หลายคนกำลังเผชิญกับปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวหน้าไม่เรียบเนียนอยู่หรือเปล่าครับ? ถึงเวลาบอกลาทุกปัญหาผิวเหล่านี้ด้วย Sylfirm X Plus เทคโนโลยีที่ ช่วยฟื้นฟูผิวจากระดับลึก ให้ผิวหน้าใสกระจ่าง รูขุมขนกระชับ หลุมสิวดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ใครอยากมีผิวสวยสุขภาพดีแบบธรรมชาติ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Sylfirm X Plus อย่างละเอียด ทั้งหลักการทำงาน จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ รวมถึงผลลัพธ์ว่าดีจริงหรือไม่ เหมาะกับใคร? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? รวมทุกคำตอบไว้ให้ครบในที่เดียว
Sylfirm X Plus คือเทคโนโลยี RF Microneedling รุ่นล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การรักษาปัญหาผิวเรื้อรังที่ซับซ้อน เช่น ฝ้า กระลึก เส้นเลือดฝอย รอยแดง ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และผิวขาดความกระชับ ในระดับเซลล์ผิว โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน
เทคโนโลยีนี้ถือเป็น “Medical-Grade Aesthetic Device” ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Sylfirm X รุ่นแรก เพิ่มความแม่นยำในการรักษา พร้อมรองรับการใช้งานแบบ Multi-Treatment ทั้งในคลินิกความงามและแพทย์ผิวหนัง โดยได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น US FDA, KFDA และมีงานวิจัยทางคลินิกรองรับมากกว่า 25 ฉบับทั่วโลก
Sylfirm X Plus กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่คลินิกความงามระดับพรีเมียมทั่วโลกเลือกใช้ ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่แค่ “ให้ผลลัพธ์ที่ดี” เท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้ให้บริการและความคาดหวังของลูกค้าได้แบบรอบด้าน ซึ่งประกอบไปด้วยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้
- เครื่องมือระดับ Medical Grade ที่รักษาได้ “เฉพาะจุด” และ “ตรงจุด” Sylfirm X Plus โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Targeted RF Therapy ที่สามารถส่งพลังงานไปยังจุดที่มีปัญหาจริง ๆ เช่น เส้นเลือดฝอย ฝ้าเม็ดลึก หรือชั้นคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ โดยไม่กระทบเนื้อเยื่อรอบข้าง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้แพทย์สามารถ “รักษาเฉพาะบุคคล” ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- ลดผลข้างเคียงและ Downtime ได้อย่างชัดเจน หนึ่งใน Pain Point ของเครื่องมือกลุ่ม RF และเลเซอร์แบบเดิม คืออาการบวม แดง หรือเกิดแผลหลังทำ แต่ Sylfirm X Plus ใช้เข็มเคลือบทองชนิดพิเศษ (Gold-Plated Micro-Needle) ที่ไม่ฉนวน (Non-Insulated) ทำให้พลังงานลงได้ลึกและกระจายสม่ำเสมอ ส่งผลให้อาการข้างเคียงน้อยมากจนแทบไม่ต้องพักฟื้น
- ตอบโจทย์หลายปัญหาผิวในเครื่องเดียว คลินิกความงามชั้นนำมองว่า Sylfirm X Plus คือเครื่องมือแบบ “All-in-One” ที่สามารถใช้ได้กับหลากหลายเคส ทั้งผิวแพ้ง่าย ฝ้า กระลึก ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และแม้กระทั่งรอยแดงจากสิวหรือเส้นเลือดฝอย ทำให้ลดภาระการลงทุนซื้อหลายเครื่อง และจัดโปรแกรมรักษาที่ออกแบบได้หลากหลาย
- มีงานวิจัยและการรับรองรองรับจริง เครื่อง Sylfirm X Plus ไม่ได้แค่ “น่าเชื่อถือในเชิงการตลาด” แต่ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมากกว่า 25 ฉบับ รวมถึงได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น US FDA, CE, KFDA จึงสร้างความมั่นใจให้ทั้งแพทย์และผู้บริโภคได้มากกว่าการอ้างอิงทั่วไป
