ผิวหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร เช็กยังไง เคยส่องกระจกแล้วรู้สึกไหมครับว่า ทำไมหน้าดูเปลี่ยนไป? ร่องแก้มลึกขึ้น กรอบหน้าเริ่มเบลอ ๆ เหนียงโผล่โดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ นี่แหละครับ เรียกว่า “ผิวหย่อนคล้อย” เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกคนเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
แต่ไม่ได้หมายความว่าอายุ 40-50 ปีขึ้นไปถึงจะต้องกังวลนะครับ จริง ๆ แล้ว อายุ 25+ ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยแบบที่หลายคนอาจไม่รู้ตัวเลย ทุกครั้งที่ทำงานหนัก ใช้ชีวิตแบบไม่พัก หรือโดนแดดบ่อย ๆ โดยไม่ป้องกัน ผิวของเราก็ค่อย ๆ เสื่อมลงแบบไม่รู้ตัว
วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟัง สาเหตุของผิวหย่อนคล้อย อาการของผิวหย่อนคล้อย วิธีเช็คอายุผิว ใครที่กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่ ลองอ่านดูนะครับ
ผิวหย่อนคล้อยคืออะไร?
ผิวหย่อนคล้อย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อ โครงสร้างผิวสูญเสียความกระชับและยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวดูหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึงเหมือนเดิม โดยทั่วไป ผิวที่มีสุขภาพดีจะมี คอลลาเจน (Collagen) และ อีลาสติน (Elastin) เป็นโครงสร้างหลักที่ช่วยให้ผิวแน่น กระชับ และคืนตัวได้เร็วเมื่อถูกดึงหรือกด
เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ผิวจึงเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยขึ้น
ผิวหย่อนคล้อย ต่างจากริ้วรอยทั่วไปยังไง?
แม้ว่าทั้ง ผิวหย่อนคล้อย และ ริ้วรอย จะเป็นสัญญาณของความเสื่อมของผิว แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
- ริ้วรอย (Wrinkles) เป็นร่องลึกหรือรอยพับที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ หรือการเสื่อมของคอลลาเจนในผิวชั้นตื้น เช่น รอยตีนกา รอยหน้าผาก
- ผิวหย่อนคล้อย (Skin Sagging) เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างผิวที่สูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูตกลงมา ไม่ตึงเหมือนเดิม
ดังนั้น หากสังเกตว่า ใบหน้าดูไม่สดใส กรอบหน้าดูเบลอ หรือแก้มตก นั่นแปลว่า ผิวของคุณไม่ได้มีแค่ริ้วรอย แต่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยแล้ว
บริเวณที่มักเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ใบหน้า – แก้มเริ่มตก ร่องแก้มลึกขึ้น กรอบหน้าไม่ชัด
- ลำคอ – ผิวใต้คอเริ่มมีรอยพับ หรือที่เรียกว่า “คอไก่งวง”
- เปลือกตาและหางตา – หนังตาตก ทำให้ดวงตาดูไม่สดใส
- แขนและต้นขา – ผิวบริเวณต้นแขนและต้นขาดูเหี่ยวย่นและขาดความกระชับ
- หน้าท้อง – ผิวบริเวณหน้าท้องหย่อนลง โดยเฉพาะหลังคลอดหรือลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร?
1. อายุที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง:
- อายุ 25 ปีขึ้นไป: คอลลาเจนในผิวลดลงประมาณ 1% ต่อปี ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น
- อายุ 30-40 ปีขึ้นไป: การผลิตไขมันใต้ผิวลดลง ทำให้ผิวดูบางลง แห้ง และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- อายุ 50 ปีขึ้นไป: กระบวนการฟื้นฟูผิวช้าลงอย่างมาก คอลลาเจนที่หายไปทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเห็นได้ชัด
นอกจากการลดลงของคอลลาเจนแล้ว กล้ามเนื้อใบหน้าก็มีส่วนสำคัญ เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่เคยพยุงผิวให้กระชับเริ่มอ่อนแรงลง ส่งผลให้แก้มและกรอบหน้าหย่อนลง
2. แสงแดด และมลภาวะ
รังสี UV และมลภาวะเป็นตัวการหลักที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย และเร่งให้ผิวหย่อนคล้อยเร็วขึ้น:
- รังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอและเกิดริ้วรอยลึก
- มลภาวะ เช่น ฝุ่น ควัน และอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ผิวถูกทำลาย และเร่งให้กระบวนการชราของผิวเกิดเร็วขึ้น
- การไม่ใช้ครีมกันแดด ทำให้ผิวเสื่อมโทรมและเกิดจุดด่างดำ
แสงแดดถือเป็น ศัตรูตัวฉกาจของผิว เพราะมันทำให้ผิวอ่อนแอลงทุกวันโดยที่เราไม่รู้ตัว แม้จะอยู่ในที่ร่มหรือในออฟฟิศ รังสี UV ก็ยังมีผลต่อผิวได้
3. พฤติกรรมที่ทำให้ผิวเสื่อมเร็วขึ้น
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจเร่งให้ผิวของเราหย่อนคล้อยเร็วขึ้น:
- นอนดึก และพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ร่างกายผลิต Growth Hormone น้อยลง ทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวลดลง
- ผิวดูโทรม หมองคล้ำ และฟื้นตัวช้ากว่าปกติ
- การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
- บุหรี่ทำให้ออกซิเจนในกระแสเลือดลดลง ส่งผลให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
- แอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
- การบริโภคน้ำตาลสูง
- น้ำตาลทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชัน (Glycation) ซึ่งทำให้คอลลาเจนแข็งตัวและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ผิวจึงสูญเสียความยืดหยุ่น ดูเหี่ยวและหย่อนคล้อย
- ลดน้ำหนักเร็วเกินไป
- การลดไขมันอย่างรวดเร็ว ทำให้ไขมันใต้ผิวหายไปอย่างกะทันหัน
- ผิวไม่ทันปรับตัว ส่งผลให้เกิดความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและหน้าท้อง
4. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว
การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวอ่อนแอลง:
- ใช้ครีมที่ไม่มีส่วนผสมช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างที่ควร
- ล้างหน้าแรงเกินไป หรือใช้สครับบ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและระคายเคือง
- เลือกครีมกันแดดที่ค่า SPF ไม่เพียงพอ ทำให้ผิวถูกทำร้ายจากรังสี UV
ความสำคัญของการประเมินปัญหาผิว
การดูแลผิวให้คงความอ่อนเยาว์ไม่ใช่แค่การบำรุงหรือการทำหัตถการรักษาเพียงอย่างเดียว แต่หัวใจสำคัญคือ การสังเกตและประเมินสภาพผิวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นการสะสมความเสียหายที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
ทำไมการประเมินปัญหาผิวตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญ?
- รู้ปัญหาก่อน รักษาได้เร็วกว่า
- ยิ่งเราพบปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เร็วเท่าไร การดูแลรักษาหรือป้องกันจะยิ่งมีประสิทธิภาพและง่ายขึ้นเท่านั้น
- ช่วยลดความจำเป็นในการรักษาที่รุนแรงหรือซับซ้อน เช่น การผ่าตัดหรือหัตถการที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
- ลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลา
- เมื่อพบปัญหาเร็ว การดูแลจะง่าย ใช้เวลาสั้น และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการปล่อยให้ปัญหารุนแรงจนต้องทำหัตถการที่มีราคาสูงขึ้น
- วางแผนการดูแลได้เหมาะสมกับสภาพผิวจริง
- การประเมินที่ถูกต้องจะช่วยให้เราเลือกวิธีดูแลและป้องกันได้อย่างตรงจุด เช่น เลือกสกินแคร์ที่เหมาะสม หรือเลือกหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาได้จริงๆ ไม่ใช่ทำตามกระแสเพียงอย่างเดียว
- รักษาความมั่นใจในตัวเอง
- ผิวที่ดูดีส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจและสุขภาพจิต การรู้และจัดการกับปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยรักษาความมั่นใจได้ดีมากกว่าแก้ไขเมื่อสายเกินไป
ผลกระทบของผิวหย่อนคล้อยต่อคุณภาพชีวิต
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่ได้ส่งผลแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน ได้แก่
- ความมั่นใจลดลง – ผิวที่ไม่กระชับ อาจทำให้รู้สึกแก่กว่าวัย ส่งผลต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คน
- แต่งหน้าติดยากขึ้น – เมื่อผิวขาดความกระชับ รองพื้นและเครื่องสำอางอาจไม่เรียบเนียน ทำให้แต่งหน้าได้ยากกว่าเดิม
- ดูเหนื่อยล้าและโทรมตลอดเวลา – แม้จะพักผ่อนเพียงพอ แต่ใบหน้าที่หย่อนคล้อยอาจทำให้ดูเหมือนเหนื่อยล้าอยู่เสมอ
- ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความประทับใจแรกพบ – ผิวที่เต่งตึงช่วยให้ดูสดใสและมีพลังมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวม
- อาจส่งผลต่อโอกาสทางสังคมและการทำงาน – บุคลิกที่ดูสดชื่นและมั่นใจอาจช่วยเสริมภาพลักษณ์ทางอาชีพได้ดีกว่า
แม้ว่าผิวหย่อนคล้อยจะเป็นเรื่องธรรมชาติของวัย แต่การดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คงความอ่อนเยาว์และเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาว
วิธีเช็กอาการและอายุผิวหย่อนคล้อย
1. ทดสอบการคืนตัวของผิว (Skin Elasticity Test)
วิธีเช็ก:
- ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หยิกผิวบริเวณหลังมือหรือแก้มเบา ๆ
- ค้างไว้ 3 วินาที แล้วปล่อยมือ
- สังเกตดูว่าผิวใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผลลัพธ์:
- ✅ ผิวคืนตัวภายใน 1-2 วินาที → อายุผิวยังอ่อนเยาว์ (20-30 ปี)
- ⚠️ ผิวคืนตัวช้าประมาณ 3-5 วินาที → อายุผิวอยู่ในช่วง 35-45 ปี
- ❌ ผิวคืนตัวช้าเกิน 5 วินาที → อายุผิวอาจอยู่ที่ 50 ปีขึ้นไป
2. เช็กความชุ่มชื้นของผิว (Hydration Test)
วิธีเช็ก:
- ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า โดยไม่ทาครีมบำรุงใด ๆ
- ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วสังเกตผิว
- เช็กดูว่าผิวแห้งตึง หรือดูมันเยิ้มเป็นจุด ๆ
ผลลัพธ์:
- ✅ ผิวดูฉ่ำ มีความชุ่มชื้น → อายุผิวสมดุล (20-30 ปี)
- ⚠️ ผิวเริ่มแห้ง มีริ้วรอยบาง ๆ → อายุผิวอยู่ในช่วง 35-45 ปี
- ❌ ผิวแห้งแตกเป็นขุย หรือมันเยิ้มมาก → อายุผิวเกิน 50 ปี
3. เช็กริ้วรอยและร่องลึก (Wrinkle Test)
วิธีเช็ก:
- ยิ้มกว้าง ๆ แล้วดูริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ตีนกา และหน้าผาก
- คลายรอยยิ้มแล้วดูว่าริ้วรอยยังคงอยู่หรือหายไปทันที
ผลลัพธ์:
- ✅ ริ้วรอยจางลงทันทีหลังเลิกยิ้ม → อายุผิวยังอ่อนเยาว์
- ⚠️ ริ้วรอยยังคงอยู่ แต่ไม่ลึกมาก → อายุผิวอยู่ในช่วง 35-45 ปี
- ❌ ริ้วรอยลึกชัด แม้ไม่ขยับหน้า → อายุผิวเกิน 50 ปี
4. เช็กความกระชับของกรอบหน้า (Jawline Firmness Test)
วิธีเช็ก:
- ถ่ายรูปหน้าตรง เปรียบเทียบกับรูปเก่าเมื่อ 3-5 ปีที่แล้ว
- ใช้มือจับบริเวณแนวกราม และดึงขึ้นเล็กน้อย
- สังเกตว่าผิวคืนตัวได้ดีแค่ไหน
ผลลัพธ์:
- ✅ กรอบหน้าชัด ไม่มีเหนียง → อายุผิว 20-30 ปี
- ⚠️ กรอบหน้าเริ่มเบลอ เหนียงเริ่มมา → อายุผิว 35-45 ปี
- ❌ แก้มห้อย เหนียงชัด → อายุผิวเกิน 50 ปี
5. เช็กผิวใต้ตาและความสดใสของใบหน้า
วิธีเช็ก:
- สังเกตว่าใต้ตาหมองคล้ำ หรือมีริ้วรอยบาง ๆ หรือไม่
- ใช้นิ้วแตะใต้ตาเบา ๆ แล้วดูว่าผิวคืนตัวเร็วแค่ไหน
ผลลัพธ์:
- ✅ ใต้ตาดูสดใส ไม่มีริ้วรอยชัดเจน → อายุผิว 20-30 ปี
- ⚠️ เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา → อายุผิว 35-45 ปี
- ❌ ใต้ตาลึก รอยคล้ำชัด → อายุผิวเกิน 50 ปี
สรุป
ผิวหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลสะสมจากการใช้ชีวิตประจำวัน และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น หากคุณเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของผิวหย่อนคล้อยและต้องการวิธีแก้ไขที่ได้ผล การเลือกแนวทางการรักษาและการดูแลที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ โปรดอ่านเพิ่มเติมในบทความ “ผิวหย่อนคล้อยก่อนวัย แก้ยังไง? ทำหัตถการอะไรดี วิธีดูแลตัวเอง” เพื่อให้ผิวกลับมากระชับสดใสอีกครั้ง
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดกระบวนการแก่ชราได้ แต่เราสามารถชะลอและดูแลให้ผิวของเราดูดีเหมาะสมกับวัยได้ การป้องกันตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม จะช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีได้ในระยะยาว