ

หมอจะค่อยๆ ปรับพลังงานให้เหมาะกับแต่ละคน หากรู้สึกไม่สบายสามารถแจ้งได้ทันที เราสามารถลดระดับหรือพักระหว่างทำได้เสมอ

ต้องใช้ยาชาไหม?

ต้องใช้ครับ เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายที่สุด เราจะทายาชาก่อนทำประมาณ 30-45 นาที ซึ่งช่วยลดความรู้สึกระหว่างยิงได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเคสที่ทำบริเวณกว้างหรือคนที่ผิวไวต่อความรู้สึก

หลังทำ Sylfirm X Plus ต้องดูแลอย่างไร?

แม้ Sylfirm X Plus จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นและไม่ทำให้ผิวลอกเหมือนเลเซอร์บางประเภท แต่การดูแลผิวหลังทำก็มีความสำคัญมากเช่นกันครับ เพราะจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และยืดอายุของผลลัพธ์ให้นานขึ้น

จากประสบการณ์ของหมอ คนไข้ที่ดูแลตัวเองดีหลังทำ มักจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและผิวแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ

ต้องพักฟื้นกี่วัน?

โดยทั่วไป ไม่ต้องพักฟื้น ครับ อาจมีอาการแดงเล็กน้อยทันทีหลังทำในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือร่องแก้ม ซึ่งจะหายภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือสูงสุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง

บางรายอาจมีรอยเข็มเล็กๆ หรือรู้สึกผิวแห้งระคายเล็กน้อย ซึ่งสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ห้ามทำอะไรบ้างหลังทำ?

เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียง หมอแนะนำให้

  • งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจัดหรือสครับผิว 24 ชั่วโมง
  • งดแต่งหน้าหนักหรือใช้รองพื้นใน 24 ชั่วโมงแรก
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ซาวน่า หรืออบไอน้ำ 2-3 วัน
  • งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 1 วันแรก
  • อย่าแกะ เกา หรือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น

ต้องเว้นกี่วันก่อนแต่งหน้า?

แนะนำให้ เว้นการแต่งหน้า 24 ชั่วโมงแรก หลังทำ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวโดยไม่มีสิ่งปกคลุมหรืออุดตันรูขุมขน

หลังจากนั้นสามารถกลับมาแต่งหน้าได้ตามปกติครับ โดยควรใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนและไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์สูงในช่วง 3-5 วันแรก

ใช้สกินแคร์แบบไหนได้?

หลังทำ Sylfirm X Plus หมอแนะนำให้เน้นสกินแคร์ที่ช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะผิว

  • กลุ่มที่มี Niacinamide, Hyaluronic Acid หรือ Ceramide เพื่อเติมน้ำให้ผิวและลดการระคายเคือง
  • ครีมบำรุงเนื้อบางเบา ไม่ใส่น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
  • สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์และกันแดดได้ตั้งแต่วันที่ 2

งดใช้สกินแคร์ที่มี AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C ความเข้มข้นสูง ประมาณ 5-7 วัน

ควรหลีกเลี่ยงแดดกี่วัน?

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดอย่างน้อย 7 วัน
  • ใช้ ครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ ทุกวัน แม้ไม่ได้ออกแดดโดยตรง
  • ใส่หมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องออกกลางแจ้ง เพื่อป้องกันการกระตุ้นเม็ดสี

อาหารหรือไลฟ์สไตล์ที่ควรปรับ

  • ดื่มน้ำมากขึ้นในช่วง 3-5 วันแรก ช่วยให้เซลล์ผิวฟื้นตัวเร็ว
  • งดแอลกอฮอล์ 2-3 วันแรกหลังทำ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับมีผลต่อการซ่อมแซมผิว
  • งดอาหารรสจัดหรือของหมักดองถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย

ผลลัพธ์หลังทำ Sylfirm X Plus

เห็นผลครั้งแรกเมื่อไหร่?

  • ผลลัพธ์แรกจะเริ่มเห็นได้ภายใน 3-7 วัน โดยเฉพาะเรื่อง “ผิวเนียนกระชับขึ้น รูขุมขนกระชับ” และ “ผิวดูฟูขึ้นแบบสุขภาพดี”
  • รอยแดง รอยสิวบางจุดจะเริ่มลดลงในช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • ฝ้าและกระลึกจะเริ่มจางลงช้าๆ ในช่วง สัปดาห์ที่ 2-4
  • ควรทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
  • สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูทั่วไป เช่น รูขุมขน ริ้วรอย รูปหน้าไม่ชัด: แนะนำ 2-3 ครั้ง ห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์
  • ในเคสฝ้าเมลาสมา หรือรอยแดงเรื้อรัง: อาจต้องทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง เพื่อให้พลังงานลงได้ลึกและคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และจะ
  • ต้องประเมินร่วมกับแพทย์ผู้ดูแล

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • เมื่อทำครบตามจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ 6-12 เดือน โดยเฉพาะความกระชับผิวและริ้วรอยจะค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่องจากการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • เคสที่ดูแลตัวเองดี เช่น ทากันแดด พักผ่อนเพียงพอ ไม่สูบบุหรี่ มักจะเห็นผลได้นานและชัดเจนกว่าคนทั่วไป
  • ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้หลังทำ Sylfirm X Plus
  • ผิวดูแน่น ฟู อิ่มน้ำขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • จุดด่างดำ ฝ้าบางลง สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
  • รูขุมขนบริเวณแก้มและจมูกกระชับขึ้น
  • รอยแดงจากสิว หรือเส้นเลือดฝอยจางลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ผิวดูสุขภาพดีขึ้นแม้ไม่ได้แต่งหน้า

Sylfirm X Plus เจ็บไหม?

โดยทั่วไป Sylfirm X Plus ถือว่า เจ็บน้อยกว่าการทำ Microneedling แบบเดิม (เช่น Dermapen หรือ RF ที่ไม่มีระบบควบคุมพลังงาน) เหตุผลที่เจ็บน้อยกว่า
  • ใช้ เข็มเคลือบทองแบบ Non-Insulated ที่มีขนาดเล็กและส่งพลังงานได้สม่ำเสมอ ลดอาการจี๊ดหรือแสบร้อน
  • มีระบบควบคุมพลังงานแบบแม่นยำ ทำให้พลังงานไม่กระจุกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง
  • ใช้เทคนิค ยิงเฉพาะจุด (Targeted Shot) ไม่ต้องยิงทั่วทั้งหน้าเหมือนเลเซอร์บางประเภท

วิธีลดความเจ็บระหว่างทำ

  1. ทายาชาก่อนทำ 30-45 นาที เป็นยาชาแบบเข้มข้นสำหรับหัตถการโดยเฉพาะ ทำให้ผิวรู้สึกชานุ่มๆ ระหว่างทำ
  2. เทคนิคการยิงแบบแบ่งโซน หมอจะไม่ยิงรวดเดียวทั่วหน้า แต่แบ่งเป็นโซนเล็กๆ เพื่อให้ผิวไม่รับพลังงานทีละมากเกินไป
  3. สื่อสารกับคนไข้ตลอดเวลา ถ้ารู้สึกไม่สบาย หมอสามารถหยุด ปรับพลังงาน หรือเปลี่ยนโหมดเป็นแบบเบาได้ทันที
  4. ประคบเย็นทันทีหลังทำ ช่วยลดอาการอุ่นหรือแดงบริเวณที่ยิงได้ดีมาก

ความรู้สึกขณะทำ

  • ส่วนใหญ่จะรู้สึกคล้าย เข็มจิ้มเบาๆ + อุ่นๆ ที่ผิว
  • ถ้าทำบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตาหรือริมปาก อาจรู้สึกจี๊ดขึ้นมาบ้าง แต่เป็นช่วงสั้น ๆ
  • เคสที่ผิวหนา เช่น แก้ม กราม มักรู้สึกเพียงเล็กน้อย และบางคนบอกว่า "แทบไม่รู้สึกอะไรเลย"

มีผลข้างเคียงหรือไม่?

อาการแดงหรือบวมหลังทำ

  • ถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อยในช่วง 1-3 ชั่วโมงแรกหลังทำ
  • โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือร่องแก้ม
  • แพทย์จะประคบเย็นและทา soothing cream ให้ทันทีหลังทำ ส่วนใหญ่จะดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น

อาการคันหรือระคายเคือง

  • พบได้ในคนผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย โดยจะรู้สึกตึงหรือคันเล็กน้อยในบางจุด
  • อาจเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูของผิว (healing response)
  • สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคือง เพื่อปลอบประโลมผิว

โอกาสเกิดรอยดำหรือรอยแดงถาวร?

  • มีโอกาสน้อยมากครับ เนื่องจาก Sylfirm X Plus ใช้เข็ม Non-Insulated Gold-Plated ที่ลดความร้อนเฉพาะจุด ไม่ทำให้ผิวไหม้หรือเกิด PIH (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) ง่ายเหมือนเลเซอร์รุ่นเก่า
  • อย่างไรก็ตาม ถ้าขาดการดูแลหลังทำ เช่น โดนแดดจัด หรือแกะเกาผิว อาจมีรอยแดงบางจุดที่หายช้าลง (แต่ไม่ถาวร)

วิธีดูแลผิวเพื่อลดผลข้างเคียง

  1. ทาครีมบำรุงที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
  2. ใช้เจลว่านหางจระเข้ หรือมาสก์ลดการอักเสบในช่วง 3 วันแรก
  3. หลีกเลี่ยงแดด และทาครีมกันแดด SPF50+ ทุกวัน
  4. งดเลเซอร์ สครับ หรือการผลัดเซลล์ผิวทุกชนิดในช่วง 7 วันหลังทำ
  5. ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

ได้ครับ และได้ผลดีมากด้วย เพราะ Sylfirm X Plus ถูกออกแบบมาให้รองรับการรักษาแบบ Multimodality หรือการ “ทำงานร่วมกับหัตถการอื่น” เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ชัดเจนและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น จากประสบการณ์ของหมอ การวางแผนแบบโปรแกรมร่วม มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผู้ที่มีปัญหาผิวหลายมิติ เช่น ฝ้าลึก + ผิวบาง + ริ้วรอย หรือคนที่ต้องการดูแลผิวแบบองค์รวมครับ

ทำคู่กับ Thermage หรือ Ultherapy ดีไหม?

  • Thermage: เน้นยกกระชับด้วยคลื่น RF แบบ Monopolar ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนลึกในแนวกว้าง
  • Ultherapy: ใช้พลังงานอัลตราซาวด์ลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกล้ามเนื้อใบหน้า
  • Sylfirm X Plus: เน้น “รายละเอียดผิว” เช่น รอยแดง ฝ้า รูขุมขน
สามารถทำร่วมกันได้ โดยวางแผนเว้นระยะประมาณ 3-4 สัปดาห์ ช่วยให้ทั้ง “โครงสร้างผิว” และ “คุณภาพผิว” ดีขึ้นพร้อมกัน

หลัง Sylfirm X Plus ฉีดเมโสได้ไหม?

ได้ครับ แนะนำเว้นประมาณ 5-7 วันหลังทำ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวก่อน แล้วจึงฉีดเมโสวิตามินบำรุงผิว หรือเมโสลดฝ้าเพิ่มเติมได้ การทำแบบนี้จะช่วยให้วิตามินซึมได้ดีขึ้นเพราะผิวเปิดรับการดูดซึมมากขึ้นจากการกระตุ้นของ RF

ทำร่วมกับเลเซอร์อื่น ๆ เช่น Pico Laser, CO2 Laser ได้ไหม?

  • Pico Laser: ช่วยลดเม็ดสี/กระฝ้า ทำร่วมได้ดีมาก โดยเว้นระยะประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนหรือหลัง
  • CO2 / Fractional Laser: เน้นผลัดเซลล์หรือฟื้นฟูรอยแผลเป็น ควรเว้น 3-4 สัปดาห์หลัง Sylfirm X Plus

ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างหัตถการ

  • หัตถการกลุ่มพลังงานสูง (Ultherapy, Thermage, CO2): ควรเว้น 3-4 สัปดาห์
  • หัตถการเบา เช่น เมโส, PRP, วิตามินผิว: เว้นประมาณ 5-7 วัน
  • หากจะทำ Sylfirm X Plus ซ้ำรอบถัดไป ควรเว้นอย่างน้อย 4 สัปดาห์

ทำคู่กับ PRP หรือ Stem Cell ดีไหม?

ดีมากครับ การทำ PRP หรือสเต็มเซลล์หลัง Sylfirm X Plus จะช่วยให้
  • ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ลดอาการแดงหรือระคายเคืองหลังทำ
  • เพิ่มการซ่อมแซมและเสริมการสร้างคอลลาเจนลึกจากภายใน
แนะนำทำ PRP ภายใน 48 ชั่วโมงหลังการทำ Sylfirm X Plus จะให้ผลดีที่สุด

คอร์สรักษาผิวแนะนำที่ทำร่วมกันเพื่อผลลัพธ์สูงสุด

สำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบต่อเนื่องและครบทุกมิติ หมอแนะนำโปรแกรม 3 ขั้นตอนแบบนี้ครับ:
  1. Ultherapy / Thermage (เดือนที่ 1) – เพื่อยกกระชับโครงสร้าง Sylfirm X Plus (เดือนที่ 2) – ฟื้นฟูคุณภาพผิวและปัญหาเฉพาะจุด
  2. PRP / Meso / Stem Cell (เดือนที่ 2-3) – บำรุงเซลล์ผิวให้แข็งแรงจากภายใน
ทำต่อเนื่องทุก 4-6 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ทั้ง “หน้าใส-ผิวแน่น-ริ้วรอยลด” แบบยั่งยืนครับ

เปรียบเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ

เวลาคนไข้ถามหมอว่า “Sylfirm X Plus ต่างจาก HIFU, Thermage หรือ Ultraformer ยังไง?” หมอมักจะยกคำว่า “ความแม่นยำ และ พลังงาน” มาใช้เปรียบเทียบง่ายๆ เพราะแต่ละเทคโนโลยีมีจุดแข็งเฉพาะตัว และเหมาะกับเคสที่ต่างกันครับ

Sylfirm X Plus vs HIFU

ประเด็น Sylfirm X Plus HIFU (เช่น Ultraformer, Doublo, Ulthera)
พลังงาน คลื่นวิทยุ RF (Pulsed + Continuous) คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง
ชั้นผิวที่รักษา ชั้นหนังแท้ตื้นถึงลึก (0.3 - 4.0 mm) ลึกถึง SMAS (4.5 mm)
จุดเด่น รักษาปัญหาเฉพาะจุด เช่น ฝ้า เส้นเลือดฝอย รอยแดง ยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า
ความรู้สึกขณะทำ เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว อาจเจ็บจี๊ดลึกๆ ชั่วขณะ
เหมาะกับ ปัญหาผิวเรื้อรัง ผิวแพ้ง่าย รอยแดง รูขุมขน ผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกรอบหน้า
หมอแนะนำ: ถ้าปัญหาคือ “ผิวไม่แข็งแรง + ฝ้า + รูขุมขน” ให้เริ่มจาก Sylfirm X Plus ก่อน แล้วค่อยเสริม HIFU หากต้องการยกกระชับเพิ่ม

Sylfirm X Plus vs Thermage

ประเด็น Sylfirm X Plus Thermage
พลังงาน RF แบบเจาะจง (Dual Wave + เข็ม) RF แบบ Monopolar (ไม่ใช้เข็ม)
การลงพลังงาน เจาะจงจุดด้วยเข็ม → ลงลึกเฉพาะที่ต้องการ กระจายทั่วบริเวณอย่างสม่ำเสมอ
จุดเด่น รักษารอยแดง รอยดำ ฝ้า + ฟื้นฟูรูขุมขน ยกกระชับแนวแก้ม กรอบหน้า ผิวตึงขึ้น
ความรู้สึก เจ็บเล็กน้อยเป็นจุด รู้สึกร้อนลึกทั่วหน้า
เหมาะกับ ปัญหาผิวหลายจุด ซับซ้อน คนที่ต้องการปรับรูปหน้าแต่ไม่อยากผ่าตัด
หมอแนะนำ: สำหรับคนที่เริ่มมีอายุ ผิวไม่ยก และมีปัญหาฝ้าร่วมด้วย → การทำ Thermage + Sylfirm X Plus จะช่วยให้ได้ผลทั้ง “โครงสร้าง” และ “คุณภาพผิว” ครับ

Sylfirm X Plus vs Ultraformer III

ประเด็น Sylfirm X Plus Ultraformer III (HIFU)
พลังงาน RF Microneedling แบบ Dual Wave HIFU
จุดเด่น ปรับผิวให้เนียน รูขุมขนเล็ก ผิวใสขึ้น ยกคิ้ว ยกแก้ม ยกคอ
ความเจ็บ เจ็บน้อยกว่า Ultraformer เจ็บในระดับปานกลาง-มาก (เฉพาะจุด)
เหมาะกับ ผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ปัญหาผิวเรื้อรัง ผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
หมอแนะนำ: ถ้าอายุยังไม่มาก และผิวเริ่มมีริ้วรอยเล็กๆ + ต้องการดู “ผิวฟูสุขภาพดี” → เริ่มที่ Sylfirm X Plus จะตอบโจทย์มากกว่าครับ

เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับสภาพผิว?

  • ผิวแพ้ง่าย ฝ้า กระ รูขุมขน รอยแดง → Sylfirm X Plus
  • หน้าหย่อน แก้มห้อย คิ้วตก กรอบหน้าไม่ชัด → Ultherapy / HIFU
  • อยากยกกระชับทั่วหน้า + ผิวแน่น → Thermage
  • อยากได้ทั้งผิวใสและยกกระชับเบาๆ → ทำร่วมกันแบบเว้นระยะ

Sylfirm X Plus ราคาเท่าไหร่?

บริเวณที่ทำ ราคาต่อครั้ง (โดยประมาณ)
ทั่วใบหน้าและลำคอ 16,990
ราคาขึ้นกับจำนวนช็อตที่ใช้ และโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เช่น ใช้ร่วมกับ PRP, Meso, หรือหัตถการเสริมอื่นๆ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sylfirm X Plus

ผู้ชายสามารถทำได้ไหม?

ได้แน่นอนครับ Sylfirm X Plus เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ชายที่มีปัญหาฝ้าแดด รูขุมขนกว้าง รอยแดงจากการโกนหนวด หรือผิวหมองคล้ำจากมลภาวะ ก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

สามารถทำได้บ่อยแค่ไหน?

  • แนะนำเว้นระยะห่าง ทุก 4-6 สัปดาห์ ต่อครั้ง
  • ในช่วงแรก (3 เดือนแรก) ควรทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง
  • หลังจากนั้นสามารถทำ ทุก 3-6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์

ใช้เวลานานไหมกว่าจะเห็นผลลัพธ์?

  • ผลลัพธ์เบื้องต้น เช่น รูขุมขนเล็กลง ผิวแน่นขึ้น จะเริ่มเห็นใน 3-7 วัน
  • ผลลัพธ์เต็มที่ เช่น ฝ้าจาง รอยแดงลด ผิวเรียบเนียน จะค่อยๆ ชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์ หลังการทำ

สรุป

Sylfirm X คือเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีไมโครนีดเดิล RF (Microneedle RF) ช่วยรักษาปัญหาผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ไปจนถึงการยกกระชับผิว โดยใช้คลื่นวิทยุผสานเข็มขนาดเล็กมากกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ปลอดภัย เห็นผลเร็ว และไม่ต้องพักฟื้นนานหลังการรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน
smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา