ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา หรือริ้วรอยบาง ๆ ที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัย แม้จะนอนพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่ปัญหาใต้ตาเหล่านี้ก็มักจะไม่หายไปเอง ฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูและเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูเรียบเนียน สดใส อ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตาแบบครบถ้วน ตั้งแต่คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง ยี่ห้อไหนดี วิธีเลือกคลินิก ไปจนถึงขั้นตอนการฉีดและการดูแลหลังทำ พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อจำกัดของแต่ละทางเลือกอย่างเป็นกลาง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับตัวเองที่สุด

สารบัญ hide

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under Eye Filler) คือการฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณใต้ตาให้ดูอิ่มฟู สดใสขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาทำงานอย่างไร?

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มระดับผิวในบริเวณที่มีความลึกหรือทรุดตัวลง เช่น ร่องลึกใต้ตา ถุงใต้ตา หรือใต้ตาคล้ำ ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ใบหน้าดูสดชื่นและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง? ใครบ้างไม่ควรฉีด?

กลุ่มที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ผู้ที่มี ใต้ตาลึก ใต้ตาโบ๋ จากโครงสร้างกระดูกหรือไขมันใต้ตายุบตัวลง
  • ผู้ที่มี ใต้ตาคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ หรือพักผ่อนไม่พอ
  • ผู้ที่มี ถุงใต้ตา ผิวหย่อนคล้อยหรือไขมันสะสมเล็กน้อย
  • ผู้ที่มี ริ้วรอยใต้ตา ผิวบาง มีเส้นเล็ก ๆ รอบดวงตา
  • ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีปัญหาใต้ตาหรือสัญญาณความชรา

กลุ่มที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ผู้ที่มี ประวัติแพ้ Hyaluronic Acid (HA)
  • ผู้ที่มี แผล ติดเชื้อ โรคผิวหนังบริเวณใต้ตา
  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มี โรคเลือดผิดปกติ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือโรคเรื้อรังรุนแรง

แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เหมาะสม

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตาที่ smooth clinic

ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง?

  • ใต้ตาลึก ใต้ตาโบ๋: เกิดจากโครงสร้างกระดูกหรือไขมันใต้ตายุบตัวลง ทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า
  • ใต้ตาคล้ำ: สีผิวบริเวณใต้ตาไม่สม่ำเสมอ เกิดจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ถุงใต้ตา: ผิวใต้ตาหย่อนคล้อย มีไขมันสะสม ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า
  • ริ้วรอยใต้ตา: ร่องเล็ก ๆ ใต้ตา ผิวบางและไม่เรียบเนียน
  • ปัญหาความสดใสโดยรวมของใบหน้า: ช่วยให้หน้าดูสดชื่น สดใส อ่อนเยาว์ขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาในคนที่เป็นภูมิแพ้ ใต้ตาคล้ำ ฉีดได้ไหม?

ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในบางกรณี

ภูมิแพ้เรื้อรังอาจส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำและโทรม เนื่องจากเส้นเลือดบริเวณใต้ตาขยายตัว ผิวบางลง และเกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี แม้ว่าสาเหตุหลักจะมาจากระบบภูมิคุ้มกัน การเติมฟิลเลอร์สามารถช่วย “ลดเงาคล้ำ” และเติมเต็มร่องลึกที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าได้

ข้อพิจารณาสำหรับผู้ที่มีภูมิแพ้

  • ฟิลเลอร์ช่วยแก้ “โครงสร้าง” ใต้ตาเท่านั้น ไม่ได้รักษาอาการภูมิแพ้โดยตรง
  • หากใต้ตาคล้ำจากสีผิว (Hyperpigmentation) ฟิลเลอร์อาจช่วยได้ไม่มาก ต้องปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
  • ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้รุนแรงหรือแพ้ Hyaluronic Acid ควรหลีกเลี่ยงการฉีด
  • แพทย์จะต้องประเมินเป็นรายบุคคลและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุด

โดยรวมแล้ว ผู้ที่มีใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ในบางกรณี แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อความปลอดภัย

ฟิลเลอร์ใต้ตากับเลเซอร์หรือผ่าตัด อะไรดีกว่ากัน?

การเลือกวิธีแก้ไขปัญหาใต้ตา เช่น ใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ หรือถุงใต้ตา มีหลายทางเลือก ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของปัญหา โดยทั่วไปมี 3 วิธีหลักที่คนมักเปรียบเทียบกันคือ ฟิลเลอร์ใต้ตา, เลเซอร์, และการผ่าตัดถุงใต้ตา

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตา vs เลเซอร์ vs ผ่าตัดถุงใต้ตา

วิธีการ เหมาะกับปัญหา ข้อดี ข้อจำกัด
ฟิลเลอร์ใต้ตา ใต้ตาลึก ใต้ตาโบ๋ ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาเล็กน้อย เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บ ต้องเติมซ้ำ ผลลัพธ์ชั่วคราว
เลเซอร์ ใต้ตาคล้ำจากเม็ดสี รอยดำ ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ปรับสีผิว กระชับผิว บางเทคโนโลยีกระตุ้นคอลลาเจน ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง ผลไม่ชัดในรายที่มีถุงไขมัน
ผ่าตัดถุงใต้ตา ถุงใต้ตาใหญ่ ไขมันสะสมเยอะ ผิวหย่อนหนัก แก้ปัญหาได้ถาวร เห็นผลชัด เป็นหัตถการใหญ่ มีแผล ต้องพักฟื้น มีความเสี่ยงมากกว่า

สรุป

  • ผู้ที่มี ใต้ตาลึกหรือคล้ำฟิลเลอร์ อาจตอบโจทย์มากกว่า
  • ผู้ที่มี ปัญหาสีผิวใต้ตาเลเซอร์ อาจเหมาะสมกว่า
  • ผู้ที่มี ถุงใต้ตาใหญ่ ไขมันเยอะ → อาจต้องเลือก ผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน

การตัดสินใจควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด

ฟิลเลอร์ใต้ตามีกี่แบบ? แต่ละแบบต่างกันอย่างไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็น ฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมสูงสุด เพราะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติและมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำ

ประเภทของฟิลเลอร์ใต้ตาตามเนื้อสัมผัส

ประเภทฟิลเลอร์ คุณสมบัติ เหมาะกับปัญหา
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง (Firm/Structural Filler) คงรูปได้ดี รองรับโครงสร้าง เติมเต็มลึก ใต้ตาลึกมาก โครงกระดูกยุบตัว
ฟิลเลอร์เนื้อกลาง (Medium Consistency) ยืดหยุ่น ปรับเรียบผิว ใต้ตาโบ๋เล็กน้อย ใต้ตาคล้ำ
ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน (Soft Filler) เบา เป็นธรรมชาติ เรียบเนียน ริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ ผิวบาง

วิธีเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้เหมาะสม

  • ต้องพิจารณาจาก สภาพผิว ความลึกของร่องใต้ตา และปัญหาหลักของแต่ละบุคคล
  • ใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 ชนิดร่วมกันในบางกรณีเพื่อให้ผลลัพธ์กลมกลืนและเป็นธรรมชาติ
  • ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เท่านั้น

การเลือกเนื้อฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี? (เปรียบเทียบแต่ละยี่ห้อ)

ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทยมีหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละแบรนด์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามเนื้อฟิลเลอร์และเทคโนโลยีการผลิต

เปรียบเทียบยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตายอดนิยม

ยี่ห้อ จุดเด่น ข้อจำกัด
Flore® (Korea) เทคโนโลยี Biphasic HA (HCCL™ + PP‑Process) ทำให้มี 2 เนื้อ สร้างโครง 3D ปั้นทรงง่าย ไม่เป็นก้อน มีรุ่นเฉพาะใต้ตา (Aqua‑S, S, N, Max, Max 1400), ผ่าน อย. ไทย-เกาหลี-EU-US ราคาสูง อาจยังไม่แพร่หลายในบางคลินิก
Juvederm® (USA) เนื้อนุ่ม ชุ่มชื้น ใช้ Vycross technology อยู่ได้ 9–12 เดือน ราคาสูง
Restylane® (Sweden) มีหลายเนื้อรุ่นเฉพาะใต้ตา (Restylane Eyelight) บวมในบางราย
Belotero® (Switzerland) เนื้อบาง เรียบเนียน เหมาะผิวบาง ไม่เหมาะเติมลึก
Neuramis® (Korea) ราคาย่อมเยา รุ่น Deep สำหรับใต้ตาลึก บางรุ่นอาจแข็ง
Teosyal Redensity II® (Switzerland) ออกแบบเฉพาะใต้ตา มีวิตามิน-แร่ธาตุ ราคาค่อนข้างสูง
Ultra V® (Korea) เทคโนโลยี Multi‑Layered Gel ลดบวม ยังไม่แพร่หลายมาก
Hyafilia® (Korea) เนื้อเบา เหมาะผิวบาง อยู่ได้ราว 10–12 เดือน
Princess® (Europe) HA ยุโรปผ่าน อย. ไทย พบในไทยน้อย

ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดยังไง? ขั้นตอนเป็นแบบไหน?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและเทคนิคของแพทย์เฉพาะทาง เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีโครงสร้างซับซ้อนและผิวบางมาก การฉีดที่ถูกต้องจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  1. ปรึกษาแพทย์และประเมินปัญหา
    • ตรวจสอบสภาพผิว ใต้ตาลึก รอยคล้ำ ถุงใต้ตา
    • ประเมินว่าควรใช้ฟิลเลอร์ประเภทไหนและปริมาณเท่าไร
  2. ถ่ายภาพก่อนทำและเตรียมผิว
    • ทำความสะอาดใบหน้า
    • อาจมีการประคบน้ำแข็งหรือทายาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ
  3. ฉีดฟิลเลอร์
    • แพทย์จะเลือกจุดฉีดที่ปลอดภัย ใช้เข็มหรือ Blunt Cannula (เข็มทู่) เพื่อความแม่นยำและลดความเสี่ยง
    • ปริมาณที่ใช้เฉลี่ย 0.3–1 cc ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับปัญหา
  4. ตรวจเช็กผลและปรับแต่ง
    • ปรับปริมาณหรือกระจายฟิลเลอร์ให้เรียบเนียน
  5. แนะนำการดูแลหลังทำ
    • หลีกเลี่ยงการจับ/กด/นวดใต้ตา
    • ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

ระยะเวลาในการทำประมาณ 15–30 นาที สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น

ฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว โดยส่วนใหญ่ผู้รับบริการสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ทันทีหลังทำ

ระยะเวลาเห็นผลของฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ทันทีหลังฉีด: ใต้ตาจะดูเต็มขึ้น ร่องลึกและความคล้ำลดลงอย่างชัดเจน แต่ในบางรายอาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นปกติ
  • ภายใน 3 วัน: อาการบวมช้ำจะค่อย ๆ ดีขึ้น ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่
  • ภายใน 7–14 วัน: ผลลัพธ์จะชัดเจนและเป็นธรรมชาติที่สุด ฟิลเลอร์ปรับตัวเข้ากับผิวและเนื้อเยื่อใต้ตา
  • ระยะยาว: โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และการดูแลหลังทำ

สิ่งที่ช่วยให้ผลลัพธ์เข้าที่ไวขึ้น

  • ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูตัวและชุ่มชื้น
  • หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือถูแรง ๆ บริเวณใต้ตาในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • นอนศีรษะสูง ลดการบวม
  • งดแอลกอฮอล์และการออกกำลังกายหนักในช่วง 1–2 วันแรก

ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6–12 เดือน แต่ความคงทนของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคของแพทย์ และการดูแลตัวเองหลังทำ

ปัจจัยที่มีผลต่ออายุของฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ยี่ห้อและเทคโนโลยีของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์บางยี่ห้อ เช่น Juvederm หรือ Teosyal มีอายุยาวนานถึง 12 เดือน ในขณะที่บางรุ่นอาจอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน
  • ตำแหน่งและความลึกของการฉีด: ฉีดลึกหรือมีการเสริมโครงสร้าง จะอยู่ได้นานกว่า
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต: คนที่ออกกำลังกายหนัก สูบบุหรี่ หรือเผาผลาญพลังงานสูง ฟิลเลอร์จะสลายเร็วกว่า
  • การดูแลหลังทำ: ดื่มน้ำมาก พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และความร้อนสูง ช่วยยืดอายุฟิลเลอร์

เมื่อไหร่ควรเติมฟิลเลอร์ใต้ตา?

  • ส่วนใหญ่ควรกลับมาประเมินและเติมฟิลเลอร์ประมาณ 6–9 เดือนหลังฉีด
  • ไม่จำเป็นต้องรอให้สลายหมด แพทย์จะช่วยวางแผนเติมรักษาให้ผลลัพธ์สวยเนียนต่อเนื่อง

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? เป็นก้อนไหม?

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรอง อย่างไรก็ตาม บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่ละเอียดอ่อน จึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ในบางกรณี

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • บวม ช้ำ แดง: เป็นอาการปกติที่พบได้ในช่วง 1–3 วันแรกหลังฉีด
  • ฟิลเลอร์เป็นก้อน: เกิดได้จากการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม หรือเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดตื้นเกินไป
  • ใต้ตาบวมคล้ำกว่าเดิม: อาจเกิดจากการคั่งของน้ำหรือรอยฟกช้ำชั่วคราว
  • การอุดตันของเส้นเลือด: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก แต่ร้ายแรง จึงจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น

วิธีลดความเสี่ยงให้ปลอดภัยและไม่เป็นก้อน

  • เลือก คลินิกที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตถูกต้อง
  • ใช้ ฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนทำ
  • ทำโดย แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและเข้าใจสรีระของใบหน้า
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่?

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาในประเทศไทยมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ เทคนิคของแพทย์ และระดับของคลินิก ราคาจึงไม่สามารถกำหนดเป็นตัวเลขเดียวได้

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา

  • ยี่ห้อฟิลเลอร์: Juvederm, Restylane, Belotero, Teosyal, Flore แต่ละยี่ห้อมีช่วงราคาต่างกัน
  • ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้: โดยปกติใต้ตาใช้ประมาณ 0.3–1 cc ต่อข้าง
  • เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแต่ปลอดภัยกว่า
  • โปรโมชั่นหรือแพ็กเกจของแต่ละคลินิก: ส่งผลให้ราคามีความแตกต่างกัน

ตัวอย่างช่วงราคาโดยประมาณ ไม่ใช่ราคาของคลินิก โปรดสอบถามก่อนรับบริการ

ยี่ห้อฟิลเลอร์ ราคาเริ่มต้น (ต่อ 1 cc)
Juvederm® (USA) 12,000 – 18,000 บาท
Restylane® (Sweden) 10,000 – 16,000 บาท
Belotero® (Germany) 12,000 – 17,000 บาท
Teosyal® (Switzerland) 13,000 – 20,000 บาท
Flore® (Korea) 9,900 – 15,000 บาท
Neuramis® (Korea) 7,000 – 10,000 บาท

หมายเหตุ: ราคานี้เป็นราคาโดยประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก

ข้อแนะนำในการเลือก

  • อย่าเลือกที่ราคาถูกอย่างเดียว ให้คำนึงถึง ฟิลเลอร์แท้ ความปลอดภัย และประสบการณ์ของแพทย์
  • ตรวจสอบว่าคลินิกมี ใบอนุญาตประกอบกิจการ และฟิลเลอร์มี LOT/Serial Number ชัดเจน

ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี?

ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี? เลือกคลินิกยังไงให้ปลอดภัย?

การเลือกคลินิกสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีความละเอียดอ่อน หากเลือกผิดอาจเกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้

วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างปลอดภัย

  • เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ (คลินิกเวชกรรม) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • แพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ 100% ผ่าน อย. สามารถตรวจสอบ LOT และ Serial Number ได้
  • คลินิกมีมาตรฐานความสะอาดสูง อุปกรณ์ปลอดเชื้อ
  • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ทั้งบน Google, Facebook หรือเว็บไซต์ของคลินิก
  • มีการดูแลหลังทำ ให้คำแนะนำและติดตามอาการหลังฉีด

ข้อควรระวัง

  • อย่าตัดสินใจเลือกจาก ราคาถูกอย่างเดียว เพราะอาจเจอฟิลเลอร์ปลอมหรือหมอกระเป๋า
  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง ไม่ควรเสี่ยงทำกับผู้ที่ไม่มีใบอนุญาต

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแต่งหน้าได้ไหม?

หลายคนกังวลว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถแต่งหน้าได้หรือไม่ และจะมีผลต่อฟิลเลอร์หรือไม่ คำตอบคือ สามารถแต่งหน้าได้ แต่ควรมีการดูแลและเว้นระยะเวลาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนบริเวณที่ฉีด

ข้อแนะนำเกี่ยวกับการแต่งหน้าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ควรรออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนแต่งหน้า: เพื่อให้ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
  • เลือกใช้เครื่องสำอางที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรค: โดยเฉพาะพัฟ ฟองน้ำ หรือแปรงแต่งหน้า
  • หลีกเลี่ยงการลงรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์หนัก ๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก: เพื่อลดการกดทับหรือถูแรง ๆ บริเวณใต้ตา
  • หลีกเลี่ยงการนวด หรือการกดบริเวณที่ฉีด: จนกว่าฟิลเลอร์จะเข้าที่ดีแล้ว (7–14 วัน)
  • หากมี รอยช้ำหรือบวม สามารถใช้ เมคอัพช่วยปกปิดได้ แต่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน

โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งหน้าในระยะยาว เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ดีแล้วสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดูแลยังไง?

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงและช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้รวดเร็วและอยู่ได้นานยิ่งขึ้น

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลีกเลี่ยงการแตะ นวด กด บริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 48 ชั่วโมงแรก
  • ประคบเย็นเบา ๆ หากมีอาการบวม หรือช้ำ
  • งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เหงื่อออกมากในช่วง 24–48 ชั่วโมงแรก
  • นอนยกศีรษะสูง เพื่อลดการบวมใต้ตา
  • ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูและเข้าที่ดี
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูงเพื่อลดการบวม
  • งดทำทรีตเมนต์ร้อน ๆ บริเวณใบหน้า: เช่น ซาวน่า เลเซอร์ RF ประมาณ 2 สัปดาห์

ควรติดต่อแพทย์ทันที หากมีอาการดังนี้

  • บวมแดงมากผิดปกติ
  • ปวดรุนแรง มีจุดแข็ง เป็นก้อน หรือสีผิวเปลี่ยน

การดูแลที่ดีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์สวย เนียน และปลอดภัยที่สุด

FAQ: ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ เทคนิคที่ใช้ และการดูแลตัวเอง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?

เจ็บน้อยมากหรือแทบไม่รู้สึก เพราะแพทย์มักทายาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีด

ฟิลเลอร์ใต้ตาทำให้ตาบวมคล้ำกว่าเดิมไหม?

ในบางรายอาจมีอาการบวม ช้ำเล็กน้อยช่วง 1–3 วันแรก แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนใน 1–2 สัปดาห์

ฟิลเลอร์ใต้ตากับเลเซอร์ต่างกันยังไง?

ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่ม ส่วนเลเซอร์ช่วยปรับสีผิวและกระชับผิว ทั้งสองอย่างอาจใช้ร่วมกันได้ในบางกรณี

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนไหม?

ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โอกาสเป็นก้อนน้อยมาก และหากเกิดปัญหาสามารถฉีดสลายได้

บทสรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยบาง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลทันทีหลังทำโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน รวมถึงการทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณกำลังพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ปรึกษาแพทย์ และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา