Skinvive เทรนด์ผิวฉ่ำวาว เคล็ดลับผิวโกลว์ สไตล์สาวเกาหลี 2025

หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลผิวให้ดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี โดยไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง หรือหัตถการที่เปลี่ยนรูปหน้า Skinvive คือทางเลือกใหม่ที่กำลังมาแรงในปี 2025 ด้วยเทคโนโลยีเติมน้ำให้ผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวดูโกลว์ ฉ่ำใสแบบสาวเกาหลี แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไม Skinvive ถึงได้รับความนิยม และเหมาะกับใครมากที่สุด

สารบัญ hide

Skinvive คืออะไร?

Skinvive คือหนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดจากแบรนด์ Juvederm (USA) ที่พัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการ “ฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดี” โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า ไม่ปั้น ไม่บวม และไม่ต้องพักฟื้น

ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่มักเน้น “การเติมเต็ม” หรือ “ปรับรูปหน้า” เช่น แก้ม คาง หรือร่องลึก Skinvive จะฉีดตื้นบริเวณชั้นผิว (intradermal) ในลักษณะกระจายเป็นจุดเล็ก ๆ แบบ Microdroplet Hydration โดยไม่เน้นยกหรือดันผิว แต่ให้ผลลัพธ์คือ “ผิวใส ดูโกลว์ ฉ่ำน้ำ”

Skinvive ที่ต่างจากการฉีดทั่วไป

  • ผิวดูใสขึ้น ไม่มันเยิ้ม ไม่เหนอะหนะ
  • ให้ความชุ่มชื้นลึกยาวนานกว่าเมโสหน้าใสทั่วไป
  • ไม่เปลี่ยนรูปหน้า ไม่ต้องกังวลเรื่องใบหน้าดูแข็ง

นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหา “ผิวแห้งลึกจากภายใน” แม้ภายนอกจะไม่แสดงอาการ เช่น คนที่ใช้ชีวิตในห้องแอร์ นอนน้อย หรือมีผิวบาง แพ้ง่าย

Skinvive จึงไม่ใช่แค่การฉีดผิวให้ดูฉ่ำวาวแบบเกาหลี แต่เป็นการ “ฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดีจริง” เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่อยากดูดีขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

ส่วนผสมสำคัญใน Skinvive คืออะไร?

หัวใจสำคัญของ Skinvive คือ Hyaluronic Acid (HA) โมเลกุลขนาดเล็กที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อ “ให้ความชุ่มชื้นลึกในผิว” โดยไม่ทำให้รู้สึกหนักหรือเหนอะหนะบนใบหน้า ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เน้นให้โครงสร้าง

แต่ความพิเศษของ HA ใน Skinvive ไม่ได้อยู่ที่แค่ปริมาณเท่านั้น แต่อยู่ที่ เทคโนโลยี VYCROSS™ Technology ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของ Juvederm ที่ช่วยให้ HA มีความ “คงตัวสูง กระจายตัวสม่ำเสมอ และอยู่ได้นาน” โดยไม่จับตัวเป็นก้อนใต้ผิว

คุณสมบัติเด่นของ Hyaluronic Acid ใน Skinvive

  • เป็น HA แบบ Cross-linked ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าเมโสที่เป็น HA ธรรมดา
  • ช่วยเก็บความชุ่มชื้นได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวมันเอง
  • ไม่เติมเต็ม ไม่ดันผิว แต่ “บำรุงเซลล์ผิว” ให้ดูฉ่ำวาวจากภายใน
  • มีความอ่อนโยนสูง เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

นอกจาก HA แล้ว Skinvive ยังมีการออกแบบโครงสร้างเนื้อเจลให้มีความ บางเบาเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับฉีดตื้นบริเวณผิวชั้นกลาง ซึ่งต่างจาก HA ในฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับปรับรูปหน้าโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น ใครที่กังวลเรื่องแพ้สาร หรือไม่อยากเสี่ยงกับสารเติมเต็มที่เปลี่ยนรูปหน้า การเลือก Skinvive ถือเป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัย อ่อนโยน และให้ผลลัพธ์ชัดในเรื่องผิวฉ่ำวาวอย่างแท้จริง”

เทคโนโลยี Microdroplet Hydration ทำงานยังไง?

หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของ Skinvive คือ เทคนิคการฉีดแบบ Microdroplet Hydration ซึ่งเป็นการฉีด Hyaluronic Acid เข้าไปในชั้นผิว แบบละอองเล็กกระจายทั่วใบหน้า โดยไม่ใช้เทคนิคปั้นหรือเติมโครงสร้าง

วิธีการทำงานแบบง่าย ๆ

  • แพทย์จะฉีด Skinvive เป็น “หยดเล็ก ๆ” ทั่วใบหน้า โดยเน้นบริเวณที่ผิวขาดน้ำ เช่น แก้ม หน้าผาก หรือใต้ตา
  • แต่ละจุดจะใช้ปริมาณน้อยมาก แต่กระจายตัวได้ทั่วถึง และ ไม่ทำให้เกิดการโป่ง หรือหน้าบวม
  • เมื่อ HA ซึมเข้าเซลล์ผิว จะ ดูดซับน้ำในผิวและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ยาวนาน ทำให้ผิวฉ่ำวาวแบบดูสุขภาพดี

ทำไมเทคโนโลยีนี้จึงต่างจากสกินบูสเตอร์ทั่วไป?

  • สกินบูสเตอร์บางชนิดจะกระจายไม่สม่ำเสมอ หรือดูดน้ำเฉพาะจุด
  • บางตัวอาจทำให้ “หน้าเงาเกินไป” หรือมันเยิ้ม แต่ Skinvive ให้ฟีลลิ่งที่บางเบาและดูธรรมชาติ
  • การฉีดแบบ Microdroplet ยัง ลดโอกาสเกิดรอยเข็ม หรืออาการบวมเขียวช้ำได้มากกว่าการฉีดลึก

เทคนิคนี้ไม่เพียงแค่ “ฉีดแล้วสวย” แต่ยังเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบ ค่อยเป็นค่อยไป ดูดีขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าทำอะไรมา

Skinvive จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นดูแลผิวแบบไม่ต้องกลัวผลข้างเคียงหนัก และเน้นความเป็นธรรมชาติเป็นหลัก

Skinvive ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง? (ผิวโกลว์ ฉ่ำใส สุขภาพดี)

Skinvive ไม่ใช่แค่การฉีดเพื่อ “ความสวย” แต่ช่วย ฟื้นฟูสุขภาพผิวโดยตรง จากภายใน เหมาะกับคนที่อยากให้ผิวดูดีแบบ “ไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ” หรืออยากได้ลุคผิวฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี

ประโยชน์หลักที่ได้จาก Skinvive

  • เติมความชุ่มชื้นลึกระดับเซลล์ผิว เหมาะกับคนที่ผิวขาดน้ำ ผิวแห้งลอก หรือแต่งหน้าไม่ติด
    ให้ผิวดูอิ่มฟู ไม่แห้งกร้าน โดยไม่ต้องพึ่งครีมหรือมาส์ก
  • ผิวใสดูฉ่ำวาวแบบธรรมชาติ หลังฉีดจะสังเกตว่าผิวหน้าดูโกลว์ขึ้น ไม่มันเยิ้ม
    ไม่ต้องแต่งหน้าเยอะก็ยังดูหน้าใสสุขภาพดี
  • ช่วยให้ผิวเนียนละเอียดขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม หน้าผาก และจมูก
    เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
  • ฟื้นฟูผิวโทรมจากการนอนน้อย / ใช้ชีวิตในแอร์ ใครที่หน้าหมองคล้ำ ดูเหนื่อยตลอดเวลา
    Skinvive จะช่วยให้ผิวกลับมามีออร่าภายใน 1–2 สัปดาห์

ทำไม Skinvive ถึงเป็นที่นิยม?

Skinvive กลายเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงในกลุ่มสายบิวตี้และคลินิกเสริมความงามทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะมันตอบโจทย์ “ความต้องการของคนรุ่นใหม่” ที่อยากดูดีแบบ เป็นธรรมชาติ ไม่เว่อร์ ไม่โป๊ะ ในขณะที่หลายคนกลัวการฉีดฟิลเลอร์ หรือรู้สึกว่าเมโสหน้าใสเห็นผลแค่ชั่วคราว Skinvive กลายเป็นตัวกลางที่ “ลงตัว” ทั้งความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด

เหตุผลที่หลายคนเลือก Skinvive

  • ฉีดแล้วไม่บวม ไม่โป๊ะ ไม่เปลี่ยนรูปหน้า เหมาะกับคนที่อยากให้ผิวดีขึ้นแบบแนบเนียน ไม่ดูเหมือนผ่านหัตถการใด ๆ
  • ให้ผิวฉ่ำวาวแบบเกาหลีจริง ไม่ใช่แค่ชั่วคราว ผิวดูสุขภาพดี ฉ่ำใส มีออร่าทันทีที่แสงตกกระทบ เหมาะกับคนที่ต้องเจอกล้องหรือแสงไฟบ่อย ๆ
  • ทำครั้งเดียว อยู่ได้นานหลายเดือน ประหยัดเวลากว่าการบำรุงแบบเดิมที่ต้องทำบ่อย ผิวดูฟูขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ดูไม่หลอกตา
  • ใช้ของแท้จาก Juvederm มั่นใจเรื่องความปลอดภัย มี อย. ไทยรองรับ และใช้ในคลินิกชั้นนำทั่วโลก เหมาะกับคนที่ใส่ใจคุณภาพและผลลัพธ์ระยะยาว

นอกจากนี้ Skinvive ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ และวงการแฟชั่น เพราะให้ฟีลลิ่ง “ผิวจริงที่ดูโกลว์โดยไม่ต้องแต่งเยอะ”

จุดเด่นของ Skinvive

ในปัจจุบันจะมีเทคนิคฉีดผิวหลายแบบให้เลือก (เมโสหน้าใส สกินบูสเตอร์ หรือแม้แต่ฟิลเลอร์งานผิว) แต่ Skinvive ก็ยังโดดเด่นกว่าด้วย “การออกแบบเฉพาะทาง” ที่ตอบโจทย์การฟื้นฟูผิวแบบ ไม่ดัดแปลง ไม่ดราม่า และเห็นผลจริง

จุดที่ทำให้ Skinvive แตกต่าง

  • เทคโนโลยี VYCROSS™ จาก Juvederm เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เนื้อเจลของ Skinvive กระจายตัวได้ดี เนื้อบางเบา ซึมเข้าผิวแบบนุ่มนวล และอยู่ได้นานโดยไม่เป็นก้อนหรือจับตัวใต้ผิว
  • โมเลกุล HA แบบ Microdroplet ช่วยให้การเติมน้ำลงสู่ชั้นผิวเป็นไปอย่างละเอียดและสม่ำเสมอ ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นแบบ “เนียนกริบ” ไม่มีจุดโป่ง หรือบวมสะสม
  • ออกแบบเพื่อ “บำรุง” มากกว่า “เติมเต็ม” ไม่ทำให้หน้าบวม ไม่เปลี่ยนรูปหน้า ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เน้นสร้างโครงสร้าง
  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติขั้นสุด ผิวดูโกลว์ใสแบบ soft focus ไม่เว่อร์ ไม่เงามันจนดูแปลก
    เหมาะมากสำหรับคนที่อยาก “ผิวดีแบบไม่ต้องบอกใคร”

Skinvive เหมาะกับใครบ้าง?

Skinvive ถูกออกแบบมาให้ เข้ากับทุกช่วงวัยและทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่อยากให้ผิวดูโกลว์ สุขภาพดีแบบ “ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา” เหมาะมากกับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ และไม่อยากเปลี่ยนรูปหน้าเลย

กลุ่มที่เหมาะกับ Skinvive โดยเฉพาะ

  • วัยทำงานที่ผิวเริ่มล้า ใครที่ต้องเผชิญกับแสงจากหน้าจอ นอนดึก ทำงานหนัก ผิวจะดูหมองคล้ำ ขาดน้ำ และเริ่มมีรูขุมขนไม่กระชับ Skinvive ช่วยให้ผิวฟื้นฟูแบบไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
  • คนที่อยู่หน้ากล้องหรือเจอแสงไฟบ่อย ผิวจะสะท้อนแสงดีขึ้น ให้ลุคผิวเงาแบบ soft glow เหมาะกับสายแฟชั่น อินฟลูเอนเซอร์ หรือเจ้าสาว
  • ผู้ที่กลัวการฉีดฟิลเลอร์แบบเปลี่ยนหน้า Skinvive ไม่เติมปริมาตร ไม่ยก ไม่ปั้น จึงเหมาะกับคนที่ต้องการแค่ “ผิวดูดี” ไม่ใช่ “รูปหน้าดูเปลี่ยน”
  • คนที่ลองเมโสมาแล้วแต่ไม่เห็นผลระยะยาว เมโสบางสูตรจะให้ผลแค่ 3–5 วัน แต่ Skinvive อยู่ได้นานหลายเดือน
  • คนที่เริ่มเข้าสู่วัย 30+ ที่เริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อมลง ผิวบาง แพ้ง่าย ต้องการฟื้นผิวอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก

ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ไหม?

สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ทั้งแห้ง มัน หรือผิวแพ้ง่าย Skinvive ถูกออกแบบมาให้ อ่อนโยนและปลอดภัยสูง โดยเฉพาะกับผิวที่มีความไวหรือขาดสมดุล

สำหรับผิวแห้ง

  • เป็นกลุ่มที่เห็นผลชัดเจนที่สุด
  • Skinvive ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นยาวนาน
  • ผิวจะดูฟูขึ้น ไม่แห้งลอกแต่งหน้าไม่ติด

สำหรับผิวมัน

  • หลายคนคิดว่าผิวมันไม่ต้องเติมน้ำ แต่จริง ๆ แล้ว “ผิวมันเพราะผิวขาดน้ำ”
  • Skinvive ช่วยปรับสมดุลให้ผิวดูฉ่ำ แต่ไม่เหนอะ ไม่เยิ้ม
  • ผิวมันที่ผ่านการฉีดจะดูแมตต์ใส ไม่วาวเกินไป

สำหรับผิวแพ้ง่าย

  • สูตรของ Skinvive ไม่มีสารกระตุ้นภูมิแพ้ (Fragrance-free, Paraben-free)
  • มีความบริสุทธิ์สูง ใช้ HA ลิขสิทธิ์เฉพาะจาก Juvederm
  • เหมาะกับคนที่เคยมีประวัติแพ้เมโสบางชนิด
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด และทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

Skinvive อันตรายไหม? ผ่าน อย. ไทยหรือยัง?

Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Juvederm (USA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ AbbVie ผู้ผลิตฟิลเลอร์ระดับโลกที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากกว่า 100 ประเทศ ผ่านการอนุมัติจาก FDA สหรัฐฯ (Food and Drug Administration) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เข้มงวดที่สุดในโลกด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ภายใต้ชื่อทางการค้าอย่างถูกต้อง

Skinvive ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร?

Skinvive vs ฟิลเลอร์ Volite / Skin Booster

  • Volite และฟิลเลอร์งานผิว เน้นฟื้นฟูผิวชุ่มชื้นเช่นกัน แต่มักฉีดลึกกว่าหรือให้โครงสร้างบางส่วน
  • Skinvive ฉีดตื้นกว่า เนื้อบางเบากว่า ไม่ทำให้หน้าเปลี่ยน ไม่ดันผิว

Skinvive vs Rejuran / Exosome / เมโสหน้าใส

  • Rejuran เน้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว / Exosome เน้นกระตุ้นการฟื้นฟูด้วยสัญญาณเซลล์
  • เมโสหน้าใสเห็นผลไวแต่สั้น Skinvive อยู่ได้นานกว่า และมีผลลัพธ์ชัดในเรื่อง “ความฉ่ำวาวใส”

Skinvive vs สกินบูสเตอร์ทั่วไปในตลาด

  • สกินบูสเตอร์ทั่วไปมักใช้ HA แบบ non-crosslinked ที่อยู่ได้ไม่นาน
  • Skinvive ใช้ HA แบบ cross-linked ผ่านเทคโนโลยี VYCROSS™ ให้ผลยาวนานและสม่ำเสมอ

[เปรียบเทียบ Juvelook vs Sculptra vs Rejuran vs Skinvive]

ฉีด Skinvive ช่วยให้ผิวดีขึ้นยังไง?

หลังฉีด Skinvive แล้ว หลายคนมักสงสัยว่า “ผิวจะเปลี่ยนแปลงยังไง?” หรือ “มันให้ผลจริงแค่ไหน?”

  1. ผิวโกลว์ ฉ่ำวาวแบบไม่มัน ไม่หนักหน้า
  • หลังฉีด 1–3 วันแรก ผิวจะเริ่มดูใสขึ้นแบบ subtle
  • เมื่อสัมผัสแสง จะเห็นความฉ่ำแบบ soft glow ไม่วาวเยิ้มเหมือนผิวมัน
  • ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือมีอะไรเคลือบผิวอยู่
  1. ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับขึ้น
  • ผิวชั้นบนจะดูเรียบขึ้น ทำให้รูขุมขนดูกระชับโดยไม่ต้องแต่งหน้าหนา
  • เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้างบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก
  1. ชุ่มชื้นจากภายในโดยไม่ต้องพึ่งมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตลอดวัน
  • HA ใน Skinvive จะดูดซับน้ำไว้ในผิว ทำให้ไม่รู้สึกแห้งตึงแม้อยู่ในห้องแอร์
  • คนที่เคยมีปัญหาแต่งหน้าไม่ติด จะรู้สึกว่าผิวรองพื้นง่ายขึ้น
  1. สีผิวโดยรวมดูสว่าง สดใสขึ้น
  • เมื่อผิวชุ่มชื้นพอ ผิวจะสะท้อนแสงได้ดีขึ้น ดูกระจ่างใสโดยไม่ต้องใช้ highlighter
  • ผิวที่เคยดูหมอง คล้ำ หรือโทรมจากการพักผ่อนน้อย จะดู “สด” ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ฉีด Skinvive ได้บริเวณไหนบ้าง?

Skinvive ใช้ได้กับหลายจุดบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มักแสดงความแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หรือดูโทรมก่อนวัย

บริเวณยอดฮิตที่นิยมฉีด Skinvive

  • แก้ม 2 ข้าง: ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ ผิวบริเวณนี้โกลว์ ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดีขึ้นทันที
  • ใต้ตา: เติมความชุ่มชื้นให้ผิวบางรอบดวงตา ช่วยลดความหมองคล้ำแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์
  • หน้าผาก: ผิวบริเวณนี้มักแห้งง่ายโดยไม่รู้ตัว การฉีด Skinvive จะช่วยให้หน้าผากดูเรียบเนียน โกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ
  • แนวกรอบหน้า: ช่วยให้ผิวบริเวณกรอบหน้าดูฟู ไม่แห้ง ไม่หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่อยากให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์

สามารถฉีดทั่วใบหน้าได้ไหม?

สามารถฉีดได้ทั้งใบหน้าในลักษณะ “กระจายบางเบาแบบ Microdroplet” แพทย์จะออกแบบให้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล โดยไม่จำเป็นต้องฉีดทุกจุดเสมอไป

ขั้นตอนการฉีด Skinvive

การฉีด Skinvive ถือเป็นหัตถการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับคนที่อยากดูแลผิวแต่มีเวลาจำกัด หรือไม่สะดวกพักฟื้น

เตรียมตัวก่อนฉีด

  • งดวิตามินและยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา, แอสไพริน ประมาณ 3-5 วันก่อนทำ
  • งดแอลกอฮอล์และของหมักดองก่อนทำ 24 ชม.
  • ล้างหน้าให้สะอาด งดแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ

ขั้นตอนระหว่างการฉีด

  • พทย์จะประเมินสภาพผิวและออกแบบจุดที่เหมาะสมสำหรับการฉีด
  • ทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 20–30 นาทีเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ
  • ใช้เทคนิค Microdroplet ฉีดกระจายเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วบริเวณแก้ม หรือจุดที่ต้องการบำรุงผิว
  • ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30–45 นาที

หลังฉีด สามารถกลับบ้านได้ทันที

  • ไม่มีแผลเปิด ไม่ต้องพักฟื้น
  • อาจมีรอยแดงบางจุดจากรอยเข็ม ซึ่งมักจะหายภายใน 1–3 วัน
  • สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแค่ระวังการสัมผัสหรือกดแรงบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก

หลังฉีด Skinvive ต้องดูแลยังไง?

แม้การฉีด Skinvive จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่การดูแลผิวหลังทำอย่างถูกวิธีก็จะช่วย ลดโอกาสเกิดรอยช้ำ เพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ และยืดอายุของความชุ่มชื้นในผิวให้นานขึ้น

สิ่งที่ควรทำหลังฉีด Skinvive

  • ใช้ เจลประคบเย็นเบา ๆ ในวันแรก หากมีรอยบวมแดงจากรอยเข็ม
  • ดื่มน้ำมากกว่าปกติใน 3–5 วันหลังฉีด เพื่อช่วยให้ Hyaluronic Acid ดูดซับน้ำและทำงานได้เต็มที่
  • นอนหมอนสูงเล็กน้อยในคืนแรก เพื่อช่วยลดอาการบวม

สิ่งที่ควรงดหลังฉีด Skinvive

  • งดการ แต่งหน้า / ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ภายใน 6–12 ชั่วโมงแรก
  • หลีกเลี่ยง การนวดหน้า แปะมาส์ก หรือทำเลเซอร์ บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  • งดเข้า ห้องซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

การดูแลผิวหลังทำให้ผลลัพธ์ชัดขึ้น

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อเบา เพื่อช่วยคงความชุ่มชื้นในผิว
  • ทากันแดดเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
  • ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารระคายเคือง

Skinvive ราคาเท่าไหร่? 2025

ราคา Skinvive จะขึ้นอยู่กับ ปริมาณที่ใช้, บริเวณที่ฉีด, ประสบการณ์ของแพทย์ และ มาตรฐานของคลินิก ซึ่งทำให้ราคาอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละที่

ราคาประมาณ

  • เริ่มต้นที่ประมาณ 13,900 บาท ต่อ 1 cc
  • โดยทั่วไปบริเวณที่นิยมฉีด เช่น แก้ม 2 ข้าง มักใช้ 1–2 cc
  • หากมีโปรโมชั่นแบบแพ็กเกจ ราคาต่อ cc อาจถูกลง

ปัจจัยที่ทำให้ราคาสูง–ต่ำ

  • ปริมาณที่ใช้: บางคนผิวแห้งมาก อาจต้องใช้ 2–3 cc
  • คลินิกที่เลือก: คลินิกที่ใช้ของแท้ ตรวจสอบได้ มักมีราคาสูงกว่า แต่ปลอดภัยกว่า
  • ประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ที่มีความชำนาญด้านผิวเฉพาะทางมักมีราคาสูงกว่า แต่ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและดูธรรมชาติมากกว่า

ผลข้างเคียงจาก Skinvive หลังฉีด

ส่วนใหญ่จะเป็นอาการเล็กน้อยและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว อาการที่อาจพบหลังฉีด Skinvive มีดังนี้

  • บวมแดงตรงรอยเข็ม: เป็นอาการปกติหลังฉีด มักหายได้เองภายใน 24–72 ชั่วโมง
  • ช้ำหรือรอยเขียวจาง ๆ: เกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณผิวหนังแตกขณะฉีด พบได้เล็กน้อยในบางราย
  • รู้สึกตึงผิวหรือแข็งบางจุด: เกิดจากเนื้อ Skinvive กระจายตัวยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะค่อย ๆ นิ่มและกลืนเข้ากับผิวภายใน 1–2 สัปดาห์

อาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์ทันที

  • ปวด บวม แดง ร้อนแรงผิดปกติบริเวณที่ฉีด
  • มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง หรืออาการติดเชื้อชัดเจน
  • รู้สึกชาหรือเปลี่ยนสีผิวในบริเวณฉีดนานผิดปกติ

คนผิวแพ้ง่ายต้องระวังอะไรเพิ่มเติมไหม?

  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ และหลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงที่ผิวมีการอักเสบ เช่น สิวอักเสบ ผื่นแพ้เฉียบพลัน

ใช้เวลานานไหมถึงจะเห็นผล?

หลายคนที่กำลังตัดสินใจฉีด Skinvive มักสงสัยว่า “เห็นผลทันทีไหม?”, “ต้องฉีดกี่ครั้ง?”, หรือ “อยู่ได้นานแค่ไหน?”

ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผล

  • ผิวจะเริ่มดู ใส ฉ่ำวาวขึ้นภายใน 3–7 วัน หลังฉีด
  • ความชุ่มชื้นในผิวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน สัปดาห์ที่ 2
  • จุดเด่นคือ ผิวจะดูดีขึ้น “อย่างแนบเนียน” โดยที่คนรอบข้างไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา

ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?

  • ส่วนใหญ่เห็นผลตั้งแต่ ครั้งแรก
  • แต่ถ้าต้องการผลที่แน่นขึ้น อาจเติมครั้งที่สองหลังจาก 6–9 เดือน
  • ไม่ใช่การฉีดแบบต่อเนื่องถี่ ๆ เหมือนเมโสบางสูตร

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • โดยเฉลี่ย อยู่ได้นานประมาณ 6–9 เดือน
  • แล้วแต่สภาพผิวเดิม พฤติกรรมการดูแลผิว และการดื่มน้ำของแต่ละคน
  • ถ้าดูแลดี (พักผ่อนเพียงพอ ดื่มน้ำ ทากันแดด) ผิวจะคงสภาพดีได้นานกว่า

วิธีดู Skinvive ของแท้

ในยุคที่ความนิยมของ Skinvive สูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงเรื่อง ของปลอม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน มากขึ้นด้วย เพื่อความปลอดภัยของผิวและผลลัพธ์ที่คุณควรได้รับ การตรวจสอบว่า “Skinvive ที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

วิธีตรวจสอบ

  • ดูแพ็กเกจ: Skinvive ของแท้จะมาในกล่อง Juvederm ที่มีการซีลอย่างเรียบร้อย สีเทา-เงิน ขนาดกล่องพอดีมือ
  • มีสติกเกอร์ตัวแทนจำหน่าย: ทุกกล่องต้องมีฉลากภาษาไทยที่บ่งบอกชื่อผู้นำเข้าอย่างถูกต้อง พร้อมหมายเลขทะเบียน อย. ไทย
  • มีหมายเลขล็อตยาและวันหมดอายุ ชัดเจน ตรงกับใบรับรองที่คลินิกแสดงให้ดู
  • แพทย์ควรเปิดกล่องต่อหน้า: เพื่อให้คุณมั่นใจว่าไม่ได้ใช้กล่องซ้ำ หรือของที่ผ่านการเปิดมาแล้ว

สรุป

Skinvive เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูฉ่ำวาว สุขภาพดี โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปหน้าหรือพักฟื้น ด้วยเทคโนโลยีการฉีดแบบ Microdroplet และส่วนผสมของ Hyaluronic Acid แบบลิขสิทธิ์จาก Juvederm ทำให้ Skinvive ช่วยเติมน้ำให้ผิวลึกจากภายใน ให้ผลลัพธ์ชัดเจนแต่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย และอยู่ได้นาน 6–9 เดือนอย่างปลอดภัย เหมาะมากกับคนที่อยากเริ่มต้นดูแลผิวแบบจริงจัง โดยไม่ต้องเสี่ยงกับฟิลเลอร์หรือหัตถการหนักๆ Skinvive จึงไม่ใช่แค่การฉีดเพื่อความสวย แต่เป็นการดูแลผิวแบบยั่งยืนในปี 2025

คำถามที่พบบ่อย (Q&A)

Q: Skinvive เห็นผลทันทีไหม?
A: ไม่ถึงกับเห็นผล “ทันทีหลังฉีด” แต่จะเริ่มเห็นความชุ่มชื้นและความโกลว์ชัดเจนภายใน 3–7 วัน และพัฒนาเรื่อย ๆ ใน 2 สัปดาห์

Q: ฉีดกี่ cc ถึงจะเห็นผล?
A: โดยทั่วไปฉีด 1–2 cc ก็เห็นผลชัดเจนแล้ว โดยขึ้นกับพื้นที่ที่ฉีด เช่น แก้ม 2 ข้าง หรือหน้าผาก

Q: ต้องฉีด Skinvive กี่ครั้ง และควรฉีดซ้ำบ่อยแค่ไหน?
A: ส่วนใหญ่ฉีดเพียง 1 ครั้งก็เห็นผล แต่เพื่อคงผลลัพธ์ให้ชัดเจนและยาวนาน แนะนำฉีดซ้ำทุก 6–9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพฤติกรรมการดูแลของแต่ละบุคคล เช่น การพักผ่อน ดื่มน้ำ และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงอย่างสม่ำเสมอ

Q: Skinvive อยู่ได้นานแค่ไหน?
A: อยู่ได้นานประมาณ 6–9 เดือน แล้วแต่สภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละคน เช่น การดื่มน้ำ พักผ่อน และการใช้สกินแคร์

Q: ผิวเป็นสิว หรือผิวแพ้ง่าย ฉีดได้ไหม?
A: ฉีดได้หากไม่มีสิวอักเสบหรือผิวอักเสบในช่วงนั้น โดยแพทย์จะประเมินก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัย

Q: Skinvive เปลี่ยนรูปหน้าไหม?
A: ไม่เปลี่ยนแน่นอน เพราะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มหรือปรับรูปหน้า แต่เน้น “บำรุงผิว” อย่างเดียว

Q: ฉีดแล้วสามารถทำทรีตเมนต์อื่นต่อได้ไหม?
A: สามารถทำทรีตเมนต์อื่นๆ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ ได้ในวันเดียวกันหรือหลังจากฉีด 1–2 สัปดาห์ แต่ควรให้แพทย์ประเมินก่อนเสมอ

Q: หลังฉีด Skinvive สามารถนวดหน้า หรือมาส์กหน้าได้ไหม?
A: หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือมาส์กหน้าใน 3–5 วันแรก หลังฉีด Skinvive โดยเฉพาะบริเวณที่มีรอยเข็มหรือบวมเล็กน้อย เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์กระจายผิดตำแหน่ง

Q: คนท้องหรือให้นมบุตรฉีด Skinvive ได้ไหม?
A: ไม่แนะนำให้ฉีดในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้จะไม่มีข้อมูลว่าก่ออันตราย แต่เพื่อความปลอดภัย ควรรอให้ร่างกายสมบูรณ์ก่อน

Q: ถ้าฉีดแล้วไม่ชอบ ผลลัพธ์กลับมาเหมือนเดิมไหม?
A: Skinvive จะค่อย ๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง และไม่มีผลถาวร จึงเป็นอีกหนึ่งความปลอดภัยที่ผู้ใช้มั่นใจได้

Q: Skinvive ต่างจากมอยส์เจอไรเซอร์อย่างไร?
A: Skinvive เป็นการเติมความชุ่มชื้นจากภายในผิวด้วยไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) ที่ฉีดเข้าสู่ชั้นผิว ในขณะที่มอยส์เจอไรเซอร์เป็นการทาบนผิวเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ การใช้ร่วมกันจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสุขภาพดีมากขึ้น

Q: Skinvive เหมาะกับผิวประเภทใด?
A: Skinvive เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา ​

Q: หลังฉีด Skinvive ต้องหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง?
A: ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การออกกำลังกายหนัก การสัมผัสแสงแดดจัด และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด ​

Q: Skinvive สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่นๆ ได้ไหม?
A: สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่นๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคืองในช่วงแรกหลังการฉีด

Q: Skinvive มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
A: ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ รอยแดง บวม หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน ​

Q: Skinvive สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ไหม?
A: Skinvive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิว ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ได้ แต่ไม่ใช่การรักษาริ้วรอยลึก

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือสนใจรับคำปรึกษาเกี่ยวกับ Skinvive สามารถติดต่อ สมูทคลินิก ของเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายได้เลยครับ

smooth clinic logo light
Get This Treatment
ติดต่อเรา