Oligio ยกกระชับผิวหน้าไม่ต้องผ่าตัด หน้าเรียวทันที
ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าผิวหน้าไม่ตึงเหมือนเดิม กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด หรือมีริ้วรอยเล็กๆ ที่ทำให้หน้าดูเหนื่อยล้า Oligio อาจเป็นคำตอบ เทคโนโลยียกกระชับจากเกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะให้ผลลัพธ์ชัดเจน เจ็บน้อย ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่อยากดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในเวลาอันสั้น
Oligio คืออะไร?
Oligio คือเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF) แบบ Monopolar ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูกระชับ อ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด Oligio ใช้คลื่น RF ความถี่ 6.78 MHz ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแน่นขึ้น เรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า คลื่น RF มันทำงานอย่างไร? จริงๆ แล้วคลื่นวิทยุที่ใช้ใน Oligio จะถูกส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิวลึก โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก คล้ายกับ Thermage ที่หลายคนคุ้นเคย แต่ Oligio พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ที่เน้นความปลอดภัยและความสบายของผู้รับบริการเป็นหลัก
จุดเด่นของ Oligio ที่หมออยากให้รู้
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล: เป็นหัตถการที่ไม่ลุกล้ำ ไม่ต้องพักฟื้น
- เจ็บน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยระบบ Skin Temp. Tracking และ Cooling System ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิผิวอย่างแม่นยำ
- เห็นผลได้ทันทีบางส่วนหลังทำ และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นใน 2–6 เดือน
- เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในคลินิกความงามหลายแห่งทั่วเอเชีย เพราะสามารถตอบโจทย์ผู้ที่มองหาวิธีกระชับผิวแบบไม่ต้องพักฟื้น และปลอดภัยภายใต้การดูแลของแพทย์
ทำไมหลายคนเรียกว่า “Thermage เกาหลี”
ที่หลายคนเรียก Oligio ว่า “Thermage เกาหลี” ก็เพราะว่าเทคโนโลยีนี้มีหลักการคล้ายกับ Thermage ในแง่ของการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุเพื่อยกกระชับผิว แต่ Oligio ได้รับการปรับปรุงให้เจ็บน้อยลง มีระบบควบคุมอุณหภูมิและแรงกดอัตโนมัติ (Skin Temp Tracking และ Pressure Sensor) เพิ่มความปลอดภัย และมีหัวทิปที่ออกแบบเฉพาะให้เข้ากับแต่ละบริเวณของใบหน้าและลำคอ ทำให้การรักษามีความแม่นยำและสบายมากขึ้นครับ
Oligio ดีไหม? ให้ผลลัพธ์ยังไง?
ถ้าถามว่า Oligio ดีไหม? จากประสบการณ์ที่คุณหมอได้ดูแลเคสจริงมาตลอด ต้องบอกเลยครับว่า Oligio เป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับที่มีประสิทธิภาพและได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งแพทย์และผู้รับบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้ที่มองหาวิธีลดความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด
Oligio ให้ผลลัพธ์ยังไง?
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ “การยกกระชับผิวทันทีหลังทำ” และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-6 เดือน เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ยังคงดำเนินต่อไป ทำให้ผิวแน่นขึ้น เต่งตึงขึ้น และดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึงจนดูไม่สมจริง
ยกกระชับได้จริงไหม
หมอยืนยันเลยว่า Oligio ทำได้จริงครับ เพราะตัวเครื่องใช้พลังงาน Monopolar RF ที่เป็นเทคโนโลยีเดียวกับ Thermage ซึ่งมีงานวิจัยรองรับเรื่องการยกกระชับมายาวนาน และในเวอร์ชัน Oligio ก็มีการพัฒนาเพิ่มเติมให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น เจ็บน้อยลง และแม่นยำขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการคุมอุณหภูมิและความลึกของพลังงาน
Oligio ต่างจากเทคนิคอื่นยังไง?
จริงๆ แล้วเทคโนโลยียกกระชับผิวมีอยู่หลายแบบนะครับ ไม่ว่าจะเป็น Thermage, Ultherapy Prime, HIFU หรือ RF แบบอื่นๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นเฉพาะของตัวเอง และเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน
ตรงนี้หมอจะช่วยสรุปเปรียบเทียบระหว่าง Oligio กับเทคนิคยอดนิยมอื่นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ เลยครับว่า ต่างกันตรงไหน และแบบไหนเหมาะกับใคร
Oligio vs Ulthera (Ultherapy PRIME)
- จุดต่าง: Ulthera จะยิงเป็นจุดแบบ “Dot to Dot” ที่แม่นยำและลึก ส่วน Oligio ใช้ RF กระจายพลังงานอย่างสม่ำเสมอทั่วพื้นที่ ทำให้รู้สึกเบากว่าและใช้เวลาทำน้อยกว่า
- ผลลัพธ์: Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยชัดเจน หรืออายุมากกว่า ส่วน Oligio เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาเล็กน้อย หรืออยากยกกระชับแบบเบาสบาย ไม่ต้องพักฟื้น
- ราคา: Ulthera ราคาสูงกว่า Oligio ประมาณ 1.5–2 เท่า
Oligio vs HIFU (เช่น Ultraformer)
- จุดต่าง: HIFU (Ultraformer) มักได้ผลน้อยกว่า RF ในเคสที่มีไขมันเยอะ เช่น แก้มหรือเหนียง เพราะพลังงานลงไม่ลึกพอ ส่วน Oligio ส่งพลังงานได้ทั้งลึกและกว้าง เหมาะกับการยกทั้งหน้าแบบทั่วถึง
- ผลลัพธ์: เคสที่เคยทำ HIFU แล้วไม่ค่อยเห็นผล มักจะตอบสนองต่อ Oligio ได้ดีกว่า ส่วน HIFU จะเหมาะกับผู้ที่อายุน้อยหรือมีปัญหาเพียงเล็กน้อย
Oligio vs Thermage
- จุดต่าง: Oligio เป็นเวอร์ชันใหม่ที่พัฒนาต่อจาก Thermage โดยใส่ระบบ Cooling + Vibration
ช่วยลดความรู้สึกแสบร้อน ทำให้รู้สึกสบายกว่า ในขณะที่ Thermage FLX พลังงานสูงกว่า เห็นผลชัดในเคสที่ผิวหย่อนมาก แต่จะเจ็บกว่าชัดเจน - ผลลัพธ์: ทั้งคู่ช่วยยกกระชับกรอบหน้า ร่องแก้ม และเหนียง ผลจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วง 2–6 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 12–18 เดือน
- ราคา: Oligio ราคาย่อมเยากว่า Thermage ประมาณ 30–50% แล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละคลินิก
Oligio + Botox / Filler ได้ผลเสริมกันไหม?
คุณหมอตอบเลยว่า ได้ผลเสริมกันดีมากครับ
- Oligio จะช่วยยกกระชับผิวโดยรวม กระตุ้นคอลลาเจน และลดความหย่อนคล้อย
- Botox ช่วยลดริ้วรอยจากกล้ามเนื้อ เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา
- Filler เติมเต็มร่องลึก ปรับโครงหน้า เช่น ใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม
ดังนั้นการใช้ร่วมกันในจังหวะที่เหมาะสม จะให้ผลลัพธ์ที่สวยแบบองค์รวม ดูละมุนและธรรมชาติกว่าการทำอย่างใดอย่างหนึ่งครับ
Oligio เหมาะกับใคร?
Oligio เหมาะกับใครบ้าง?จริงๆ แล้วเทคโนโลยี Oligio ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้หลากหลายช่วงวัยเลยครับ แต่จะเหมาะกับใครมากที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาและเป้าหมายที่ต้องการจากการยกกระชับผิว
ช่วงอายุที่เหมาะกับการทำ Oligio
- คนอายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มเห็นโครงหน้าหลวม ไม่คม หรือมีเหนียงเล็กน้อย ก็สามารถเริ่มดูแลล่วงหน้าได้ครับ
- ช่วงอายุที่หมอแนะนำเป็นพิเศษคือ 30-50 ปี เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีการเสื่อมของคอลลาเจนอย่างชัดเจน ผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยไม่ต้องรอให้ผิวหย่อนมากจึงจะเห็นผล
- สำหรับกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป Oligio ก็ยังทำได้ โดยเฉพาะถ้าผิวมีความหย่อนระดับปานกลาง
ลักษณะปัญหาผิวแบบไหนที่ Oligio เห็นผลชัด?
- กรอบหน้าไม่ชัด กรอบหน้าตก
- เหนียงเริ่มมา หรือมีไขมันใต้คางเล็กน้อย
- แก้มห้อย ผิวหย่อนตรงมุมปาก
- ร่องแก้มลึกขึ้นเล็กน้อย
- รูขุมขนกว้าง ผิวไม่กระชับ
- คอเริ่มมีริ้ว หรือผิวไม่เรียบ
- ไม่ต้องการพักฟื้นหรือมีแผลหลังทำ
กลุ่มนี้จะเห็นผลชัดเจนมาก โดยเฉพาะเคสที่ไม่ได้มีผิวหย่อนคล้อยมากจนเกินไป
เหมาะกับผู้หญิง ผู้ชาย หรือใครบ้าง?
- ผู้หญิง: เหมาะมาก เพราะช่วยปรับโครงหน้าให้ดูชัดและละมุนขึ้นแบบไม่แข็ง ไม่ดูดึงจนเกินไป
- ผู้ชาย: หลายคนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง “เหนียง” และ “กรอบหน้า” Oligio ช่วยได้ดีแบบไม่ทำให้หน้าดูหวานเกินไป
- ผู้สูงอายุ: สำหรับคนที่อยากดูแลตัวเองโดยไม่ผ่าตัด Oligio เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเห็นผลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- คนทำงาน / พนักงานออฟฟิศ: หมอแนะนำเลย เพราะไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น ทำช่วงพักเที่ยงหรือวันหยุดได้เลย เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากครับ
ก่อนไปทำ Oligio ต้องเตรียมตัวยังไง
- งดการใช้ครีมผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, Retinol หรือวิตามินซีเข้มข้น อย่างน้อย 3 วันก่อนทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวบางหรือระคายเคืองระหว่างทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงในคืนก่อนวันทำ ผิวที่ได้พักเต็มที่จะตอบสนองกับพลังงาน RF ได้ดีขึ้น และลดโอกาสบวมแดงหลังทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะมีผลต่อการไหลเวียนเลือดและการฟื้นฟูผิว
- ดื่มน้ำเยอะๆ ล่วงหน้า 1–2 วัน ผิวที่ชุ่มชื้นจะตอบสนองต่อการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่าผิวขาดน้ำครับ
- หากมีโรคประจำตัว หรือเคยมีการผ่าตัดบริเวณใบหน้า / ฟิลเลอร์ / ร้อยไหม / Botox มาก่อน ควรแจ้งแพทย์ให้ละเอียด เพื่อวางแผนการยิงพลังงานอย่างปลอดภัย
ขั้นตอนการทำ Oligio ที่คลินิก
- การปรึกษาแพทย์ (Consultation)
- แพทย์จะประเมินลักษณะผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
- มีการอธิบายแผนการรักษา พร้อมระบุบริเวณที่ต้องทำ
- หากเป็นบริเวณลำตัว อาจมีการวัดขนาดและถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นข้อมูลก่อนการรักษา
- การเตรียมผิวก่อนทำ (Preparation)
- ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ทาเจลนำคลื่น RF บางชนิด (เช่น Radio Frequency Oil) เพื่อช่วยให้พลังงานส่งผ่านได้ดีขึ้น
- ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาชาในหลายกรณี แต่หากผู้ป่วยมีความไวต่อความรู้สึก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาชาตามความเหมาะสม
- ระหว่างการรักษา (Treatment)
- แพทย์จะใช้หัวเครื่อง Oligio สัมผัสลงบนผิวและเริ่มส่งพลังงานความร้อนแบบควบคุมลึกลงไปยังชั้นผิว
- ขณะทำจะรู้สึกอุ่นหรืออุ่นจัดในบางจุด แต่ไม่ควรมีอาการปวดหรือแสบร้อน
- ระยะเวลาในการทำแต่ละบริเวณจะขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 30–60 นาที
การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio
หลังจากทำ Oligio แล้ว หลายคนมักถามว่าต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง หมอตอบได้เลยครับว่าโดยรวมถือว่า “ดูแลง่ายมาก” เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ทำให้เกิดแผลหรือการลอกของผิว แต่การดูแลผิวที่เหมาะสมหลังทำจะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์ของการยกกระชับอยู่ได้นานขึ้นและผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุดครับ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงใน 24-72 ชั่วโมงแรก
- งดการสัมผัสผิวแรงๆ เช่น ขัดหน้า สครับ หรือกดสิว
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด / การออกแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก
- งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้หน้าอุณหภูมิสูง เช่น วิ่งหนัก เข้ายิมในห้องร้อน
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เช่น Retinol, AHA/BHA, วิตามินซีเข้มข้น หรือกรดผลไม้
ควรทาครีมหรือเลี่ยงแดดยังไง?
- ใช้ผลิตภัณฑ์ เพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ทาครีมกันแดดที่ SPF 50+ ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าและก่อนออกจากบ้าน
- ถ้าออกนอกบ้านในช่วงกลางวัน ควรสวมหมวก ป้องกันแสงแดดเพิ่มเติมด้วย
ทำกิจกรรมประจำวันได้ไหม?
- สามารถกลับไป ใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที หลังทำ เช่น ไปทำงาน ประชุม หรือออกไปข้างนอก
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ (หลังจากผ่านไป 3-6 ชั่วโมง)
หมอขอเสริมว่า การดูแลผิวหลังทำ Oligio เป็นเหมือนการดูแลหลังผิวออกกำลังกายครับ ยิ่งคุณดูแลดีเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้จากการสร้างคอลลาเจนใหม่ก็จะยิ่งชัดและอยู่ได้นานขึ้นครับ
ดังนั้น หากคุณมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องทำงานทุกวัน หรือไม่สะดวกพักฟื้น Oligio ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากครับ
Oligio เจ็บไหม? ขณะทำรู้สึกยังไง? ต้องพักฟื้นหรือไม่?
จริงๆ แล้ว Oligio ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเจ็บเทียบกับ RF รุ่นก่อนๆ ด้วยระบบ Contact Vibration และ Cooling Gas System ที่ช่วยลดอุณหภูมิผิวด้านบน จึงรู้สึกอุ่นๆ บริเวณที่ทำ แต่ไม่ถึงกับเจ็บ คนไข้หลายคนเปรียบเทียบว่า “รู้สึกเหมือนนวดร้อนเบาๆ” มากกว่าเจ็บครับ ซึ่งถ้าใครเคยทำ Thermage หรือ HIFU มาก่อน จะรู้สึกว่า Oligio สบายกว่าพอสมควรเลย (เรียงจากน้อยไปมาก Oligio < HIFU < Thermage)
เปรียบเทียบความเจ็บ Oligio / Thermage / HIFU
- Oligio: ความรู้สึกขณะทำจะเป็นลักษณะ “อุ่นๆ ตึงๆ” คล้ายการนวดร้อน ไม่ใช่ความเจ็บแบบจี๊ดหรือแสบลึก มีระบบ Cooling Gas และ Vibration System ช่วยให้รู้สึกสบายตลอดการทำ
- Thermage: ใช้พลังงาน RF แบบเดียวกันแต่ความเข้มข้นสูงกว่า จึง “เจ็บกว่า” โดยเฉพาะบริเวณกระดูก (เช่น กราม หน้าผาก)
- HIFU: บางคนรู้สึก “จี๊ดลึก” หรือกระตุกตามเส้นประสาท โดยเฉพาะรอบกรอบหน้า
จำเป็นต้องใช้ยาชาหรือไม่?
- หมอแนะนำให้แปะยาชา ทุกเคสครับ เพื่อให้คุณรู้สึกสบายที่สุดระหว่างทำ แม้ว่า Oligio จะเจ็บน้อยอยู่แล้ว
- ยาชาจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ก่อนเริ่มหัตถการ
ต้องพักฟื้นไหม?
- ไม่ต้องพักฟื้นเลยครับ สามรถกลับไปใช้ชีวิติปกติได้ทันที
- แนะนำให้หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ และงดออกกำลังกายหนักใน 24-72 ชั่วโมงแรก
Oligio ราคาเท่าไหร่
เรื่องราคาของ Oligio จริงๆ แล้วมีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาแตกต่างกันนะครับ ทั้งเรื่องจำนวน Shot, บริเวณที่ทำ, คุณภาพของคลินิก และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ ซึ่งหมอจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าราคาโดยทั่วไปเป็นอย่างไร และอะไรที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจครับ
ราคา Oligio โดยทั่วไป (อัปเดตปี 2025)
- แบบคิดตามจำนวน Shot
- เริ่มต้นที่ประมาณ 100-150 Shot ราคา 5,000 – 7,500 บาท
- แบบเต็มหน้า (300-600 Shot) ราคาอยู่ที่ 15,000 – 30,000 บาท
- แบบคิดตามพื้นที่
- กรอบหน้า / เหนียง: ~12,000 – 18,000 บา
- เต็มหน้า + คอ: ~30,000 – 50,000 บาท
- บริเวณเฉพาะจุด (ใต้ตา / แก้ม): 6,000 – 10,000 บาท
หมอแนะนำว่าควรสอบถามรายละเอียดและอ่านรีวิวก่อนเลือกแพ็กเกจ เพราะควรมีการประเมินโดยแพทย์ก่อนเสมอครับ
ราคาแตกต่างกันตามอะไรบ้าง?
- คุณภาพของคลินิกและแพทย์ผู้ให้บริการ
- คลินิกที่มีแพทย์ประจำ มีเครื่องแท้ และวางพลังงานแม่นยำ จะมีราคาสูงกว่า แต่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ดีกว่า
- เครื่องแท้ / เครื่องเทียบ
- Oligio เป็นเครื่องจากบริษัท Wontech เกาหลีใต้ มีเลขจดทะเบียน อย. ชัดเจน
- บางคลินิกอาจใช้เครื่อง RF ที่ “คล้าย Oligio” แต่ไม่ใช่ของแท้ ซึ่งราคาจะถูกกว่าแต่ผลลัพธ์และความปลอดภัยอาจไม่เทียบเท่า
- การวางพลังงาน (เทคนิคของแพทย์)
- แพทย์ที่มีเทคนิควางพลังงานในแนวลึกและตามโครงสร้างใบหน้า จะทำให้ผลลัพธ์ชัดขึ้นและอยู่ได้นานกว่า
หากสนใจ หมอแนะนำให้เข้ามาปรึกษา (ฟรี) กับแพทย์ที่เชี่ยวชาญก่อน จะได้ประเมินว่าควรใช้กี่ Shot และทำกี่ครั้งต่อปีถึงจะเหมาะกับสภาพผิวของคุณครับ
Oligio มีผลข้างเคียงหรือไม่?
Oligio จัดเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง เพราะใช้เทคโนโลยี Monopolar RF ซึ่งเป็นคลื่นความถี่วิทยุที่ผ่านการรับรองและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ความงามมาหลายปี แต่ก็เหมือนกับทุกหัตถการครับ แม้จะไม่ต้องผ่าตัด ก็ยังมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่ “อาจเกิดขึ้นได้” โดยเฉพาะถ้าทำโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์หรือใช้เครื่องไม่ตรงมาตรฐาน
อาการทั่วไปหลังทำ Oligio
โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาการเล็กน้อย ไม่ต้อง กิน/ใช้ ยา สามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน เช่น
- บวมเล็กน้อย บริเวณที่ทำ โดยเฉพาะแก้ม เหนียง หรือคอ
- ผิวแดง ในจุดที่ได้รับพลังงานมาก
- รู้สึกร้อนผิวเล็กน้อย คล้ายอาการผิวโดนแดด
- ผิวตึงหรือระบมเบาๆ โดยเฉพาะในคนที่ผิวบาง
หากมีอาการข้างเคียงหลังทำ Oligio ที่ไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาปกติ (เช่น บวม แดง แสบผิวนานเกิน 2–3 วัน หรือรู้สึกตึง ชา หรือเจ็บลึกนานเกิน 1 สัปดาห์) หมอแนะนำให้กลับเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ทำหัตถการทันที เพื่อให้แพทย์ประเมินว่าอาการนั้นอยู่ในขอบเขตปกติหรือเริ่มเข้าสู่ภาวะแทรกซ้อน
หากจำเป็น แพทย์อาจให้ยาทา ยากิน หรือทำหัตถการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาอาการ เช่น
- ใช้ยาทาสเตียรอยด์ชนิดอ่อนเพื่อลดการอักเสบเฉพาะจุด
- รับประทานยาแก้ปวดหรือยาแก้แพ้หากมีผื่นหรืออาการแสบคัน
- ทำการรักษาด้วยคลื่นแสงเย็น (LED light) เพื่อลดการอักเสบและกระตุ้นการฟื้นฟูผิว
อย่าปล่อยไว้นานหรือซื้อยามาทาเอง โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น หรือยิ่งทำให้ผิวอ่อนแอลงได้ครับ
ความเสี่ยงหากใช้เครื่องปลอมหรือทำกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ
หากทำ Oligio กับคลินิกที่ไม่มีแพทย์ประจำ หรือใช้เครื่องไม่แท้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น
- รอยไหม้ผิว (Burns) จากพลังงานที่ไม่เหมาะสม หรือไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ
- อาการช้ำใต้ผิวหนัง จากการกดหรือยิงพลังงานซ้ำจุดเดิม
- ผิวไม่เรียบ / ยกไม่เท่ากัน จากเทคนิคการวางพลังงานที่ไม่เหมาะกับโครงหน้า
- ระคายเคือง / อักเสบ จากการใช้หัวทิปซ้ำ หรืออุปกรณ์ไม่สะอาด
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง
- เลือกคลินิกที่มีแพทย์ประเมินและดูแลหัตถการด้วยตัวเอง
- ตรวจสอบว่าเป็นเครื่อง Oligio ของแท้ (ผลิตโดย Wontech ประเทศเกาหลีใต้)
- ให้แพทย์ประเมินสภาพผิวก่อนทำทุกครั้ง เพื่อปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำอย่างเคร่งครัด เช่น งดแดด งดร้อนจัด หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักใน 24 ชม. แรก
- ไม่ทำถี่เกินไป ปกติทำทุก 6-12 เดือนก็เพียงพอ
Oligio ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นชัด?
นี่เป็นคำถามที่หมอมักเจอทุกครั้งที่มีคนสนใจ Oligio นะครับ หลายคนอยากรู้ว่าจะเห็นผลเมื่อไหร่ ทำครั้งเดียวพอไหม หรือควรทำกี่ครั้งถึงจะได้ผลชัดเจน ซึ่งหมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ครับ
เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกจริงไหม?
ใช่ครับ เห็นผลทันทีหลังทำ โดยเฉพาะความรู้สึกผิว “ตึงขึ้น แน่นขึ้น” และบางคนอาจเริ่มสังเกตว่า กรอบหน้าชัดขึ้นหรือเหนียงลดลงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์หลักจะค่อยๆ พัฒนาเรื่อยๆ ในช่วง 2-6 สัปดาห์ เพราะต้องรอร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ตามธรรมชาติ
ทำครั้งเดียวพอไหม หรือควรทำต่อเนื่อง?
- สำหรับคนที่ผิวยังไม่หย่อนคล้อยมาก หรือเพิ่งเริ่มต้นดูแลตัวเอง ทำครั้งเดียวก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
- แต่ถ้าต้องการผลที่ “ชัดมากขึ้น” หรือมีปัญหาผิวหลายจุด เช่น กรอบหน้า + แก้ม + เหนียง หมออาจแนะนำให้ ทำ 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือน เพื่อเร่งการสร้างคอลลาเจนและปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
ควรเว้นระยะห่างกี่เดือนในการทำซ้ำ?
- หากต้องการทำซ้ำ หมอแนะนำเว้นระยะห่างอย่างน้อย 6-12 เดือน
- ไม่ควรทำถี่เกินไป เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจน
- ในบางเคส หมออาจแนะนำ ทำปีละ 1 ครั้ง เป็นการบำรุงและชะลอความเสื่อมของผิวในระยะยาว
ผลลัพธ์จาก Oligio อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์จาก Oligio อยู่ได้นานประมาณ 12–18 เดือนหลังทำครั้งเดียว ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว และการดูแลตัวเอง หากผิวยังอ่อนวัยและได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสม การทาครีมกันแดด ใช้สกินแคร์ที่กระตุ้นคอลลาเจน และทำทรีตเมนต์เสริมจะช่วยยืดผลลัพธ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน แต่พฤติกรรมอย่างการตากแดด สูบบุหรี่ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผลอยู่สั้นลงได้
เครื่อง Oligio ของแท้ดูยังไง
ความนิยมของ Oligio กำลังมาแรงในวงการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ทำให้มีเครื่องเลียนแบบหรือเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐานเริ่มแพร่หลายในบางคลินิก ดังนั้นถ้าคุณกำลังมองหาความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มั่นใจได้ 100% หมอขอแนะนำให้สังเกตและสอบถามข้อมูลให้ชัดเจนก่อนทำทุกครั้งครับ
ลักษณะเครื่อง Oligio ของแท้
- ผลิตโดยบริษัท Wontech ประเทศเกาหลีใต้
- เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีความงามรายใหญ่ของเกาหลี และเจ้าของลิขสิทธิ์เทคโนโลยี Oligio โดยตรง
- มี Serial Number และใบรับรองอย่างชัดเจน
- เครื่องของแท้จะมี หมายเลขประจำเครื่อง (Serial No.) ที่ตัวเครื่องและในเอกสารการนำเข้า
- ผ่านการจดทะเบียนกับ อย. ประเทศไทย
- หมอแนะนำให้สอบถามคลินิกว่า “มีใบอนุญาตเลขที่ อย. สำหรับเครื่อง Oligio หรือไม่” เพราะเครื่องที่นำเข้าอย่างถูกต้องจะต้องได้รับการตรวจสอบจาก อย. เสมอ
ขอดูอะไรจากคลินิกเพื่อความมั่นใจ?
- ขอดูตัวเครื่องจริงก่อนทำ สังเกตชื่อเครื่อง “Oligio” ต้องอยู่ที่หน้าจอหรือแผงควบคุม
- สอบถามแพทย์ถึงใบรับรองเครื่อง เช่น ใบจดแจ้ง อย., ใบรับประกันจากบริษัท Wontech
- สอบถามเรื่องหัวทิป (Tip) ที่ใช้ในหัตถการ
- ควรเป็นหัวทิปใหม่แกะกล่องเฉพาะบุคคล
- ไม่ควรใช้หัวทิปซ้ำ (อันตรายต่อความสะอาดและพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอ)
เครื่องปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน อันตรายยังไง?
- พลังงานไม่สม่ำเสมอหรือลึกเกินไป → เสี่ยงต่อ ผิวไหม้, รอยแดง, ผิวไม่เรียบ
- หัวทิปไม่มีระบบ Cooling ที่ปลอดภัย → ผิวอาจเกิดอาการบวม แดง หรือร้อนเกินระดับปลอดภัย
- อาจไม่สามารถควบคุมความลึกของพลังงานได้จริง → ผลลัพธ์ไม่ชัด หรือยกหน้าไม่เท่ากัน
- ไม่มีการควบคุมความร้อน (Temperature Sensor) → เสี่ยงต่อการทำลายผิวชั้นลึกแบบถาวร
อย่าลืมนะครับว่า เครื่องแท้ + แพทย์เชี่ยวชาญ = ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุดครับ
สรุป
Oligio คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วย
คลื่น RF แบบ Monopolar ที่ให้ผลลัพธ์
ผิวแน่น เรียวกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหา
ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และไม่ต้องการพักฟื้น จุดเด่นคือ
เจ็บน้อย เห็นผลไว และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12–18 เดือน เมื่อเทียบกับ Thermage, Ulthera และ HIFU ถือว่ามีสมดุลที่ดีทั้งด้านราคา ความสบายขณะทำ และประสิทธิภาพ คนที่เหมาะกับ Oligio ได้แก่กลุ่ม
อายุ 25–50 ปี ที่มีปัญหาเริ่มต้นหรือปานกลาง และต้องการยกกระชับแบบดูเป็นธรรมชาติ หมอแนะนำให้เลือกคลินิกที่ใช้เครื่องแท้จาก Wontech พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัย คุ้มค่า และเห็นผลจริงครับ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่:
โทร: 088-121-8888
Line: @smoothclinic
Website: https://smoothclinic.net/
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Oligio
- Oligio คืออะไร? Oligio เป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุ (Monopola RF) ในการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวกลับมาเต่งตึง ริ้วรอยลดเลือน และใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น
- Oligio เหมาะกับใคร? Oligio เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีแก้มและเหนียง มีริ้วรอยร่องตื้น และต้องการยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- การทำ Oligio เจ็บไหม? ระหว่างทำหัตถการ อาจรู้สึกอุ่นๆเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าไม่เจ็บมาก และไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาก็สามารถทำหัตถการได้
- ผลลัพธ์หลังทำ Oligio จะเห็นได้ชัดเจนแค่ไหน? ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานหลายเดือนขึ้นอยู่กับการดูแลผิว
- การทำ Oligio มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง? หลังทำผิวหน้าอาจมีความแดงระเรื่อขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่จะหายได้เองประมาณ 45 นาที โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถล้างหน้า แต่งหน้า และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- Oligio กี่วันเห็นผล? หลังทำเสร็จทันทีจะรู้สึกได้ว่าผิวกระชับขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่แท้จริงจะเริ่มเห็นหลังจากที่มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ประมาณ 1-3 เดือน และให้ผลลัพธ์ยาวนาน 6 เดือน - 1 ปี
- หลังทำ Oligio ควรดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ? หลังทำ Oligio ไม่จำเป็นต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาผิวให้ดูอ่อนเยาว์สุขภาพดี ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ทาครีมกันแดดและทาครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ
- Oligio ราคาเท่าไร ? ราคาของการทำ Oligio จะแตกต่างกันไปตามจำนวน Shot ที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละบุคคล โดยเริ่มต้นที่ 300 Shots สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เยอะ เลือกทำเฉพาะจุด เช่น ทำเฉพาะบริเวณเหนียง, 600 Shorts สามารถทำได้ทั่วบริเวณหน้าและเหนียง สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เยอะมาก และ 900 Shorts สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวค่อนข้างเยอะ ใบหน้าค่อนข้างใหญ่
ซึ่งตอนนี้ที่ Smooth Clinic มีโปรโมชั่น Pre-sale ราคาพิเศษ สามารถจองคิวทำสวยก่อนใครได้เลย
