ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา หรือริ้วรอยบาง ๆ ที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัย แม้จะนอนพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่ปัญหาใต้ตาเหล่านี้ก็มักจะไม่หายไปเอง ฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูและเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูเรียบเนียน สดใส อ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตาแบบครบถ้วน ตั้งแต่คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง ยี่ห้อไหนดี วิธีเลือกคลินิก ไปจนถึงขั้นตอนการฉีดและการดูแลหลังทำ พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อจำกัดของแต่ละทางเลือกอย่างเป็นกลาง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under Eye Filler) คือการฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณใต้ตาให้ดูอิ่มฟู สดใสขึ้น
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มระดับผิวในบริเวณที่มีความลึกหรือทรุดตัวลง เช่น ร่องลึกใต้ตา ถุงใต้ตา หรือใต้ตาคล้ำ ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ใบหน้าดูสดชื่นและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีปัญหาใต้ตาหรือสัญญาณความชรา
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เหมาะสม
ฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในบางกรณี
ภูมิแพ้เรื้อรังอาจส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำและโทรม เนื่องจากเส้นเลือดบริเวณใต้ตาขยายตัว ผิวบางลง และเกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี แม้ว่าสาเหตุหลักจะมาจากระบบภูมิคุ้มกัน การเติมฟิลเลอร์สามารถช่วย “ลดเงาคล้ำ” และเติมเต็มร่องลึกที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าได้
โดยรวมแล้ว ผู้ที่มีใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ในบางกรณี แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อความปลอดภัย
การเลือกวิธีแก้ไขปัญหาใต้ตา เช่น ใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ หรือถุงใต้ตา มีหลายทางเลือก ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของปัญหา โดยทั่วไปมี 3 วิธีหลักที่คนมักเปรียบเทียบกันคือ ฟิลเลอร์ใต้ตา, เลเซอร์, และการผ่าตัดถุงใต้ตา
วิธีการ | เหมาะกับปัญหา | ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|---|---|
ฟิลเลอร์ใต้ตา | ใต้ตาลึก ใต้ตาโบ๋ ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาเล็กน้อย | เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บ | ต้องเติมซ้ำ ผลลัพธ์ชั่วคราว |
เลเซอร์ | ใต้ตาคล้ำจากเม็ดสี รอยดำ ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย | ปรับสีผิว กระชับผิว บางเทคโนโลยีกระตุ้นคอลลาเจน | ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง ผลไม่ชัดในรายที่มีถุงไขมัน |
ผ่าตัดถุงใต้ตา | ถุงใต้ตาใหญ่ ไขมันสะสมเยอะ ผิวหย่อนหนัก | แก้ปัญหาได้ถาวร เห็นผลชัด | เป็นหัตถการใหญ่ มีแผล ต้องพักฟื้น มีความเสี่ยงมากกว่า |
การตัดสินใจควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็น ฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมสูงสุด เพราะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติและมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำ
ประเภทฟิลเลอร์ | คุณสมบัติ | เหมาะกับปัญหา |
---|---|---|
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง (Firm/Structural Filler) | คงรูปได้ดี รองรับโครงสร้าง เติมเต็มลึก | ใต้ตาลึกมาก โครงกระดูกยุบตัว |
ฟิลเลอร์เนื้อกลาง (Medium Consistency) | ยืดหยุ่น ปรับเรียบผิว | ใต้ตาโบ๋เล็กน้อย ใต้ตาคล้ำ |
ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน (Soft Filler) | เบา เป็นธรรมชาติ เรียบเนียน | ริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ ผิวบาง |
การเลือกเนื้อฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทยมีหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละแบรนด์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามเนื้อฟิลเลอร์และเทคโนโลยีการผลิต
ยี่ห้อ | จุดเด่น | ข้อจำกัด |
---|---|---|
Flore® (Korea) | เทคโนโลยี Biphasic HA (HCCL™ + PP‑Process) ทำให้มี 2 เนื้อ สร้างโครง 3D ปั้นทรงง่าย ไม่เป็นก้อน มีรุ่นเฉพาะใต้ตา (Aqua‑S, S, N, Max, Max 1400), ผ่าน อย. ไทย-เกาหลี-EU-US | ราคาสูง อาจยังไม่แพร่หลายในบางคลินิก |
Juvederm® (USA) | เนื้อนุ่ม ชุ่มชื้น ใช้ Vycross technology อยู่ได้ 9–12 เดือน | ราคาสูง |
Restylane® (Sweden) | มีหลายเนื้อรุ่นเฉพาะใต้ตา (Restylane Eyelight) | บวมในบางราย |
Belotero® (Switzerland) | เนื้อบาง เรียบเนียน เหมาะผิวบาง | ไม่เหมาะเติมลึก |
Neuramis® (Korea) | ราคาย่อมเยา รุ่น Deep สำหรับใต้ตาลึก | บางรุ่นอาจแข็ง |
Teosyal Redensity II® (Switzerland) | ออกแบบเฉพาะใต้ตา มีวิตามิน-แร่ธาตุ | ราคาค่อนข้างสูง |
Ultra V® (Korea) | เทคโนโลยี Multi‑Layered Gel ลดบวม | ยังไม่แพร่หลายมาก |
Hyafilia® (Korea) | เนื้อเบา เหมาะผิวบาง | อยู่ได้ราว 10–12 เดือน |
Princess® (Europe) | HA ยุโรปผ่าน อย. ไทย | พบในไทยน้อย |
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและเทคนิคของแพทย์เฉพาะทาง เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีโครงสร้างซับซ้อนและผิวบางมาก การฉีดที่ถูกต้องจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
ระยะเวลาในการทำประมาณ 15–30 นาที สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว โดยส่วนใหญ่ผู้รับบริการสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ทันทีหลังทำ
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6–12 เดือน แต่ความคงทนของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคของแพทย์ และการดูแลตัวเองหลังทำ
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรอง อย่างไรก็ตาม บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่ละเอียดอ่อน จึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ในบางกรณี
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาในประเทศไทยมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ เทคนิคของแพทย์ และระดับของคลินิก ราคาจึงไม่สามารถกำหนดเป็นตัวเลขเดียวได้
ยี่ห้อฟิลเลอร์ | ราคาเริ่มต้น (ต่อ 1 cc) |
---|---|
Juvederm® (USA) | 12,000 – 18,000 บาท |
Restylane® (Sweden) | 10,000 – 16,000 บาท |
Belotero® (Germany) | 12,000 – 17,000 บาท |
Teosyal® (Switzerland) | 13,000 – 20,000 บาท |
Flore® (Korea) | 9,900 – 15,000 บาท |
Neuramis® (Korea) | 7,000 – 10,000 บาท |
หมายเหตุ: ราคานี้เป็นราคาโดยประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก
การเลือกคลินิกสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีความละเอียดอ่อน หากเลือกผิดอาจเกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้
หลายคนกังวลว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถแต่งหน้าได้หรือไม่ และจะมีผลต่อฟิลเลอร์หรือไม่ คำตอบคือ สามารถแต่งหน้าได้ แต่ควรมีการดูแลและเว้นระยะเวลาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนบริเวณที่ฉีด
โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งหน้าในระยะยาว เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ดีแล้วสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงและช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้รวดเร็วและอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
การดูแลที่ดีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์สวย เนียน และปลอดภัยที่สุด
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ เทคนิคที่ใช้ และการดูแลตัวเอง
เจ็บน้อยมากหรือแทบไม่รู้สึก เพราะแพทย์มักทายาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีด
ในบางรายอาจมีอาการบวม ช้ำเล็กน้อยช่วง 1–3 วันแรก แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนใน 1–2 สัปดาห์
ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่ม ส่วนเลเซอร์ช่วยปรับสีผิวและกระชับผิว ทั้งสองอย่างอาจใช้ร่วมกันได้ในบางกรณี
ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โอกาสเป็นก้อนน้อยมาก และหากเกิดปัญหาสามารถฉีดสลายได้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยบาง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลทันทีหลังทำโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน รวมถึงการทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณกำลังพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ปรึกษาแพทย์ และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