- เพิ่มความพรีเมียมให้กับแบรนด์คลินิก สำหรับคลินิกที่เน้นความเชื่อมั่นและความแตกต่าง เครื่อง Sylfirm X Plus กลายเป็น “ตัวช่วยเพิ่มมูลค่าบริการ” เพราะเป็นที่รู้จักในวงการ และลูกค้ากลุ่มคุณภาพมักมี Awareness เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อยู่แล้ว เมื่อลูกค้าเห็นว่าใช้เครื่องนี้ เชื่อมั่น พร้อมจ่ายในราคาสูงขึ้น
Sylfirm X Plus ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของวงการความงามระดับการแพทย์ ซึ่งรวมคลื่นพลังงานและการกระตุ้นผิวลึกในระดับเซลล์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้ง “ผิวสวยใส” และ “สุขภาพผิวแข็งแรงจากภายใน” โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน หัวใจของเครื่องนี้อยู่ที่ 3 เทคโนโลยีหลัก ซึ่งทำงานประสานกันแบบเรียลไทม์
จุดเด่นของ Sylfirm X Plus คือการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) แบบ สองคลื่นพร้อมกัน ได้แก่
- Pulsed Wave (PW): คลื่นพลังงานแบบพัลส์ ที่ปล่อยออกมาเป็นจังหวะ เพื่อฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด เช่น เส้นเลือดฝอย ฝ้า และรอยแดงแบบปลอดภัย
- Continuous Wave (CW): คลื่นพลังงานต่อเนื่อง ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างลึกซึ้ง เหมาะสำหรับยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย
Dual Wave RF นี้ช่วยให้แพทย์สามารถ “ปรับแต่งค่าพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละคน” ได้แบบ real-time ทำให้ได้ผลลัพธ์แบบ Personalized จริง ๆ
อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือการใช้หัวเข็มทอง เคลือบทอง (Gold-Plated) แบบ ไม่มีฉนวน (Non-Insulated) ซึ่งแตกต่างจากเข็มทั่วไปในท้องตลาด
- เข็มประเภทนี้สามารถปล่อยพลังงานตลอดทั้งลำเข็ม ไม่ใช่แค่ปลาย ทำให้พลังงาน กระจายสม่ำเสมอทุกชั้นผิว
- ลดโอกาสเกิดจุดไหม้ จุดร้อน หรือแผลพุพองหลังทำ
- เหมาะกับคนผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย เพราะเน้นความแม่นยำและอ่อนโยน
อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือการใช้หัวเข็มทอง เคลือบทอง (Gold-Plated) แบบ ไม่มีฉนวน (Non-Insulated) ซึ่งแตกต่างจากเข็มทั่วไปในท้องตลาด
- เข็มประเภทนี้สามารถปล่อยพลังงานตลอดทั้งลำเข็ม ไม่ใช่แค่ปลาย ทำให้พลังงาน กระจายสม่ำเสมอทุกชั้นผิว
- ลดโอกาสเกิดจุดไหม้ จุดร้อน หรือแผลพุพองหลังทำ
- เหมาะกับคนผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย เพราะเน้นความแม่นยำและอ่อนโยน
Sylfirm X Plus ใช้เทคโนโลยีการยิงพลังงานลงลึกในระดับ 300 ไมครอน (μm) ซึ่งเป็นระดับที่งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่าเป็น “จุดเรื้อรังของปัญหาผิว” เช่น
- เม็ดสีเมลานินที่ก่อให้เกิดฝ้า
- เส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง
- การสะสมของคอลลาเจนเก่าที่เสื่อมสภาพ
การยิงพลังงานแบบเฉพาะจุด (Focal RF Delivery) นี้ ช่วยรักษาเฉพาะจุดที่มีปัญหา โดยไม่กระทบต่อผิวดีรอบข้าง
แม้ว่า Sylfirm X Plus จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ “RF Microneedling” แต่ความสามารถและผลลัพธ์ที่ได้ แตกต่างจากเครื่อง RF ทั่วไปอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี กลไกการทำงาน และประสิทธิภาพในการรักษาปัญหาผิวลึก
หากคุณเคยรู้จักหรือเคยทำ RF Microneedling รุ่นอื่นมาก่อน เช่น Morpheus8, Secret RF, Infini RF ฯลฯ นี่คือข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่า ทำไม Sylfirm X Plus ถึงเหนือกว่าในหลายด้าน
- เทคโนโลยี Dual Wave RF ที่ “เจาะจงปัญหา” ได้ดีกว่า
- เครื่องทั่วไป: ใช้ RF แบบ Continuous กระตุ้นคอลลาเจน แต่ไม่สามารถจัดการกับปัญหาเฉพาะอย่างฝ้า รอยแดง หรือเส้นเลือดฝอยได้ดีนัก
- Sylfirm X Plus: ผสานทั้ง Pulsed RF + Continuous RF ช่วยรักษาปัญหาเม็ดสี เส้นเลือด และฟื้นฟูผิวได้พร้อมกันแบบเฉพาะเจาะจง
- ปล่อยพลังงานแบบ Targeted Therapy ไม่ทำร้ายผิวดีรอบข้าง
- เครื่องทั่วไป: มักปล่อยพลังงานกระจายกว้าง มีโอกาสเกิดรอยไหม้หรือจุดร้อนในบางจุด
- Sylfirm X Plus: ใช้ Targeted RF 300μm ปล่อยพลังงานเฉพาะจุดลึกที่มีปัญหา ลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือ PIH (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
- เข็ม Non-Insulated เคลือบทอง → แผลน้อยกว่า ฟื้นตัวไวกว่า
- เครื่องทั่วไป: มักใช้เข็มแบบ insulated หรือ metal needle ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้พลังงานไม่สม่ำเสมอ
- Sylfirm X Plus: ใช้เข็มทอง Non-Insulated Gold-Plated Needle ให้พลังงานทั่วทั้งเข็ม ฟื้นตัวไวกว่า ปลอดภัยกับผิวแพ้ง่าย
- รองรับการรักษาปัญหา "ที่เครื่องทั่วไปทำไม่ได้"
- ฝ้าลึก (Melasma)
- เส้นเลือดฝอย หรือรอยแดงเรื้อรัง
- ผิวบาง แพ้ง่าย ไม่สามารถใช้เลเซอร์แรง ๆ ได้
- รอยแดงหลังสิวที่ไม่จาง
- ปรับแต่งค่าพลังงานได้แม่นยำระดับแพทย์เฉพาะบุคคล
- เครื่องทั่วไป: มีพารามิเตอร์จำกัด ปรับได้เพียงไม่กี่ระดับ
- Sylfirm X Plus: ปรับความลึก, ความแรง, รูปแบบพลังงานได้ละเอียด แพทย์สามารถ “customize” โปรแกรมการรักษาได้ตามสภาพผิวของแต่ละคนจริง ๆ
จริงๆ แล้วเวลาพูดถึง Sylfirm X Plus หลายคนอาจนึกถึงแค่เรื่อง “ยกกระชับผิว” หรือ “ลดริ้วรอย” เป็นหลัก แต่ในทางการแพทย์ ความสามารถของเครื่องนี้ไปไกลกว่านั้นมาก เพราะเทคโนโลยี RF Microneedling แบบ Dual Wave ที่ใช้ใน Sylfirm X Plus ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่ “ลึก-เรื้อรัง-ซับซ้อน” โดยเฉพาะ ซึ่งหัตถการหรือเครื่องมือทั่วไปมักเข้าไม่ถึงครับ
จากประสบการณ์ที่หมอใช้เครื่องนี้กับคนไข้มา จะเห็นผลได้ชัดใน 5 กลุ่มปัญหาหลัก ดังนี้ครับ
หนึ่งในความสามารถเฉพาะตัวของ Sylfirm X Plus คือการจัดการ “เม็ดสีผิดปกติ” โดยเฉพาะฝ้าแบบ Melasma ที่ลึกและดื้อต่อเลเซอร์ทั่วไป
- พลังงาน Pulsed RF ที่ปล่อยเป็นจังหวะจะไปช่วยลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ที่มากเกินไป
- การลงพลังงานเฉพาะจุดที่ระดับ 300μm ทำให้เข้าถึงเม็ดสีผิดปกติโดยไม่กระทบผิวรอบข้าง
- ลดการอักเสบของผิวร่วมด้วย จึงเหมาะกับฝ้าแบบ vascular ที่มีเส้นเลือดฝอยร่วมด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ฝ้าดูจางลง สีผิวสม่ำเสมอขึ้นโดยไม่ทำให้ผิวบางหรือเสี่ยง PIH แบบเลเซอร์แรงๆ
เทคโนโลยี Continuous RF ที่ส่งพลังงานลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และ SMAS ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ผิวแน่นขึ้นจากภายใน ทำให้รูขุมขนกระชับ
- ริ้วรอยตื้นดูจางลง โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม และหน้าผาก
- ผิวเรียบเนียนขึ้นแบบไม่ต้องพักฟื้น
ต่างจากเลเซอร์ที่เน้นผลลัพธ์เฉพาะจุด Sylfirm X Plus ให้ผล “ทั่วผิว” แบบที่เรียกว่าผิวฟู Glow Up ครับ
สำหรับเคสที่มีเส้นเลือดฝอย หรือรอยแดงหลังสิวที่ไม่หายสักที Sylfirm X Plus เป็นเครื่องมือหนึ่งเดียวในกลุ่ม RF Microneedling ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหานี้โดยเฉพาะ
- Pulsed RF มีคุณสมบัติช่วย “หดตัวของเส้นเลือดฝอยผิดปกติ” โดยไม่ทำลายผิวด้านบน
- ลดการอักเสบเรื้อรังใต้ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรอยแดงหลังสิวหรือ Rosacea บางชนิด
จุดนี้เครื่องเลเซอร์บางตัวอาจทำให้แย่ลงถ้าใช้ผิดวิธี แต่ Sylfirm X Plus กลับให้ผลในเชิงสมานผิวและลดความระคายเคืองได้ดี
ผิวที่ผ่านแดด ฝุ่น ควัน หรือ Blue Light จากหน้าจอจะมีอาการอ่อนล้า เซลล์ผิวทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผิวหมองและขาดความยืดหยุ่น
- Sylfirm X Plus ช่วย “รีเซ็ตการทำงานของเซลล์ผิว” ผ่านการกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้สร้างโปรตีนผิวใหม่
- เพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิว ทำให้ผิวทนต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ดีขึ้น
หมอเรียกการรักษานี้ว่าเป็นการ “ฟื้นฟูผิวเชิงลึก” ไม่ใช่แค่การผลัดเซลล์ผิวแบบทั่วไป
แน่นอนครับ โดยเฉพาะเคสที่มี “สีผิวไม่เท่ากัน” จากการอักเสบ, รอยสิวเก่า, ฝ้ากระบางจุด Sylfirm X Plus ช่วยให้สีผิวดูกลมกลืนขึ้นได้จริง
- ด้วยการลดเม็ดสีใต้ผิวที่กระจายไม่สม่ำเสมอ
- กระตุ้นการไหลเวียนเลือดในชั้นหนังแท้ให้ดีขึ้น ทำให้ผิวดูใส เปล่งปลั่งขึ้นในภาพรวม
จริงๆ แล้ว Sylfirm X Plus เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิวและทุกช่วงวัยก็ว่าได้ครับ เพราะความสามารถในการ “ปรับแต่งค่าการรักษาได้ละเอียดมาก” ทำให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคนแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ถ้าให้จำแนกชัดเจนตามกลุ่มปัญหาและลักษณะผิว จะสามารถแบ่งผู้ที่เหมาะสมกับการทำ Sylfirm X Plus ได้ดังนี้ครับ
แม้ Sylfirm X Plus จะปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ควรเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อน เช่น
- ผู้ที่ ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มี ประวัติโรคผิวหนังชนิดรุนแรง หรือภูมิแพ้ผิวในระดับรุนแรง เช่น ผื่นแพ้, ติดเชื้อ, เริมกำเริบ
- ผู้ที่มี โรคเกี่ยวกับระบบเลือด การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่ มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย
- ผู้ที่ กำลังใช้ยากลุ่ม Roaccutane หรือเพิ่งเลเซอร์แบบรุนแรงภายใน 2-4 สัปดาห์
สามารถทำได้ครับ แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเลเซอร์ประเภทที่ทำให้ผิวลอก เช่น CO2, Erbium หรือ TCA เพราะผิวยังอยู่ในช่วงการฟื้นฟู อาจไวต่อพลังงาน RF มากกว่าปกติ
โดยทั่วไป ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ทำ เช่น ถ้าทำแค่บริเวณหน้าแก้มหรือใต้ตา อาจใช้เวลาเพียง 30 นาที แต่ถ้าทำทั้งหน้า + คอ ก็อาจใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย
ความรู้สึกขณะทำจะคล้าย “เข็มเล็กๆ จิ้มลงผิว พร้อมกับความอุ่นจากคลื่น RF” ซึ่งในบางบริเวณที่ผิวบางหรือไว อาจรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วอยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่ “ทนได้” ครับ
หมอจะค่อยๆ ปรับพลังงานให้เหมาะกับแต่ละคน หากรู้สึกไม่สบายสามารถแจ้งได้ทันที เราสามารถลดระดับหรือพักระหว่างทำได้เสมอ
ต้องใช้ครับ เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายที่สุด เราจะทายาชาก่อนทำประมาณ 30-45 นาที ซึ่งช่วยลดความรู้สึกระหว่างยิงได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเคสที่ทำบริเวณกว้างหรือคนที่ผิวไวต่อความรู้สึก
แม้ Sylfirm X Plus จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นและไม่ทำให้ผิวลอกเหมือนเลเซอร์บางประเภท แต่การดูแลผิวหลังทำก็มีความสำคัญมากเช่นกันครับ เพราะจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และยืดอายุของผลลัพธ์ให้นานขึ้น
จากประสบการณ์ของหมอ คนไข้ที่ดูแลตัวเองดีหลังทำ มักจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและผิวแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ
โดยทั่วไป ไม่ต้องพักฟื้น ครับ อาจมีอาการแดงเล็กน้อยทันทีหลังทำในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือร่องแก้ม ซึ่งจะหายภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือสูงสุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง
บางรายอาจมีรอยเข็มเล็กๆ หรือรู้สึกผิวแห้งระคายเล็กน้อย ซึ่งสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียง หมอแนะนำให้
- งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจัดหรือสครับผิว 24 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าหนักหรือใช้รองพื้นใน 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ซาวน่า หรืออบไอน้ำ 2-3 วัน
- งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 1 วันแรก
- อย่าแกะ เกา หรือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
แนะนำให้ เว้นการแต่งหน้า 24 ชั่วโมงแรก หลังทำ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวโดยไม่มีสิ่งปกคลุมหรืออุดตันรูขุมขน
หลังจากนั้นสามารถกลับมาแต่งหน้าได้ตามปกติครับ โดยควรใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนและไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์สูงในช่วง 3-5 วันแรก
หลังทำ Sylfirm X Plus หมอแนะนำให้เน้นสกินแคร์ที่ช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะผิว
- กลุ่มที่มี Niacinamide, Hyaluronic Acid หรือ Ceramide เพื่อเติมน้ำให้ผิวและลดการระคายเคือง
- ครีมบำรุงเนื้อบางเบา ไม่ใส่น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
- สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์และกันแดดได้ตั้งแต่วันที่ 2
งดใช้สกินแคร์ที่มี AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C ความเข้มข้นสูง ประมาณ 5-7 วัน
เห็นผลครั้งแรกเมื่อไหร่?
- ผลลัพธ์แรกจะเริ่มเห็นได้ภายใน 3-7 วัน โดยเฉพาะเรื่อง “ผิวเนียนกระชับขึ้น รูขุมขนกระชับ” และ “ผิวดูฟูขึ้นแบบสุขภาพดี”
- รอยแดง รอยสิวบางจุดจะเริ่มลดลงในช่วง 1 สัปดาห์แรก
- ฝ้าและกระลึกจะเริ่มจางลงช้าๆ ในช่วง สัปดาห์ที่ 2-4
- ควรทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
- สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูทั่วไป เช่น รูขุมขน ริ้วรอย รูปหน้าไม่ชัด: แนะนำ 2-3 ครั้ง ห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์
- ในเคสฝ้าเมลาสมา หรือรอยแดงเรื้อรัง: อาจต้องทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง เพื่อให้พลังงานลงได้ลึกและคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และจะ
- ต้องประเมินร่วมกับแพทย์ผู้ดูแล
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
- เมื่อทำครบตามจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ 6-12 เดือน โดยเฉพาะความกระชับผิวและริ้วรอยจะค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่องจากการสร้างคอลลาเจนใหม่
- เคสที่ดูแลตัวเองดี เช่น ทากันแดด พักผ่อนเพียงพอ ไม่สูบบุหรี่ มักจะเห็นผลได้นานและชัดเจนกว่าคนทั่วไป
- ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้หลังทำ Sylfirm X Plus
- ผิวดูแน่น ฟู อิ่มน้ำขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- จุดด่างดำ ฝ้าบางลง สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
- รูขุมขนบริเวณแก้มและจมูกกระชับขึ้น
- รอยแดงจากสิว หรือเส้นเลือดฝอยจางลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
- ผิวดูสุขภาพดีขึ้นแม้ไม่ได้แต่งหน้า
Sylfirm X Plus เจ็บไหม?
โดยทั่วไป Sylfirm X Plus ถือว่า
เจ็บน้อยกว่าการทำ Microneedling แบบเดิม (เช่น Dermapen หรือ RF ที่ไม่มีระบบควบคุมพลังงาน)
เหตุผลที่เจ็บน้อยกว่า
- ใช้ เข็มเคลือบทองแบบ Non-Insulated ที่มีขนาดเล็กและส่งพลังงานได้สม่ำเสมอ ลดอาการจี๊ดหรือแสบร้อน
- มีระบบควบคุมพลังงานแบบแม่นยำ ทำให้พลังงานไม่กระจุกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง
- ใช้เทคนิค ยิงเฉพาะจุด (Targeted Shot) ไม่ต้องยิงทั่วทั้งหน้าเหมือนเลเซอร์บางประเภท
วิธีลดความเจ็บระหว่างทำ
- ทายาชาก่อนทำ 30-45 นาที เป็นยาชาแบบเข้มข้นสำหรับหัตถการโดยเฉพาะ ทำให้ผิวรู้สึกชานุ่มๆ ระหว่างทำ
- เทคนิคการยิงแบบแบ่งโซน หมอจะไม่ยิงรวดเดียวทั่วหน้า แต่แบ่งเป็นโซนเล็กๆ เพื่อให้ผิวไม่รับพลังงานทีละมากเกินไป
- สื่อสารกับคนไข้ตลอดเวลา ถ้ารู้สึกไม่สบาย หมอสามารถหยุด ปรับพลังงาน หรือเปลี่ยนโหมดเป็นแบบเบาได้ทันที
- ประคบเย็นทันทีหลังทำ ช่วยลดอาการอุ่นหรือแดงบริเวณที่ยิงได้ดีมาก
ความรู้สึกขณะทำ
- ส่วนใหญ่จะรู้สึกคล้าย เข็มจิ้มเบาๆ + อุ่นๆ ที่ผิว
- ถ้าทำบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตาหรือริมปาก อาจรู้สึกจี๊ดขึ้นมาบ้าง แต่เป็นช่วงสั้น ๆ
- เคสที่ผิวหนา เช่น แก้ม กราม มักรู้สึกเพียงเล็กน้อย และบางคนบอกว่า "แทบไม่รู้สึกอะไรเลย"
มีผลข้างเคียงหรือไม่?
อาการแดงหรือบวมหลังทำ
- ถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อยในช่วง 1-3 ชั่วโมงแรกหลังทำ
- โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือร่องแก้ม
- แพทย์จะประคบเย็นและทา soothing cream ให้ทันทีหลังทำ ส่วนใหญ่จะดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น
อาการคันหรือระคายเคือง
- พบได้ในคนผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย โดยจะรู้สึกตึงหรือคันเล็กน้อยในบางจุด
- อาจเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูของผิว (healing response)
- สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคือง เพื่อปลอบประโลมผิว
โอกาสเกิดรอยดำหรือรอยแดงถาวร?
- มีโอกาสน้อยมากครับ เนื่องจาก Sylfirm X Plus ใช้เข็ม Non-Insulated Gold-Plated ที่ลดความร้อนเฉพาะจุด ไม่ทำให้ผิวไหม้หรือเกิด PIH (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) ง่ายเหมือนเลเซอร์รุ่นเก่า
- อย่างไรก็ตาม ถ้าขาดการดูแลหลังทำ เช่น โดนแดดจัด หรือแกะเกาผิว อาจมีรอยแดงบางจุดที่หายช้าลง (แต่ไม่ถาวร)
วิธีดูแลผิวเพื่อลดผลข้างเคียง
- ทาครีมบำรุงที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
- ใช้เจลว่านหางจระเข้ หรือมาสก์ลดการอักเสบในช่วง 3 วันแรก
- หลีกเลี่ยงแดด และทาครีมกันแดด SPF50+ ทุกวัน
- งดเลเซอร์ สครับ หรือการผลัดเซลล์ผิวทุกชนิดในช่วง 7 วันหลังทำ
- ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
ได้ครับ และได้ผลดีมากด้วย เพราะ Sylfirm X Plus ถูกออกแบบมาให้รองรับการรักษาแบบ Multimodality หรือการ “ทำงานร่วมกับหัตถการอื่น” เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ชัดเจนและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
จากประสบการณ์ของหมอ การวางแผนแบบโปรแกรมร่วม มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผู้ที่มีปัญหาผิวหลายมิติ เช่น ฝ้าลึก + ผิวบาง + ริ้วรอย หรือคนที่ต้องการดูแลผิวแบบองค์รวมครับ
ทำคู่กับ Thermage หรือ Ultherapy ดีไหม?
- Thermage: เน้นยกกระชับด้วยคลื่น RF แบบ Monopolar ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนลึกในแนวกว้าง
- Ultherapy: ใช้พลังงานอัลตราซาวด์ลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกล้ามเนื้อใบหน้า
- Sylfirm X Plus: เน้น “รายละเอียดผิว” เช่น รอยแดง ฝ้า รูขุมขน
สามารถทำร่วมกันได้ โดยวางแผนเว้นระยะประมาณ
3-4 สัปดาห์ ช่วยให้ทั้ง “โครงสร้างผิว” และ “คุณภาพผิว” ดีขึ้นพร้อมกัน
หลัง Sylfirm X Plus ฉีดเมโสได้ไหม?
ได้ครับ แนะนำเว้นประมาณ
5-7 วันหลังทำ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวก่อน แล้วจึงฉีดเมโสวิตามินบำรุงผิว หรือเมโสลดฝ้าเพิ่มเติมได้ การทำแบบนี้จะช่วยให้วิตามินซึมได้ดีขึ้นเพราะผิวเปิดรับการดูดซึมมากขึ้นจากการกระตุ้นของ RF
ทำร่วมกับเลเซอร์อื่น ๆ เช่น Pico Laser, CO2 Laser ได้ไหม?
- Pico Laser: ช่วยลดเม็ดสี/กระฝ้า ทำร่วมได้ดีมาก โดยเว้นระยะประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนหรือหลัง
- CO2 / Fractional Laser: เน้นผลัดเซลล์หรือฟื้นฟูรอยแผลเป็น ควรเว้น 3-4 สัปดาห์หลัง Sylfirm X Plus
ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างหัตถการ
- หัตถการกลุ่มพลังงานสูง (Ultherapy, Thermage, CO2): ควรเว้น 3-4 สัปดาห์
- หัตถการเบา เช่น เมโส, PRP, วิตามินผิว: เว้นประมาณ 5-7 วัน
- หากจะทำ Sylfirm X Plus ซ้ำรอบถัดไป ควรเว้นอย่างน้อย 4 สัปดาห์
ทำคู่กับ PRP หรือ Stem Cell ดีไหม?
ดีมากครับ การทำ PRP หรือสเต็มเซลล์หลัง Sylfirm X Plus จะช่วยให้
- ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ลดอาการแดงหรือระคายเคืองหลังทำ
- เพิ่มการซ่อมแซมและเสริมการสร้างคอลลาเจนลึกจากภายใน
แนะนำทำ
PRP ภายใน 48 ชั่วโมงหลังการทำ Sylfirm X Plus จะให้ผลดีที่สุด
คอร์สรักษาผิวแนะนำที่ทำร่วมกันเพื่อผลลัพธ์สูงสุด
สำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบต่อเนื่องและครบทุกมิติ หมอแนะนำโปรแกรม 3 ขั้นตอนแบบนี้ครับ:
- Ultherapy / Thermage (เดือนที่ 1) – เพื่อยกกระชับโครงสร้าง
Sylfirm X Plus (เดือนที่ 2) – ฟื้นฟูคุณภาพผิวและปัญหาเฉพาะจุด
- PRP / Meso / Stem Cell (เดือนที่ 2-3) – บำรุงเซลล์ผิวให้แข็งแรงจากภายใน
ทำต่อเนื่องทุก 4-6 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ทั้ง “หน้าใส-ผิวแน่น-ริ้วรอยลด” แบบยั่งยืนครับ
เปรียบเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ
เวลาคนไข้ถามหมอว่า “Sylfirm X Plus ต่างจาก HIFU, Thermage หรือ Ultraformer ยังไง?” หมอมักจะยกคำว่า “ความแม่นยำ และ พลังงาน” มาใช้เปรียบเทียบง่ายๆ เพราะแต่ละเทคโนโลยีมีจุดแข็งเฉพาะตัว และเหมาะกับเคสที่ต่างกันครับ
Sylfirm X Plus vs HIFU
ประเด็น |
Sylfirm X Plus |
HIFU (เช่น Ultraformer, Doublo, Ulthera) |
พลังงาน |
คลื่นวิทยุ RF (Pulsed + Continuous) |
คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง |
ชั้นผิวที่รักษา |
ชั้นหนังแท้ตื้นถึงลึก (0.3 - 4.0 mm) |
ลึกถึง SMAS (4.5 mm) |
จุดเด่น |
รักษาปัญหาเฉพาะจุด เช่น ฝ้า เส้นเลือดฝอย รอยแดง |
ยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า |
ความรู้สึกขณะทำ |
เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว |
อาจเจ็บจี๊ดลึกๆ ชั่วขณะ |
เหมาะกับ |
ปัญหาผิวเรื้อรัง ผิวแพ้ง่าย รอยแดง รูขุมขน |
ผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกรอบหน้า |
หมอแนะนำ: ถ้าปัญหาคือ “ผิวไม่แข็งแรง + ฝ้า + รูขุมขน” ให้เริ่มจาก Sylfirm X Plus ก่อน แล้วค่อยเสริม HIFU หากต้องการยกกระชับเพิ่ม
Sylfirm X Plus vs Thermage
ประเด็น |
Sylfirm X Plus |
Thermage |
พลังงาน |
RF แบบเจาะจง (Dual Wave + เข็ม) |
RF แบบ Monopolar (ไม่ใช้เข็ม) |
การลงพลังงาน |
เจาะจงจุดด้วยเข็ม → ลงลึกเฉพาะที่ต้องการ |
กระจายทั่วบริเวณอย่างสม่ำเสมอ |
จุดเด่น |
รักษารอยแดง รอยดำ ฝ้า + ฟื้นฟูรูขุมขน |
ยกกระชับแนวแก้ม กรอบหน้า ผิวตึงขึ้น |
ความรู้สึก |
เจ็บเล็กน้อยเป็นจุด |
รู้สึกร้อนลึกทั่วหน้า |
เหมาะกับ |
ปัญหาผิวหลายจุด ซับซ้อน |
คนที่ต้องการปรับรูปหน้าแต่ไม่อยากผ่าตัด |
หมอแนะนำ: สำหรับคนที่เริ่มมีอายุ ผิวไม่ยก และมีปัญหาฝ้าร่วมด้วย → การทำ
Thermage + Sylfirm X Plus จะช่วยให้ได้ผลทั้ง “โครงสร้าง” และ “คุณภาพผิว” ครับ
Sylfirm X Plus vs Ultraformer III
ประเด็น |
Sylfirm X Plus |
Ultraformer III (HIFU) |
พลังงาน |
RF Microneedling แบบ Dual Wave |
HIFU |
จุดเด่น |
ปรับผิวให้เนียน รูขุมขนเล็ก ผิวใสขึ้น |
ยกคิ้ว ยกแก้ม ยกคอ |
ความเจ็บ |
เจ็บน้อยกว่า Ultraformer |
เจ็บในระดับปานกลาง-มาก (เฉพาะจุด) |
เหมาะกับ |
ผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ปัญหาผิวเรื้อรัง |
ผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด |
หมอแนะนำ: ถ้าอายุยังไม่มาก และผิวเริ่มมีริ้วรอยเล็กๆ + ต้องการดู “ผิวฟูสุขภาพดี” → เริ่มที่ Sylfirm X Plus จะตอบโจทย์มากกว่าครับ
เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับสภาพผิว?
- ผิวแพ้ง่าย ฝ้า กระ รูขุมขน รอยแดง → Sylfirm X Plus
- หน้าหย่อน แก้มห้อย คิ้วตก กรอบหน้าไม่ชัด → Ultherapy / HIFU
- อยากยกกระชับทั่วหน้า + ผิวแน่น → Thermage
- อยากได้ทั้งผิวใสและยกกระชับเบาๆ → ทำร่วมกันแบบเว้นระยะ
Sylfirm X Plus ราคาเท่าไหร่?
บริเวณที่ทำ |
ราคาต่อครั้ง (โดยประมาณ) |
ทั่วใบหน้าและลำคอ |
16,990 |
ราคาขึ้นกับจำนวนช็อตที่ใช้ และโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เช่น ใช้ร่วมกับ PRP, Meso, หรือหัตถการเสริมอื่นๆ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sylfirm X Plus
ผู้ชายสามารถทำได้ไหม?
ได้แน่นอนครับ Sylfirm X Plus เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ชายที่มีปัญหาฝ้าแดด รูขุมขนกว้าง รอยแดงจากการโกนหนวด หรือผิวหมองคล้ำจากมลภาวะ ก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
สามารถทำได้บ่อยแค่ไหน?
- แนะนำเว้นระยะห่าง ทุก 4-6 สัปดาห์ ต่อครั้ง
- ในช่วงแรก (3 เดือนแรก) ควรทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง
- หลังจากนั้นสามารถทำ ทุก 3-6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์
ใช้เวลานานไหมกว่าจะเห็นผลลัพธ์?
- ผลลัพธ์เบื้องต้น เช่น รูขุมขนเล็กลง ผิวแน่นขึ้น จะเริ่มเห็นใน 3-7 วัน
- ผลลัพธ์เต็มที่ เช่น ฝ้าจาง รอยแดงลด ผิวเรียบเนียน จะค่อยๆ ชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์ หลังการทำ
สรุป
Sylfirm X คือเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีไมโครนีดเดิล RF (Microneedle RF) ช่วยรักษาปัญหาผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ไปจนถึงการยกกระชับผิว โดยใช้คลื่นวิทยุผสานเข็มขนาดเล็กมากกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ปลอดภัย เห็นผลเร็ว และไม่ต้องพักฟื้นนานหลังการรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน