Belotero Revive (เบโลเทโร รีไวฟ์) ผิวเนียนเด้ง ชุ่มชื้นฉ่ำวาว ดีจริงไหม?

เมื่อพูดถึงการฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาฉ่ำวาว ดูสุขภาพดีแบบไม่ต้องแต่งหน้า หลายคนอาจนึกถึงสกินบูสเตอร์หรือหัตถการเติมน้ำผิวที่กำลังมาแรง และหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดในวงการความงามช่วงนี้คือ “Belotero Revive” ฟิลเลอร์กลุ่มใหม่จากยุโรปที่ไม่ได้เน้นเติมร่อง แต่เน้นเติมคุณภาพผิว

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Belotero Revive อย่างละเอียด ตั้งแต่ส่วนผสม วิธีการทำงาน เหมาะกับใคร ผลลัพธ์ที่ได้ ไปจนถึงข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ พร้อมรีวิวจริงจากผู้ใช้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าหัตถการนี้เหมาะกับผิวคุณหรือไม่

สารบัญ hide

Belotero Revive (เบโลเทโร รีไวฟ์) คืออะไร?

Belotero Revive (เบโลเทโร รีไวฟ์) คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม “Skin Quality Filler” จากแบรนด์ Belotero ประเทศเยอรมนี พัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

จุดเด่นของ Belotero Revive อยู่ที่การออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิว (Skin Quality) ไม่ได้เน้นการปรับรูปหน้าเหมือนฟิลเลอร์ประเภทเติมเต็มทั่วไป เช่น ฟิลเลอร์คาง หรือฟิลเลอร์แก้มตอบ แต่เน้นช่วยให้ผิวชั้นตื้นมีความเรียบเนียน อิ่มฟู และดูฉ่ำวาวสุขภาพดีมากขึ้น

ส่วนผสมหลักของ Belotero Revive คือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid: HA) โมเลกุลเล็กที่ผ่านกระบวนการ Cross-linked เฉพาะของแบรนด์ และมีการผสาน Glycerol (กลีเซอรอล) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยคงความชุ่มชื้นให้อยู่ในผิวยาวนานขึ้น เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำในผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Belotero Revive ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Medical Device Class III ที่ได้รับการรับรอง CE Mark จากยุโรป และ อย. ไทยในชื่อ “Belotero Revive Lidocaine” โดยใช้สำหรับการฉีดระดับตื้น (intradermal injection) บริเวณใบหน้าและลำคอ

Belotero Revive ทำงานอย่างไร?

Belotero Revive ทำงานโดยการฉีดสารสำคัญเข้าสู่ผิวหนังชั้นตื้น (Intradermal Layer) ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “Microdroplet Injection” หรือ “Serial Puncture” โดยแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กมากในการกระจายตัวยาในปริมาณน้อยแต่ครอบคลุมทั่วบริเวณที่ต้องการ เพื่อให้สารออกฤทธิ์อย่างสม่ำเสมอทั่วผิวหน้า

สารสำคัญใน Belotero Revive ได้แก่ Hyaluronic Acid (HA) และ Glycerol โดยมีบทบาทหลักดังนี้:

  • Hyaluronic Acid (HA): เป็นกรดน้ำตาลที่พบได้ตามธรรมชาติในผิว ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมเต็มผิวที่ขาดน้ำ
  • Glycerol: เป็นสารกลุ่ม Humectant ที่ช่วยดึงและคงความชุ่มชื้นในผิวได้นานขึ้น เสริมฤทธิ์กับ HA ทำให้ผิวชุ่มชื้นลึกและยาวนานยิ่งขึ้น

ด้วยโครงสร้างของ HA ที่ได้รับการ Cross-linked แบบพิเศษ ทำให้สามารถคงตัวอยู่ในผิวได้นานพอเหมาะ ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ผิวดูหนาหรือโป๊ะ เหมาะกับการใช้เพื่อปรับคุณภาพผิวโดยเฉพาะ

กระบวนการทำงานของ Belotero Revive จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปหน้า แต่จะช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ผิวแลดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ และมีความชุ่มชื้นจากภายใน

ผลลัพธ์คืออะไร?

หลังการฉีด Belotero Revive ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ในกลุ่ม “การปรับคุณภาพผิว” มากกว่าการปรับรูปหน้าโดยตรง ผู้ใช้ส่วนใหญ่รายงานว่าผิวมีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในแง่ของ:

  • ผิวดูฉ่ำวาวแบบมีออร่า (Dewy / Radiant Look)
  • ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนแลดูเล็กลง
  • ผิวมีความชุ่มชื้นจากภายใน แต่งหน้าติดง่ายขึ้น
  • สีผิวสม่ำเสมอขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่เคยดูหมองหรือโทรม

ผลลัพธ์เหล่านี้มักเริ่มเห็นชัดภายใน 7–14 วันหลังการฉีด และจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วง 4–6 สัปดาห์ เนื่องจากมีการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้นด้วย

ควรสังเกตว่า ผลลัพธ์ของ Belotero Revive ไม่ใช่การเติมร่องลึกหรือยกกระชับใบหน้าแบบฟิลเลอร์ทั่วไป แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงคุณภาพผิวแบบละเอียด ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูดีขึ้นในระยะใกล้ ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าหนา หรือมีผิวรองพื้นตลอดเวลา

เบโลเทโร รีไวฟ์ แก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?

Belotero Revive ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับ “คุณภาพผิวโดยรวม” ไม่ได้เจาะจงไปที่จุดใดจุดหนึ่งเหมือนฟิลเลอร์ประเภทเติมร่องลึก แต่เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญกับปัญหาผิวหน้าต่อไปนี้:

  • ผิวขาดน้ำเรื้อรัง (Chronic Dehydration): ผิวแห้งลึกแม้จะใช้สกินแคร์แล้วไม่ดีขึ้น
  • ผิวหมองคล้ำจากความเครียด แสงแดด หรือพักผ่อนน้อย
  • รูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบเนียน: โดยเฉพาะช่วงแก้มและจมูก
  • ผิวหยาบกร้านจากแสงแดด (Photodamage): ผิวไม่สดใส ดูโทรม แม้แต่งหน้าแล้วก็ยังไม่ปกปิดได้หมด
  • ผิวดูไม่อิ่มฟู ไม่เต่งตึง ขาดความกระชับเล็กน้อย: แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้การยกกระชับ

โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานอายุ 25 ปีขึ้นไปที่เริ่มรู้สึกถึง “สัญญาณความเหนื่อยล้าของผิว” Belotero Revive สามารถช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสดใสขึ้นได้โดยไม่ต้องพักฟื้น

ระยะเวลาเห็นผลและคงอยู่กี่นาน?

หลังการฉีด Belotero Revive ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลภายใน 7 วัน โดยเฉพาะเรื่องความชุ่มชื้นของผิวที่ดูอิ่มฟูขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนผลด้านผิวเรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง หรือสีผิวสม่ำเสมอ จะค่อย ๆ ดีขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2–6 สัปดาห์หลังฉีด

ผลลัพธ์โดยรวมของ Belotero Revive จะคงอยู่ได้ประมาณ 6–9 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

  • อายุ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • พฤติกรรมการดูแลผิว เช่น การใช้สกินแคร์และการดื่มน้ำ
  • ปัจจัยภายนอก เช่น การโดนแดด การสูบบุหรี่ หรือความเครียด

บางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดซ้ำในช่วง 3–6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเคสที่ผิวมีปัญหามาก หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำร้ายผิวอย่างต่อเนื่อง

Belotero Revive ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปยังไง?

แม้ว่า Belotero Revive จะจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ประเภทหนึ่ง แต่ลักษณะการทำงานและจุดประสงค์ในการใช้งานแตกต่างจาก “ฟิลเลอร์ทั่วไป” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ที่ใช้เพื่อการปรับรูปหน้า เช่น ฉีดคาง เติมขมับ หรือแก้มตอบ

ตารางด้านล่างสรุปความแตกต่างระหว่าง Belotero Revive กับฟิลเลอร์ทั่วไปที่ใช้กันในคลินิกความงาม:

ประเด็นเปรียบเทียบ Belotero Revive (เบโลเทโร รีไวฟ์) ฟิลเลอร์ทั่วไป (เช่น Juvederm, Restylane)
จุดประสงค์หลัก ฟื้นฟูคุณภาพผิว เติมเต็มปรับรูปหน้า
ชั้นผิวที่ฉีด ชั้นผิวหนังตื้น (Intradermal) ชั้นผิวหนังลึกหรือใต้ผิวหนัง (Deep dermis/Supra-periosteal)
ลักษณะเนื้อฟิลเลอร์ เนื้อบาง เบา กระจายง่าย เนื้อมีความหนืดแน่น ช่วยคงรูปได้ชัดเจน
ผลลัพธ์ที่ได้ ผิวเนียน ฉ่ำวาว ดูชุ่มชื้น สุขภาพดี โครงหน้าคมขึ้น ร่องลึกดูเต็มขึ้น
ปริมาณที่ใช้ต่อครั้ง น้อย (0.5–1.0 cc) มากกว่าขึ้นกับบริเวณ (1–4 cc ขึ้นไป)

ดังนั้น หากเป้าหมายคือการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า Belotero Revive ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

เปรียบเทียบ Skin Booster: Belotero vs Skinvive vs Flore

Belotero Revive, Skinvive by Juvederm และ Flore Fill ต่างก็จัดอยู่ในกลุ่ม Skin Booster ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แม้ทั้งหมดจะมีจุดประสงค์คล้ายกัน คือการฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดูชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และสุขภาพดีขึ้น แต่แต่ละแบรนด์มีจุดเด่นเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น ส่วนผสม ความละเอียดของโมเลกุล ความหนืด หรือเทคโนโลยีที่ใช้

แนะนำอ่าน: เปรียบเทียบ Skin Booster: Belotero vs Skinvive vs Flore – ตัวไหนฉ่ำวาวจริง แบบละเอียด

ใครบ้างเหมาะกับการฉีด?

Belotero Revive เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิว โดยไม่มีความจำเป็นต้องปรับรูปหน้าหรือเติมร่องลึก โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:

  • ผู้ที่มีผิวแห้งขาดน้ำเรื้อรัง แม้ใช้สกินแคร์แล้วผิวยังไม่อิ่มฟู
  • คนที่รู้สึกว่าผิวดูโทรม หมอง ไม่สดใส โดยเฉพาะช่วงพักผ่อนน้อยหรือมีความเครียดสะสม
  • ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวไม่กระชับ ผิวบาง ไม่ยืดหยุ่น แม้ยังไม่มีริ้วรอยลึก
  • คนที่ต้องการให้ผิวหน้าเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง แต่งหน้าง่ายขึ้น
  • ผู้ที่ไม่ต้องการทำหัตถการที่ต้องพักฟื้น แต่ต้องการผลลัพธ์แบบ “ผิวดูดีขึ้นชัดเจน”

Belotero Revive ยังเหมาะกับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์หรือ Skin Booster อื่นมาก่อน และต้องการดูแลผิวระยะยาวแบบ Maintenance หรือเติมความชุ่มชื้นเป็นครั้งคราว

ทั้งนี้ ควรให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อนเสมอ โดยเฉพาะในกรณีที่มีโรคประจำตัว ผิวแพ้ง่าย หรืออยู่ระหว่างตั้งครรภ์

Belotero Revive เหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่?

Belotero Revive เป็น Skin Booster ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวจากวัยและปัจจัยแวดล้อม แม้จะยังไม่มีริ้วรอยลึกหรือผิวหย่อนคล้อยมาก โดยช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มฉีดมีดังนี้:

  • ช่วงวัย 25–30 ปี: เหมาะสำหรับการ “ป้องกันก่อนเกิดปัญหา” (Preventive Treatment) โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มรู้สึกว่าผิวแห้งลง แต่งหน้าติดยาก หรือผิวดูโทรมจากการทำงานหนัก/นอนดึก
  • ช่วงวัย 30–40 ปี: เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวจริง เช่น รูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำจากแสงแดด หรือเริ่มมีริ้วรอยบางจุด การเติม Belotero Revive จะช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
  • วัย 40 ปีขึ้นไป: สามารถใช้ควบคู่กับหัตถการอื่น เช่น ฟิลเลอร์ยกกระชับ หรือโปรแกรมลดริ้วรอย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดผิวแห้งบางหลังจากอายุที่มากขึ้น

Belotero Revive ไม่จำกัดแค่ผู้ที่มีอายุเท่านั้น แต่เหมาะกับทุกเพศที่ต้องการให้ผิวดูสุขภาพดี สดใส และได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ

Belotero Revive ใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

Belotero Revive สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ในหลายกรณี โดยเฉพาะการดูแลผิวแบบองค์รวม หรือเมื่อคนไข้ต้องการผลลัพธ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิว รูปหน้า หรือริ้วรอย อย่างไรก็ตาม ควรวางแผนร่วมกับแพทย์เพื่อความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์เสริมกันได้ดีที่สุด

หัตถการที่นิยมทำร่วมกับ Belotero Revive ได้แก่:

  • Botox (โบท็อกซ์): ช่วยลดริ้วรอยแบบ dynamic เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว ข้างตา โดยฉีดก่อนหรือหลัง Belotero ได้ แต่ควรเว้นระยะ 1–2 สัปดาห์
  • Meso / วิตามินผิว: ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นบน เพิ่มวิตามินและต้านอนุมูลอิสระ ใช้เสริมกับ Revive ที่เติมน้ำผิวจากชั้นลึก
  • IPL / เลเซอร์: ควรทำก่อนการฉีด Belotero Revive อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือเสี่ยงต่อการอักเสบของผิว
  • Ulthera Prime / Ultraformer III / Oligio: การทำยกกระชับด้วยคลื่นพลังงานควรเว้นระยะจากการฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และทำก่อนเสมอ

การวางแผนร่วมกันของแพทย์และคนไข้จะช่วยให้การใช้ Belotero Revive กับหัตถการอื่นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่รบกวนผลลัพธ์ของกันและกัน

เตรียมตัวก่อนทำ Belotero Revive

ก่อนเข้ารับการฉีด Belotero Revive ควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 3–7 วัน เพื่อให้ผิวอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุด และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ดังนี้:

  • งดวิตามินและยาที่อาจเพิ่มโอกาสช้ำ/เลือดออกง่าย เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, แอสไพริน, ยาละลายลิ่มเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ประจำก่อนหยุดยา)
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมงก่อนฉีด
  • งดทำหัตถการรุนแรงหรือเลเซอร์ที่ผิวหน้ามาก่อน 1 สัปดาห์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากขึ้น 2–3 วันล่วงหน้า เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นพร้อมรับตัวยา

ขั้นตอนการฉีดเป็นอย่างไร?

ขั้นตอนการฉีด Belotero Revive จะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยดำเนินการภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยทั่วไป ขั้นตอนจะเป็นดังนี้:

  1. ประเมินสภาพผิว: แพทย์จะตรวจสอบสภาพผิวจริง เช่น ความชุ่มชื้น, ความหยาบ, รูขุมขน, สีผิว เพื่อประเมินว่าควรฉีดบริเวณใดและใช้ปริมาณเท่าใด
  2. ทำความสะอาดและเตรียมผิว: ล้างหน้าและฆ่าเชื้อ พร้อมทายาชาเฉพาะที่ (Topical Anesthetic) เพื่อให้รู้สึกสบายขณะฉีด
  3. ฉีด Belotero Revive: ใช้เทคนิค Microdroplet Injection หรือ Serial Puncture ฉีดตัวยาในปริมาณเล็ก ๆ กระจายทั่วผิวชั้นตื้น
  4. ประคบเย็น: หลังฉีดจะมีการประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมแดงเล็กน้อย

ระยะเวลาการทำทั้งหมดประมาณ 30–45 นาที และไม่ต้องพักฟื้น คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การดูแลหลังทำทันที

หลังฉีด Belotero Revive ผิวอาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะดูแลตามขั้นตอนดังนี้:

  • ประคบเย็นทันทีหลังฉีด เพื่อลดการอักเสบหรือบวมชั่วคราว
  • งดสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 6 ชั่วโมงหลังทำ
  • หลีกเลี่ยงการนวดหน้า กดผิวแรง หรือใช้ครีมที่มีสารกระตุ้น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
  • แพทย์จะประเมินอีกครั้งหลังทำทันที และนัดติดตามผลในบางกรณี

การดูแลหลังทำในช่วง 48 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังทำมีผลต่อผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมาก เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและเห็นผลชัดเจน ควรปฏิบัติดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด ความร้อนสูง หรืออบซาวน่า เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง เช่น วิ่ง ยกเวท
  • งดการแต่งหน้าหนักหรือใช้สกินแคร์ที่มีสารผลัดเซลล์ เช่น AHA, BHA, Retinol จนกว่าผิวจะหายสนิท
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ HA และ Glycerol ทำงานได้เต็มที่

ดูของแท้ Belotero Revive ยังไง?

เนื่องจากในตลาดมีความเสี่ยงเรื่องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ปลอมที่อาจแอบอ้างว่าเป็นของแท้ การตรวจสอบ “Belotero Revive ของแท้” ก่อนฉีดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

จุดสังเกตสำคัญของ Belotero Revive ของแท้:

  1. ฉลากชื่อเต็มต้องระบุว่า “Belotero Revive Lidocaine” และเป็นกล่องสีเทาอ่อน มีแถบสีฟ้า (แตกต่างจาก Belotero Balance/Soft ที่เป็นสีอื่น)
  2. ต้องมีเลขทะเบียน อย. ไทย (Thailand FDA Reg. No.) สังเกตจากสติ๊กเกอร์หรือเอกสารกำกับภาษาไทย
  3. มี QR code หรือ Serial Number ตรวจสอบได้ ผู้ผลิต Merz มีระบบตรวจสอบกล่องผ่านแอปหรือเว็บไซต์ (เช่น app “Check Authentic” หรือ QR code ในระบบของคลินิก)
  4. แพทย์ควรแกะกล่องต่อหน้าคนไข้ เพื่อแสดงความโปร่งใส สามารถให้คนไข้ดูกล่อง, serial, และวันหมดอายุได้ชัดเจน
  5. กล่องต้องไม่บุบ มีซีลครบ และสภาพใหม่เท่านั้น

ข้อควรระวัง:

  • ห้ามเชื่อโปรโมชั่นราคาต่ำผิดปกติ
  • หลีกเลี่ยงคลินิกที่ไม่ให้ดูกล่องหรืออ้างว่า “ยานำเข้าเอง”
  • แม้จะมี serial หรือ QR หากไม่สามารถยืนยันกับแพทย์หรือผู้นำเข้าได้ ก็ไม่ควรเสี่ยง

Belotero Revive เหมาะกับผู้ชายไหม?

แม้ Belotero Revive จะเป็นหัตถการยอดนิยมในกลุ่มผู้หญิง แต่ก็เหมาะกับผู้ชายอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ชายที่ต้องการดูแลผิวให้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องการให้ผิวดูวาวหรือเงาจนเกินไป

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในผู้ชาย ซึ่ง Belotero Revive สามารถช่วยได้ เช่น:

  • ผิวแห้งลึกจากการโดนแดดเป็นประจำ หรือขาดการดูแล
  • รูขุมขนกว้าง หน้ามัน แต่ผิวขาดน้ำภายใน
  • ผิวหมองคล้ำจากความเครียด พักผ่อนน้อย หรือการสูบบุหรี่
  • ผิวไม่เรียบ แต่งหน้าไม่ติด (สำหรับผู้ชายที่ต้องขึ้นกล้องหรือถ่ายงาน)

Belotero Revive สามารถปรับปริมาณและเทคนิคการฉีดให้เข้ากับลักษณะผิวของผู้ชายโดยเฉพาะ เช่น การฉีดแบบกระจายเบา ไม่เน้นวาว ไม่โป๊ะ และไม่ทำให้ผิวดูแวววับจนเสียบุคลิกภาพ

จากประสบการณ์ในคลินิก ความพึงพอใจของคนไข้ผู้ชายหลังฉีด Belotero Revive มักสูง เพราะผิวดูดีขึ้นแบบ “ไม่ต้องมีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา”

FAQ Belotero Revive

Belotero Revive อยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6–9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และพฤติกรรมการดูแลผิวของแต่ละคน

ฉีด Belotero Revive เจ็บไหม?

ส่วนมากคนไข้จะรู้สึกแค่จิ๊ด ๆ ขณะฉีด เพราะตัวยามี Lidocaine ผสมในเนื้อฟิลเลอร์ และแพทย์จะทายาชาก่อนฉีดด้วย

หลังฉีด Belotero Revive ต้องพักฟื้นไหม?

ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที แนะนำเพียง งดความร้อน แอลกอฮอล์ และออกกำลังกายหนัก 48 ชั่วโมงแรก

ฉีดแล้วหน้าจะมันหรือวาวเกินไปไหม?

ไม่วาวจนเงาเหมือนผิวมัน เนื้อฟิลเลอร์ถูกออกแบบให้ “ซึมและกระจายตัวดี” ให้ความฉ่ำวาวแบบผิวสุขภาพดี ไม่ทำให้ผิวดูมันเยิ้ม

เหมาะกับอายุเท่าไหร่?

เหมาะตั้งแต่ช่วงวัย 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีปัญหาผิว หรืออยากดูแลผิวแบบป้องกันก่อนเกิดปัญหา

ฉีดซ้ำได้เมื่อไหร่?

สามารถฉีดซ้ำได้ทุก 3–6 เดือน ขึ้นกับความต้องการและสภาพผิว โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผลหมดก่อน

Belotero Revive ต่างจาก Profhilo หรือ Skinvive ยังไง?

Belotero Revive มีส่วนผสมของ HA + Glycerol เน้นเติมน้ำแบบลึก + ชุ่มชื้นยาวนาน ในขณะที่ Profhilo เน้นการกระตุ้นคอลลาเจน และ Skinvive ออกแบบมาสำหรับความวาวบางแบบเฉพาะ

ฉีด Belotero Revive แล้วเป็นสิว หรืออุดตันไหม?

ไม่ก่อให้เกิดสิวหรือการอุดตัน เพราะไม่ได้มีน้ำมันหรือสารที่อุดตันรูขุมขน แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่แรงหรือแต่งหน้าหนักในช่วง 48 ชั่วโมงแรก

คนผิวแพ้ง่าย ฉีดได้ไหม?

โดยทั่วไปสามารถฉีดได้ แต่ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงสารที่อาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้ และทำ Skin Test ในบางกรณี

ผู้ชายฉีดได้ไหม? จะวาวเกินไปหรือเปล่า?

ฉีดได้แน่นอน และสามารถปรับเทคนิคให้ผิวดูดีแต่ไม่วาวเกิน เช่น ฉีดปริมาณน้อย กระจายเบา ผิวดูดีแบบ “ไม่โป๊ะ”

ถ้ากำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ฉีดได้ไหม?

ไม่แนะนำให้ฉีดในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่ชัดเจนเพียงพอ

ฉีดแล้วออกแดดได้ไหม?

หลังฉีดควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรง 48–72 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอักเสบหรือระคายเคืองง่าย

ฉีด Belotero Revive ครั้งแรกต้องใช้กี่ cc?

ส่วนใหญ่ใช้ประมาณ 1 cc ต่อครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและบริเวณที่ฉีด แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำที่เหมาะสม

บทสรุป

Belotero Revive ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่ของการดูแลผิว ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความชุ่มชื้น ความเรียบเนียน และความสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่อยากฟื้นฟูผิวแบบไม่เปลี่ยนรูปหน้า ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้อย่างลงตัว

หากคุณเริ่มรู้สึกว่าผิวโทรม แต่งหน้าติดยาก หรืออยากดูแลผิวลึกมากกว่าการใช้สกินแคร์เพียงอย่างเดียว การลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับ Belotero Revive อาจเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผิวให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา